Review: Manchester by the Sea (Kenneth Lonergan, 2016) เขียนโดย Form Corleone

Manchester by the Sea (Kenneth Lonergan, 2016) คะแนน A+


By Form Corleone

" ชายคนหนึ่งกับหัวใจที่แตกสลาย " หนังเล่าเรื่องราวของชีวิตคนๆหนึ่งได้อย่างสมจริง พร้อมกับบทภาพยนตร์ที่ดีเยี่ยม บริบทของหนังเรื่องนี้ค่อยๆพาเราซึมซับสัมผัสไปกับความรู้สึกของตัวละครตัดสลับเหตุการณ์ในอดีตที่ตัวละครประสบพบเจอ เสมือนเรากำลังเข้าไปแบกหินก้อนเล็กๆจนกลายเป็นก้อนใหญ่มากขึ้นเมื่อทุกอย่างเฉลยถึงที่มาที่ไปของพฤติกรรมที่ตัวละครได้กระทำ ณ ปัจจุบัน เสมือนว่าเราได้แบกรับหินก้อนนั้นไปพร้อมกับตัวละครและไม่สามารถวางมันลงได้เลย เรื่องราวในเรื่องอยู่บนเส้นของความจริงที่คนๆหนึ่งสามารถเจอกับเหตุการณ์แบบในเรื่อง ความสัมพันธ์ของครอบครัว ความสัมพันธ์ของคนรัก เหตุการณ์สะเทือนใจ การลาจากพลัดพราก ทุกๆนาทีของหนังมีความหมายรวมถึงเป็นตัวแปรสำคัญทั้งหมดในเรื่อง ถึงแม้ว่าหนังจะให้ความรู้สึกหัวใจแตกสลายอย่างยับเยิน แต่ก็ไม่ได้ใส่แง่มุมดราม่าหนักๆจนเกินความจำเป็น เพราะชีวิตคงไม่ได้มีแต่เรื่องราวทุกข์ใจเพียงด้านเดียว ตัวหนังนำเสนอแง่มุมของความสุขผสมความทุกข์ได้อย่างลงตัว มีทั้งฉากที่สะเทือนใจ ฉากหัวเราะ ฉากร่วมทุกข์ร่วมสุขของคนในครอบครัว ทำออกมาได้ดีมากและดูเรียลมากๆ ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้ตัวผู้กำกับที่สามารถนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดภายในเรื่องได้อย่างสมจริง เราชอบบทภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ทั้งบทเศร้าและบทสนุก 'อ่อนละมุม+ทิ่มแทง' ความรู้สึกได้ในเวลาเดียวกัน


การแสดงของ 'Casey Affleck' สมควรที่จะได้รับรางวัลนักแสดงนำชายในปีนี้ไปครอบครองจริงๆ ด้วยวิธีแสดงที่ให้ความรู้สึกของคนที่หัวใจสลาย แตกละเอียดเกินเยียวยา เจ็บปวดแต่ต้องทนอยู่ แบกโลกทั้งใบไว้กลางอก สีหน้าแววตา ท่าทางต่างๆ ล้วนแสดงถึงความรู้สึกสุดแสนเจ็บปวดในมุมลึกของจิตใจ ยิ่งช่วงเวลาของหนังขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ ความทนทุกข์ก็แสดงออกมามากขึ้นเท่านั้น รวมถึงนักแสดงสมทบอย่าง 'Michelle Williams' แม้จะออกมาไม่เยอะ แต่เพียงแค่ฉากเดียวก็ทำให้เราร้องไห้ถึงความสัมพันธ์ที่แม้จะรักกันแต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองก้าวผ่านเรื่องราวสุดโหดร้ายไปได้จริงๆ ความรักอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะชนะสิ่งที่เลวร้ายจนไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไข้ได้ ในส่วนของ 'Lucas Hedges' ที่รับบทเป็นหลานชายนั้น ถือเป็นตัวละครที่เข้ามาช่วยให้เรื่องราวสุดดราม่าได้เจือจางลงบาง แต่แง่มุมระดับความสัมพันธ์ไม่ได้ลดน้อยลง เป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มเรื่องราวทั้งหมดให้ลงตัวกลมกล่อมอย่างมีมิติ


ความพิถีพิถัน+ละเมียดละมุมของบทภาพยนตร์นั้นไม่ได้พยายามยัดเยียดความหม่นเศร้าที่ตัวละครพึ่งได้รับและไม่ได้ตอกย้ำซ้ำเติมหรือโหมกระหน่ำใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงการบอกเล่าเรื่องราวของคนๆหนึ่งอย่างเนิบช้าแต่มีมิติจับต้องได้ เราเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์อยู่ภายนอก ดูชีวิตของเขา ดูวิถีชีวิตของเขา ดูการกระทำของเขา และเมื่อเราสัมผัสตัวตนของตัวละครตัวนี้มาได้สักพักหนึ่ง หลังจากนั้นตัวหนังจะค่อยๆเฉลยแง่มุมที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของตัวละคร นั้นทำให้เราเข้าใจ+สงสาร+เวทนา ในตัวละครตัวนี้อย่างสุดซึ้งและถือเป็นความสำเร็จของตัวหนังอย่างหลีกหนีไม่ได้เลย ไม่เพียงแค่นั้นหนังยังไม่ได้โฟกัสไปที่คนๆเดียว เรื่องราวระหว่างพี่ชายของเขา ปัญหาวัยรุ่นของหลานชาย ปัญหาครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ทุกสิ่งอย่างนั้นล้วนถ่ายทอดอย่างเป็นธรรมชาติ


วิธีการตัดสลับเหตุการณ์อดีตกับปัจจุบันของ 'Manchester by the Sea' น่าสนใจมาก เพราะไม่ได้ตัดแบบต่อเนื่องกัน หนังตัดอย่างก้าวกระโดดแต่เข้าใจได้ สามารถหยิบอดีตขึ้นมาแปะตรงช่วงไหนก็ได้ตามที่ต้องการโดยไม่เสียรูปทรงของหนังแต่อย่างใด ถือเป็นอะไรที่พิเศษมาก เพราะถ้าทำได้ไม่ดีไม่ลงตัวจะทำให้เรื่องราวทั้งหมดขาดช่วงความรู้สึกในทันที ซึ่งไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่หนังตัดสลับได้ไม่ดี ถือว่ามั่นคงในแก่นเรื่องสุดๆ หนักแน่นในทุกๆมิติ 'โลเคชั่น' ของหนังเหมาะกับเรื่องราวในเรื่องค่อนข้างมากถึงมากที่สุด หนังเลือกใช้เมืองที่อยู่ติดทะเลตามชื่อเรื่อง 'ทะเล' เปรียบเสมือนตัวแทนของคนเศร้า เราอยากเอาความทุกข์ไปลอยทะเลให้จบๆไป เราอยากดื่มด่ำกับเสียงคลื่นให้ลืมเรื่องราวในอดีต ซึ่งหนังเลือกสถานที่ได้เหมาะมาก รวมถึงถนนสองข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวยังให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอีกด้วย ดนตรีประกอบชวนนิ่งแต่แฝงไปด้วยมวลพลังงานมหาศาล ให้ความรู้สึกสับสนในสภาพจิตใจของตัวละครในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงบร่มเย็นไปในตัว เป็นความสับสนในภาวะจิตใจ


สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด 'Manchester by the Sea' ถือเป็นหนังที่ให้ความรู้สึกของคนใจสลายได้อย่างสมจริงที่สุด องค์ประกอบทุกสิ่งอย่างสามารถทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจ เห็นใจ เอาใจช่วย ถือเป็นงานคุณภาพสูงที่สุดเรื่องหนึ่ง หนังถ่ายทอดช่วงชีวิตของคนที่สูญเสียทุกอย่าง ถ่ายทอดความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ให้แง่มุมการเผชิญหน้ากับความทุกข์ที่กำลังแบกรับ ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นธรรมชาติและทรงคุณค่าในตัวของมันเอง ไม่ต้องแต่งเติมหรือใส่เพิ่ม เราก็สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกต่างๆทั้งหมดได้อย่างท่วมท้น ภาพรวมอาจให้ความรู้สึกสะเทือนใจ แต่เนื้อในของหนังเรื่องนี้สอดแทรกประเด็นชีวิตได้อย่างสวยงาม ท้ายสุด ' ในวันที่หัวใจแตกสลาย เราเพียงแค่ต้องการใครสักคนนั่งเป็นเพื่อนกันข้างๆก็พอ '


ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่