Manchester by the Sea (2016)
written and directed by Kenneth Lonergan
SPOIL เล็กน้อย
“…ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวจัดกลางฤดูหนาวแถบมลรัฐ Massachusetts, Lee Chandler (Casey Afflect) จำต้องแบกร่างออกมาตักหิมะที่ตกทับถมมาทั้งคืน เขาค่อยๆนำเกลือสำหรับโรยให้หิมะละลายง่ายขึ้น แล้วจึงตักหิมะที่หากทิ้งไว้เกินครึ่งวัน มันคงจะสูงจนการเปิดประตูขึ้นจากห้องพักชั้นใต้ดินแสนอุดอู้ของเขายังเป็นไปได้ยาก สำหรับ Lee แล้วมันเป็นเหมือนงานประจำวันที่ไร้ความหมาย เฉกเช่นเดียวกับอาชีพ ภารโรง และช่างซ่อมที่เขาทำเพื่ออยู่ไปวันๆ เขาตักหิมะ ,ตระเวนไปซ่อมตามที่ต่างๆรอบเมือง ,ดื่มเบียร์คนเดียวที่บาร์ ตกเย็นก็นั่งเซื่องซึมอยู่หน้าทีวีจนหลับไป ชีวิตเขาดูจะวนเวียนอยู่แต่เรื่องเหล่านี้ตั้งแต่ที่เกิด“เหตุการณ์นั้น”ขึ้น ภายในหัวของเขายังคงอยู่ในวังวนแห่งความมืดมนนั้นอยู่ เขาไม่อาจพาตัวเองออกมาจากความรู้สึกผิดนี้ได้ และยังจะสุขภาพของ Joe (Kyle Chandler) พี่ชายเขาอีก ช่วงนี้เขาได้ข่าวว่าอาการโรคหัวใจ Joe ย่ำแย่ลง ,Joe เป็นโรคหัวใจมาสักระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้เขา Joe และ Patrick (Lucas Hedges) ลูกของ Joe มักจะไปตกปลาด้วยกันตามชายฝั่งของเมือง Manchester มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆอันแสนสุขของคนทั้งสาม แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว เขาออกมาจาก Manchester หลังจาก“เหตุการณ์นั้น”มานานแล้ว และทุกครั้งที่เขากลับไปที่นั่นก็เฉพาะตอนไปดูแล Patrick ช่วงที่พี่ชายเขาต้องเข้าโรงพยาบาล
ระหว่างที่เขากำลังใส่พลั่วลงไปในก้อนหิมะสีขาวที่ทั้งแข็ง และหนานั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาวางพลั่ว แล้วรับสายนั้น
“..อ่า...ฉันจะออกตอนนี้”
“อีกชั่วโมงครึ่งก็คงจะถึง”
เขาพาหัวใจอันว่างเปล่าฝ่าหิมะบึ่งไปยัง Manchester เมืองที่บรรจุความหลังอันรวดร้าวไว้ทั้งหมด Joe เข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว ดูท่าคราวนี้น่าจะหนักเสียด้วย มโนภาพเหตุการณ์ต่างๆในอดีตที่ Manchester ผุดขึ้นมาหลอกหลอนสลับกับภาพในปัจจุบัน
Lee ไปถึงโรงพยาบาลในที่สุด George เพื่อนของ Joe กับนางพยาบาลอีกคนกำลังยืนรอเขาอยู่ เขามาถึงช้าไปอีกแล้ว…”
หนังพาผู้ชมดิ่งลึงลงไปในจิตใจที่แตกสลาย และว่างเปล่าของ Lee ได้อย่างงดงาม และสิ้นหวัง การตัดต่อระหว่างห้วงความคิดของเหตุการณ์ในอดีตที่ตามมาหลอกหลอนความมีตัวตนของ Lee ในเหตุการณ์ในปัจจุบัน ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงความรู้สึกที่แสนรวดร้าวของตัวละครนี้ได้เป็นอย่างดี ต้องยกความดีความชอบให้กับทั้งการแสดงของทุกตัวละคร(โดยเฉพาะ Casey Afflect ที่แทบจะแบกหนังไว้ด้วยตัวเอง) และบทภาพยนตร์ ที่สามารถนำเสนอเรื่องราวอันเศร้าหมองนี้ได้อย่างทรงพลัง เป็นธรรมชาติ เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ส่วนใหญ่เน้นเพลงคลาสสิค และ choir ที่ให้ความรู้สึก”ยะเยือก”เข้ากับบรรยากาศทั้งภายใน และภายนอกตัวละคร ที่สุดแล้วเป็นการผสมผสานให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถถ่ายทอดความเป็น”มนุษย์”ได้อย่างยอดเยี่ยม
ว่าด้วย Manchester by the Sea (2016)
written and directed by Kenneth Lonergan
SPOIL เล็กน้อย
“…ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวจัดกลางฤดูหนาวแถบมลรัฐ Massachusetts, Lee Chandler (Casey Afflect) จำต้องแบกร่างออกมาตักหิมะที่ตกทับถมมาทั้งคืน เขาค่อยๆนำเกลือสำหรับโรยให้หิมะละลายง่ายขึ้น แล้วจึงตักหิมะที่หากทิ้งไว้เกินครึ่งวัน มันคงจะสูงจนการเปิดประตูขึ้นจากห้องพักชั้นใต้ดินแสนอุดอู้ของเขายังเป็นไปได้ยาก สำหรับ Lee แล้วมันเป็นเหมือนงานประจำวันที่ไร้ความหมาย เฉกเช่นเดียวกับอาชีพ ภารโรง และช่างซ่อมที่เขาทำเพื่ออยู่ไปวันๆ เขาตักหิมะ ,ตระเวนไปซ่อมตามที่ต่างๆรอบเมือง ,ดื่มเบียร์คนเดียวที่บาร์ ตกเย็นก็นั่งเซื่องซึมอยู่หน้าทีวีจนหลับไป ชีวิตเขาดูจะวนเวียนอยู่แต่เรื่องเหล่านี้ตั้งแต่ที่เกิด“เหตุการณ์นั้น”ขึ้น ภายในหัวของเขายังคงอยู่ในวังวนแห่งความมืดมนนั้นอยู่ เขาไม่อาจพาตัวเองออกมาจากความรู้สึกผิดนี้ได้ และยังจะสุขภาพของ Joe (Kyle Chandler) พี่ชายเขาอีก ช่วงนี้เขาได้ข่าวว่าอาการโรคหัวใจ Joe ย่ำแย่ลง ,Joe เป็นโรคหัวใจมาสักระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้เขา Joe และ Patrick (Lucas Hedges) ลูกของ Joe มักจะไปตกปลาด้วยกันตามชายฝั่งของเมือง Manchester มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆอันแสนสุขของคนทั้งสาม แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว เขาออกมาจาก Manchester หลังจาก“เหตุการณ์นั้น”มานานแล้ว และทุกครั้งที่เขากลับไปที่นั่นก็เฉพาะตอนไปดูแล Patrick ช่วงที่พี่ชายเขาต้องเข้าโรงพยาบาล
ระหว่างที่เขากำลังใส่พลั่วลงไปในก้อนหิมะสีขาวที่ทั้งแข็ง และหนานั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาวางพลั่ว แล้วรับสายนั้น
“..อ่า...ฉันจะออกตอนนี้”
“อีกชั่วโมงครึ่งก็คงจะถึง”
เขาพาหัวใจอันว่างเปล่าฝ่าหิมะบึ่งไปยัง Manchester เมืองที่บรรจุความหลังอันรวดร้าวไว้ทั้งหมด Joe เข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว ดูท่าคราวนี้น่าจะหนักเสียด้วย มโนภาพเหตุการณ์ต่างๆในอดีตที่ Manchester ผุดขึ้นมาหลอกหลอนสลับกับภาพในปัจจุบัน
Lee ไปถึงโรงพยาบาลในที่สุด George เพื่อนของ Joe กับนางพยาบาลอีกคนกำลังยืนรอเขาอยู่ เขามาถึงช้าไปอีกแล้ว…”
หนังพาผู้ชมดิ่งลึงลงไปในจิตใจที่แตกสลาย และว่างเปล่าของ Lee ได้อย่างงดงาม และสิ้นหวัง การตัดต่อระหว่างห้วงความคิดของเหตุการณ์ในอดีตที่ตามมาหลอกหลอนความมีตัวตนของ Lee ในเหตุการณ์ในปัจจุบัน ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงความรู้สึกที่แสนรวดร้าวของตัวละครนี้ได้เป็นอย่างดี ต้องยกความดีความชอบให้กับทั้งการแสดงของทุกตัวละคร(โดยเฉพาะ Casey Afflect ที่แทบจะแบกหนังไว้ด้วยตัวเอง) และบทภาพยนตร์ ที่สามารถนำเสนอเรื่องราวอันเศร้าหมองนี้ได้อย่างทรงพลัง เป็นธรรมชาติ เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ส่วนใหญ่เน้นเพลงคลาสสิค และ choir ที่ให้ความรู้สึก”ยะเยือก”เข้ากับบรรยากาศทั้งภายใน และภายนอกตัวละคร ที่สุดแล้วเป็นการผสมผสานให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถถ่ายทอดความเป็น”มนุษย์”ได้อย่างยอดเยี่ยม