Manchester By the Sea : แค่...ต้องการใครสักคน
“ พิถีพิถัน บรรจงเล่าเรื่องด้วยความละเอียดลออ พร้อมกับความสะเทือนใจ ”
“ Casey Affleck แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ”
Manchester by the Sea คือ ผู้ท้าชิง Oscar ประจำปีนี้ที่น่าจะตามองมากๆ ด้วยการเข้าชิง Oscar ถึง 6 รางวัล และยังได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำมาแล้ว อีกทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมจากเทศกาลหนังใหญ่ๆมากมาย ดังนั้น Manchester by the Sea ถือเป็นตัวเก็งที่คอหนังผู้ชื่นชอบหนังรางวัลต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดและพลาดไม่ได้จริงๆ
Manchester by the Sea ได้รับการกำกับและเขียนบทโดย
Kenneth Lonergan โดยมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของ
Lee Chandler (Casey Affleck) ชายหนุ่มผู้เผชิญความทุกข์อย่างแสนสาหัสมากมายและในครั้งนี้ เขาก็ได้เป็นผู้สูญเสียอีกครั้งในฐานะน้องชายที่ต้องสูญเสียพี่ชาย
Joe Chandler (Kyle Chandler) ทำให้เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการงานศพและเป็นดูแลของ
Patrick (Lucas Hedges) ลูกชายของโจ หนุ่มวัยรุ่นที่ไม่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับลีนัก
หนังค่อยๆละเลียดความเจ็บปวดให้คนดูค่อยๆสัมผัสอย่างพิถีพิถัน
Manchester by the Sea เป็นหนังชีวิตที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งสำหรับผม ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่ค่อนข้าง Real และละเมียดละไมในการเล่า Manchester by the Sea มีแก่นหนังอยู่ที่เรื่อง
‘ ความเจ็บปวดของลี ’ ที่ต้องผ่านการสูญเสียสิ่งต่างๆมากมาย จนแทบเรียกได้ว่าชีวิตไม่เหลืออะไรเลย หนังจะค่อยๆเล่าถึงความเจ็บปวดอย่างละเลียด พิถีพิถัน ให้คนดูค่อยๆสัมผัสถึงความเจ็บปวดต่างๆที่เขาต้องเจอ โดยไม่เค้นดราม่าแบบฟ้าถล่มหรือเล่นที่ความเครียดอย่างหนักๆ สุดท้ายเราก็จะรู้สึกสะเทือนใจไปกับชีวิตของลีและเข้าใจว่าทำไมลีถึงไม่แทบไม่เคยยิ้มและหน้าตาอมทุกข์เลยตลอดทั้งเรื่อง
หนังเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวและอารมณ์ที่แตกต่างกันไป
ในส่วนการดำเนินเรื่อง หนังจะดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ Real และไม่เน้นเค้นอารมณ์มากมาย ค่อยๆปล่อยให้เรื่องราวไหลผ่านผู้ชมไปอย่างช้าๆ แต่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ ในช่วงแรกของหนัง หนังจะดำเนินเรื่องแบบช้าๆ (แต่ไม่น่าเบื่อนะ) ดูชีวิตประจำวันของลี ซึ่งเหมือนจะเพื่อให้เราทำความคุ้นเคยกับลีก่อนว่า เขาเป็นคนนิสัยอย่างไร มีความรู้สึกอย่างไร ทำไมเขาถึงทำตัวแปลกแยกหรือบางทีก็ดูซึมๆตลอดเวลา ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ค่อยๆเฉลยปมหนังทีละจุดในเวลาต่อมา ทั้งเรื่องราวในอดีต ความเจ็บปวดของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอดีตภรรยา ความรักและความผูกพันระหว่างเขาก็พี่ชาย ตัดสลับกับเล่าเรื่องราวปัจจุบันที่เขาต้องจัดการงานศพและจัดการชีวิตหลานชายที่ไม่ค่อยถูกชะตากับเขา
ในขณะที่หนังดำเนินเรื่องด้วยประเด็นที่ค่อนข้างหนัก แต่หนังสามารถทำให้คนดูสะเทือนอารมณ์ได้แบบไม่บีบอัดเกินไป มิหนำซ้ำหนังยังเป็นธรรมชาติมาก ราวกับชีวิตคนจริงๆที่เราตามดูชีวิตเขาว่าเขาจะเป็นอย่างไร ในเรื่องราวที่มีแต่ความทุกข์ก็มีเรื่องตลกแฝงมาด้วย (แต่ในโทนตลกร้าย ตลกหน้าตาย) นอกจากนี้หนังก็ไม่ได้เน้นไปที่เฉพาะตัวลีอย่างเดียว แต่หนังยังผสมผสานเรื่องราวหลายอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งการดำเนินเรื่องผ่านชีวิตของหลานชาย ปัญหาวัยรุ่น ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ของหลาน การแบกรับความทุกข์จากการสูญเสียคนที่พ่อไปอย่างกะทันหัน จนกระทั่งการรับมืออาที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไร หนังจึงไม่ได้ดราม่าอย่างเดียว แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวส่วนผสมมากมายที่ซับซ้อน มาพร้อมกับอารมณ์ที่หลากหลาย
สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Manchester by the Sea แตกต่างจากหนังเรื่องอื่น ทั้งในแง่เป็นหนังชีวิต หนังครอบครัว หนังปัญหาวัยรุ่นและหนังตลกร้ายในเรื่องเดียว
สิ่งที่ประทับใจสำหรับ Manchester by the Sea
จุดเด่นที่น่าสนใจมากสำหรับ
Manchester by the Sea ก็คือ การเล่าเรื่องแบบตัดสลับอดีตปัจจุบันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ในจุดนี้หนังแสดงออกมาได้โดดเด่น โดยหนังจะตัดสลับไปมาแบบอิสระ (แต่ดูไม่ยาก) ซึ่งการตัดสลับไปมาเพื่อดำเนินเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แถมยังทำให้หนังน่าสนใจขึ้นอีกมาก ส่วนอีกอย่างที่ประทับใจมาก ก็คือ เหมือนหนังได้ตั้งข้อสงสัยในตอนแรกให้คนดูเกิดคำถามเกี่ยวกับลีว่าชีวิตเขาเป็นอะไรกันแน่ค่อยๆเฉลยปมต่างๆในชีวิตเขาและสุดท้ายก็สามารถสร้างบทสรุปจบหนังได้อย่างสวยงาม รวมถึงหนังสร้างความสะเทือนใจให้กับคนดูได้อย่างรุนแรง แต่ช้าๆและมั่นคง (ในบางฉากนี่ผมน้ำตาเอ่อเลย) หนังยังมีการนำเรือมาใช้เป็นสัญลักษณ์ความผูกพันของครอบครัวระหว่างโจ แพทริค ลี อีกด้วย ซึ่งเรือลำนี้ได้ผูกความสัมพันธ์ของทั้งสามคนนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น หนังยังให้แง่คิดชีวิตที่น่าสนใจว่า
“ถ้าหากคนสำคัญในชีวิตเราจากไป เราจะรู้สึกอย่างไร” ชีวิตของลี ก็คือคำตอบของคำถามนี้แหละ บางทีจิตใจที่แหลกสลาย มันก็ยากที่จะข้ามผ่าน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมประทับใจมากใน Manchester by the Sea
Manchester by the Sea ยังมีเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำให้หนังโดดเด่น นั่นก็คือ เรื่อง
Location สถานที่ถ่ายทำและมุมกล้องภาพหนังอันสวยงาม ดูเรียบสงบ สำหรับ Location เมืองนี้มีชื่อว่า
'Manchester by the Sea' ตรงกับชื่อเรื่องนี่แหละ หากได้พิจารณาจากในหนัง เราจะพบว่าผู้สร้างเลือกเมืองได้ดีมาก เพราะ Manchester by the Sea เป็นเมืองที่สวย มีบรรยากาศที่เงียบสงบ ขาวโพลนไปด้วยหิมะ บางทีก็ยังให้ความรู้สึกดูเหงาๆ จากบรรยากาศท้องฟ้า ทะเล เรือต่างๆในเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างบรรยากาศหนังได้ดีและเมือง
Manchester by the Sea ยังเป็นเมืองที่ก่อให้เกิดความผูกพันของโจ ลีและแพทริคอีกด้วย
ส่วนคำเตือนสำหรับหนังเรื่องนี้ ก็คือ ไม่ได้เป็นหนังที่เหมาะกับทุกคน เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังชีวิตกับคอหนังรางวัลมากกว่า ด้วยสไตล์หนังเรื่อยๆ หนังจึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความฉับไว Manchester by the Sea เลยเหมือนกับไวน์ที่ต้องค่อยๆดื่ม ค่อยๆสัมผัส มีความเป็นธรรมชาติสูง ดังนั้นถ้าไม่ชอบหนังสายนี้ ดูแล้วก็อาจจะเบื่อได้ (แต่ก็ยังให้แนะนำให้ได้ไปดูกันนะครับ เพราะ หนังดีมากจริงๆ)
นักแสดง : Casey Affleck, Lucas Hedges และ Michelle Williams ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar
สำหรับ Manchester by the Sea นักแสดงสามารถแสดงได้ดีทุกคน แต่ที่โดดเด่นมากกว่าคนอื่นๆ คงเป็น
Casey Affleck, Lucas Hedges และ Michelle Williams เพราะ เขาทั้งสามคนนี้ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายและหญิงยอดเยี่ยม หากได้ลองดู Manchester by the Sea แล้ว ก็คงจะไม่แปลกใจว่าทำไมทั้งสามคนถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar
Casey Affleck ผมไม่แปลกใจว่าทำไมพี่แกถึงคว้าลูกโลกทองคำไปแล้ว ปกติผมไม่เคยดูหนังที่ Casey แสดง การได้ดูเขาแสดงในเรื่องนี้ด้วยคุณภาพขนาดนี้ จึงรู้สึกเซอไพร์สมากๆ Casey Affleck สามารถแสดงบทบาทลีได้อย่างดีเยี่ยม คาแรคเตอร์ที่พูดน้อย ราวกับว่าภายในกำลังแบกรับเรื่องราวบางอย่างที่หนักหนาสาหัสอยู่ ดูน่าสงสาร น่าเห็นใจอยู่ลึกๆ Casey Affleck ไม่ได้แสดงด้วยท่าทางอะไรมาก แต่ใช้แววตา สีหน้า นำเสนอจิตใจที่บาดเจ็บยากจะเยียวยา เขานำเสนออารมณ์และความรู้สึกได้ดีมากจนทำให้เราอินไปกับหนังแบบแนบแน่น
ส่วนอีกสองคนที่ขาดไม่ได้ในเรื่องนี้ก็คือ
Lucas Hedges (หลานของลี) และ
Michelle Williams (อดีตภรรยาของลี) ซึ่งทั้งสองแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ
Michelle Williams ผมประทับใจในการแสดงของเธอมาก มีความรู้สึกว่าเธอแสดงได้ดีจริงๆ ทั้งเวลาที่เธอแสดงอารมณ์หรือร้องไห้ เธอแสดงมันออกมาให้คนดูอินได้อย่างน่าทึ่ง ส่วน
Lucas Hedges ก็ถือว่าเป็นดาวดวงใหม่ที่น่าจับตามองจากคุณภาพการแสดงชั้นเยี่ยม
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ : นิ่งเรียบแต่งดงาม บดอารมณ์เรื่อยๆ ช้าๆ สงบ
Manchester By The Sea Soundtrack - Plymouth Chorale
สำหรับดนตรีประกอบภาพยนตร์ของ
Manchester by the Sea ประพันธ์โดย
Lesley Barber ซึ่งผมถือว่าน่าประทับใจนะครับ เพราะ ทำให้อินกับเรื่องได้เป็นอย่างดี ด้วยสไตล์นิ่งๆ เข้ากับบรรยากาศหนัง มีกดดันบ้าง ค่อยๆเน้นอารมณ์ไปตามเรื่อง มีการใช้เสียงร้องประสาน เพื่อให้ความรู้สึกสงบกับจิตใจ (คล้ายหวูดเรือและอารมณ์ในโบสถ์) และในบางอารมณ์ ยังมีการใช้เสียง Opera ที่โหยหวน มาผสมด้วย ให้ความรู้สึกขัดแย้งและสื่อถึงความทุกข์ที่อยู่ในใจของลีนั่นเอง
Lesley Barber - Manchester By The Sea Chorale
Lesley Barber - Manchester Minimalist Piano and String
Lesley Barber - Smoke
สรุป
สำหรับ
Manchester by the Sea ผมให้คะแนน
8.8/10 (ความสะเทือนใจ 9.5/10 ความสนุก 8/10) Manchester by the Sea เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ผมอยากให้ทุกคนได้ดูนะครับ ด้วยความดีงามของมัน คุณค่าและคุณภาพชั้นเยี่ยม แม้ว่าหนังอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนก็ตาม Manchester by the Sea ถือเป็นหนึ่งในหนังตัวเก็ง Oscar สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งมันก็สมควรได้ เพราะ ความสมบูรณ์ของหนัง ความเป็นธรรมชาติและความสมจริงที่หนังมีอย่างเหลือล้น หนังบอกเล่าความเจ็บปวดของการเสียคนรักได้อย่างลึกซึ้ง สะเทือนใจ ผสมกับเป็นหนังที่แสดงถึงสายใยครอบครัวได้อย่างพิถีพิถันและประณีต หนังมี Location ที่งดงาม พร้อมด้วยคุณภาพนักแสดงระดับเข้าชิงออสการ์ถึง 3 คนในภาพยนตร์เรื่องนี้
หากคุณอยากจะดูหนังดีๆสักเรื่อง ที่เป็นได้ทั้งหนังชีวิต หนังครอบครัว หนังปัญหาวัยรุ่นและหนังตลก(ร้าย)ในบางอารมณ์ หนังเรื่องนั้นสามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังได้มากมายรวมถึงลูกโลกทองคำและเข้าชิงออสการ์ Manchester by the Sea คือ หนังที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
“ การสูญเสียใครสักคน คือ ความทุกข์ที่ยากจะข้ามผ่านไป ”
8.8/10
[SR] (Review) Manchester by the Sea (2016) : หัวใจที่ยากเกินเยียวยา คือ ความทุกข์ที่ยากจะผ่านพ้นไป
Manchester by the Sea คือ ผู้ท้าชิง Oscar ประจำปีนี้ที่น่าจะตามองมากๆ ด้วยการเข้าชิง Oscar ถึง 6 รางวัล และยังได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำมาแล้ว อีกทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมจากเทศกาลหนังใหญ่ๆมากมาย ดังนั้น Manchester by the Sea ถือเป็นตัวเก็งที่คอหนังผู้ชื่นชอบหนังรางวัลต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดและพลาดไม่ได้จริงๆ
Manchester by the Sea ได้รับการกำกับและเขียนบทโดย Kenneth Lonergan โดยมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของ Lee Chandler (Casey Affleck) ชายหนุ่มผู้เผชิญความทุกข์อย่างแสนสาหัสมากมายและในครั้งนี้ เขาก็ได้เป็นผู้สูญเสียอีกครั้งในฐานะน้องชายที่ต้องสูญเสียพี่ชาย Joe Chandler (Kyle Chandler) ทำให้เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการงานศพและเป็นดูแลของ Patrick (Lucas Hedges) ลูกชายของโจ หนุ่มวัยรุ่นที่ไม่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับลีนัก
หนังค่อยๆละเลียดความเจ็บปวดให้คนดูค่อยๆสัมผัสอย่างพิถีพิถัน
Manchester by the Sea เป็นหนังชีวิตที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งสำหรับผม ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่ค่อนข้าง Real และละเมียดละไมในการเล่า Manchester by the Sea มีแก่นหนังอยู่ที่เรื่อง ‘ ความเจ็บปวดของลี ’ ที่ต้องผ่านการสูญเสียสิ่งต่างๆมากมาย จนแทบเรียกได้ว่าชีวิตไม่เหลืออะไรเลย หนังจะค่อยๆเล่าถึงความเจ็บปวดอย่างละเลียด พิถีพิถัน ให้คนดูค่อยๆสัมผัสถึงความเจ็บปวดต่างๆที่เขาต้องเจอ โดยไม่เค้นดราม่าแบบฟ้าถล่มหรือเล่นที่ความเครียดอย่างหนักๆ สุดท้ายเราก็จะรู้สึกสะเทือนใจไปกับชีวิตของลีและเข้าใจว่าทำไมลีถึงไม่แทบไม่เคยยิ้มและหน้าตาอมทุกข์เลยตลอดทั้งเรื่อง
หนังเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวและอารมณ์ที่แตกต่างกันไป
ในส่วนการดำเนินเรื่อง หนังจะดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ Real และไม่เน้นเค้นอารมณ์มากมาย ค่อยๆปล่อยให้เรื่องราวไหลผ่านผู้ชมไปอย่างช้าๆ แต่เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ ในช่วงแรกของหนัง หนังจะดำเนินเรื่องแบบช้าๆ (แต่ไม่น่าเบื่อนะ) ดูชีวิตประจำวันของลี ซึ่งเหมือนจะเพื่อให้เราทำความคุ้นเคยกับลีก่อนว่า เขาเป็นคนนิสัยอย่างไร มีความรู้สึกอย่างไร ทำไมเขาถึงทำตัวแปลกแยกหรือบางทีก็ดูซึมๆตลอดเวลา ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ค่อยๆเฉลยปมหนังทีละจุดในเวลาต่อมา ทั้งเรื่องราวในอดีต ความเจ็บปวดของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอดีตภรรยา ความรักและความผูกพันระหว่างเขาก็พี่ชาย ตัดสลับกับเล่าเรื่องราวปัจจุบันที่เขาต้องจัดการงานศพและจัดการชีวิตหลานชายที่ไม่ค่อยถูกชะตากับเขา
ในขณะที่หนังดำเนินเรื่องด้วยประเด็นที่ค่อนข้างหนัก แต่หนังสามารถทำให้คนดูสะเทือนอารมณ์ได้แบบไม่บีบอัดเกินไป มิหนำซ้ำหนังยังเป็นธรรมชาติมาก ราวกับชีวิตคนจริงๆที่เราตามดูชีวิตเขาว่าเขาจะเป็นอย่างไร ในเรื่องราวที่มีแต่ความทุกข์ก็มีเรื่องตลกแฝงมาด้วย (แต่ในโทนตลกร้าย ตลกหน้าตาย) นอกจากนี้หนังก็ไม่ได้เน้นไปที่เฉพาะตัวลีอย่างเดียว แต่หนังยังผสมผสานเรื่องราวหลายอย่างเข้าด้วยกัน ทั้งการดำเนินเรื่องผ่านชีวิตของหลานชาย ปัญหาวัยรุ่น ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ของหลาน การแบกรับความทุกข์จากการสูญเสียคนที่พ่อไปอย่างกะทันหัน จนกระทั่งการรับมืออาที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไร หนังจึงไม่ได้ดราม่าอย่างเดียว แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวส่วนผสมมากมายที่ซับซ้อน มาพร้อมกับอารมณ์ที่หลากหลาย
สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Manchester by the Sea แตกต่างจากหนังเรื่องอื่น ทั้งในแง่เป็นหนังชีวิต หนังครอบครัว หนังปัญหาวัยรุ่นและหนังตลกร้ายในเรื่องเดียว
สิ่งที่ประทับใจสำหรับ Manchester by the Sea
จุดเด่นที่น่าสนใจมากสำหรับ Manchester by the Sea ก็คือ การเล่าเรื่องแบบตัดสลับอดีตปัจจุบันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ในจุดนี้หนังแสดงออกมาได้โดดเด่น โดยหนังจะตัดสลับไปมาแบบอิสระ (แต่ดูไม่ยาก) ซึ่งการตัดสลับไปมาเพื่อดำเนินเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แถมยังทำให้หนังน่าสนใจขึ้นอีกมาก ส่วนอีกอย่างที่ประทับใจมาก ก็คือ เหมือนหนังได้ตั้งข้อสงสัยในตอนแรกให้คนดูเกิดคำถามเกี่ยวกับลีว่าชีวิตเขาเป็นอะไรกันแน่ค่อยๆเฉลยปมต่างๆในชีวิตเขาและสุดท้ายก็สามารถสร้างบทสรุปจบหนังได้อย่างสวยงาม รวมถึงหนังสร้างความสะเทือนใจให้กับคนดูได้อย่างรุนแรง แต่ช้าๆและมั่นคง (ในบางฉากนี่ผมน้ำตาเอ่อเลย) หนังยังมีการนำเรือมาใช้เป็นสัญลักษณ์ความผูกพันของครอบครัวระหว่างโจ แพทริค ลี อีกด้วย ซึ่งเรือลำนี้ได้ผูกความสัมพันธ์ของทั้งสามคนนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น หนังยังให้แง่คิดชีวิตที่น่าสนใจว่า “ถ้าหากคนสำคัญในชีวิตเราจากไป เราจะรู้สึกอย่างไร” ชีวิตของลี ก็คือคำตอบของคำถามนี้แหละ บางทีจิตใจที่แหลกสลาย มันก็ยากที่จะข้ามผ่าน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมประทับใจมากใน Manchester by the Sea
Manchester by the Sea ยังมีเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำให้หนังโดดเด่น นั่นก็คือ เรื่อง Location สถานที่ถ่ายทำและมุมกล้องภาพหนังอันสวยงาม ดูเรียบสงบ สำหรับ Location เมืองนี้มีชื่อว่า 'Manchester by the Sea' ตรงกับชื่อเรื่องนี่แหละ หากได้พิจารณาจากในหนัง เราจะพบว่าผู้สร้างเลือกเมืองได้ดีมาก เพราะ Manchester by the Sea เป็นเมืองที่สวย มีบรรยากาศที่เงียบสงบ ขาวโพลนไปด้วยหิมะ บางทีก็ยังให้ความรู้สึกดูเหงาๆ จากบรรยากาศท้องฟ้า ทะเล เรือต่างๆในเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างบรรยากาศหนังได้ดีและเมือง Manchester by the Sea ยังเป็นเมืองที่ก่อให้เกิดความผูกพันของโจ ลีและแพทริคอีกด้วย
ส่วนคำเตือนสำหรับหนังเรื่องนี้ ก็คือ ไม่ได้เป็นหนังที่เหมาะกับทุกคน เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังชีวิตกับคอหนังรางวัลมากกว่า ด้วยสไตล์หนังเรื่อยๆ หนังจึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความฉับไว Manchester by the Sea เลยเหมือนกับไวน์ที่ต้องค่อยๆดื่ม ค่อยๆสัมผัส มีความเป็นธรรมชาติสูง ดังนั้นถ้าไม่ชอบหนังสายนี้ ดูแล้วก็อาจจะเบื่อได้ (แต่ก็ยังให้แนะนำให้ได้ไปดูกันนะครับ เพราะ หนังดีมากจริงๆ)
นักแสดง : Casey Affleck, Lucas Hedges และ Michelle Williams ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar
สำหรับ Manchester by the Sea นักแสดงสามารถแสดงได้ดีทุกคน แต่ที่โดดเด่นมากกว่าคนอื่นๆ คงเป็น Casey Affleck, Lucas Hedges และ Michelle Williams เพราะ เขาทั้งสามคนนี้ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายและหญิงยอดเยี่ยม หากได้ลองดู Manchester by the Sea แล้ว ก็คงจะไม่แปลกใจว่าทำไมทั้งสามคนถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar
Casey Affleck ผมไม่แปลกใจว่าทำไมพี่แกถึงคว้าลูกโลกทองคำไปแล้ว ปกติผมไม่เคยดูหนังที่ Casey แสดง การได้ดูเขาแสดงในเรื่องนี้ด้วยคุณภาพขนาดนี้ จึงรู้สึกเซอไพร์สมากๆ Casey Affleck สามารถแสดงบทบาทลีได้อย่างดีเยี่ยม คาแรคเตอร์ที่พูดน้อย ราวกับว่าภายในกำลังแบกรับเรื่องราวบางอย่างที่หนักหนาสาหัสอยู่ ดูน่าสงสาร น่าเห็นใจอยู่ลึกๆ Casey Affleck ไม่ได้แสดงด้วยท่าทางอะไรมาก แต่ใช้แววตา สีหน้า นำเสนอจิตใจที่บาดเจ็บยากจะเยียวยา เขานำเสนออารมณ์และความรู้สึกได้ดีมากจนทำให้เราอินไปกับหนังแบบแนบแน่น
ส่วนอีกสองคนที่ขาดไม่ได้ในเรื่องนี้ก็คือ Lucas Hedges (หลานของลี) และ Michelle Williams (อดีตภรรยาของลี) ซึ่งทั้งสองแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ Michelle Williams ผมประทับใจในการแสดงของเธอมาก มีความรู้สึกว่าเธอแสดงได้ดีจริงๆ ทั้งเวลาที่เธอแสดงอารมณ์หรือร้องไห้ เธอแสดงมันออกมาให้คนดูอินได้อย่างน่าทึ่ง ส่วน Lucas Hedges ก็ถือว่าเป็นดาวดวงใหม่ที่น่าจับตามองจากคุณภาพการแสดงชั้นเยี่ยม
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ : นิ่งเรียบแต่งดงาม บดอารมณ์เรื่อยๆ ช้าๆ สงบ
สำหรับดนตรีประกอบภาพยนตร์ของ Manchester by the Sea ประพันธ์โดย Lesley Barber ซึ่งผมถือว่าน่าประทับใจนะครับ เพราะ ทำให้อินกับเรื่องได้เป็นอย่างดี ด้วยสไตล์นิ่งๆ เข้ากับบรรยากาศหนัง มีกดดันบ้าง ค่อยๆเน้นอารมณ์ไปตามเรื่อง มีการใช้เสียงร้องประสาน เพื่อให้ความรู้สึกสงบกับจิตใจ (คล้ายหวูดเรือและอารมณ์ในโบสถ์) และในบางอารมณ์ ยังมีการใช้เสียง Opera ที่โหยหวน มาผสมด้วย ให้ความรู้สึกขัดแย้งและสื่อถึงความทุกข์ที่อยู่ในใจของลีนั่นเอง
สรุป
สำหรับ Manchester by the Sea ผมให้คะแนน 8.8/10 (ความสะเทือนใจ 9.5/10 ความสนุก 8/10) Manchester by the Sea เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ผมอยากให้ทุกคนได้ดูนะครับ ด้วยความดีงามของมัน คุณค่าและคุณภาพชั้นเยี่ยม แม้ว่าหนังอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนก็ตาม Manchester by the Sea ถือเป็นหนึ่งในหนังตัวเก็ง Oscar สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งมันก็สมควรได้ เพราะ ความสมบูรณ์ของหนัง ความเป็นธรรมชาติและความสมจริงที่หนังมีอย่างเหลือล้น หนังบอกเล่าความเจ็บปวดของการเสียคนรักได้อย่างลึกซึ้ง สะเทือนใจ ผสมกับเป็นหนังที่แสดงถึงสายใยครอบครัวได้อย่างพิถีพิถันและประณีต หนังมี Location ที่งดงาม พร้อมด้วยคุณภาพนักแสดงระดับเข้าชิงออสการ์ถึง 3 คนในภาพยนตร์เรื่องนี้
หากคุณอยากจะดูหนังดีๆสักเรื่อง ที่เป็นได้ทั้งหนังชีวิต หนังครอบครัว หนังปัญหาวัยรุ่นและหนังตลก(ร้าย)ในบางอารมณ์ หนังเรื่องนั้นสามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังได้มากมายรวมถึงลูกโลกทองคำและเข้าชิงออสการ์ Manchester by the Sea คือ หนังที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น