จากหัวกระทู้ที่นำเอาข่าวดังที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันมานี้ กรณี "เก๋านักเหรอ ?" .... สำหรับกระทู้นี้จะไม่ไปเก๋าอะไรกับเค้านะครับ
แต่จะขอเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ "ปลาเก๋า" ที่ท่านรู้จักกันดี ว่าปลาเก๋ามีกี่ชนิด หน้าตาเป็นอย่างไร
หากท่านไปเดิน Supermarket ท่านก็มักจะเคยเห็นปลาเก๋าในรูปแบบ Fillet คือแล่มาแต่เนื้อตัดแต่งเป็นชิ้นสวยงาม
ในกระทู้นี้จะได้เห็นหน้าตาของปลาเก๋าแต่ละประเภทครับ
เนื้อหาในกระทู้นี้ ขอเรียนตามตรงว่าส่วนใหญ่ copy เนื้อหามาจากหลายเว็บ ทั้ง Wikipedia , Foodnetworksolution.com
และเนื้อหาที่โพสโดยคุณ "ตะโก" ที่มักลงเนื้อหาเกี่ยวกับปลาต่าง ๆ ให้ชาวพันทิปครับ ผมขอขอบคุณต้นกำเนิดของเนื้อหาเหล่านั้นด้วย
เริ่มเก๋ากันเลย .......
ปลาเก๋าแดง (Red banded grouper)
หรือชื่ออื่น ๆ คือ กะรังแดงจุดฟ้า กุดสลาด (เรียกกันในชลบุรี , สัตหีบ) เป็นปลาทะเลชนิดหนึ่งในวงศ์ปลากะรัง (Serranidae)
มีรูปร่างค่อนข้างยาวเรียว แบนข้าง หัวโต ตาโต ปากกว้างและเฉียงขึ้นเล็กน้อย ฟันซึ่งมีอยู่ตรงขากรรไกรบนและล่างมีลักษณะเป็น
เขี้ยวยาวและคม ครีบหลังยาว ส่วนที่เป็นก้านครีบแข็งยาวกว่าส่วนที่เป็นก้านครีบฝอย ส่วนหน้าของครีบก้นมีก้านแข็งเป็นหนามแหลม
ครีบหางมนกลม มีจุดเด่น คือ มีทั้งสีแดงสด, สีชมพูอ่อน และน้ำตาลปนแดง ขึ้นอยู่สภาพแวดล้อมและขนาดของปลา ข้างตัวมีแถบสีแดง
ปนน้ำตาล 5 แถบ ขอบครีบหลังที่เป็นก้านครีบแข็งมีสีแดงปนน้ำตาล เกล็ดเล็กละเอียดมีขนาดตั้งแต่ 15 - 40 เซนติเมตร
พบกระจายพันธุ์ตามแนวปะการังและกองหินใต้น้ำ ตั้งแต่แอฟริกาใต้, ทะเลแดง จนถึงทะเลอันดามัน, อ่าวไทย, คาบสมุทรเกาหลี และออสเตรเลีย
ภาพปลาเก๋าแดง
อ่านเพิ่มเติมกับเนื้อหาแบบสนุก ๆ บ้าน ๆ ของเก๋าแดง ได้ที่กระทู้เก่าของคุณ "ตะโก" ครับ
http://topicstock.ppantip.com/isolate/topicstock/2012/10/M12748202/M12748202.html
ปลาเก๋าดอกแดง (Orange-spotted grouper)
ชื่ออื่น ๆ
ลูกหมู เป็นปลาในวงศ์นี้อีกชนิดหนึ่งที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ รูปร่างค่อนข้างป้อม หัวใหญ่ จะงอยปากแหลม ตาโต
ปากกว้างเฉียงขึ้นเล็กน้อย มีฟันเป็นเขี้ยวแหลมอยู่บนขากรรไกรทั้งบนและล่าง ครีบหลังยาว ครีบหางมีขนาดใหญ่และแข็งแรง
ปลายมนกลม พื้นตัวเป็นสีเทาและมีลายน้ำตาลอยู่บนหัวและข้างลำตัว มีจุดประอยู่ตามหัวและลำตัว แต่บางตัวก็ไม่มีจุด
ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและขนาดของปลามีขนาดลำตัวโดยเฉลี่ย 30 เซนติเมตร แต่สามารถใหญ่ได้ถึง 1.5 เมตร
พบกระจายพันธุ์ตามแถบปากแม่น้ำ ป่าชายเลน หรือกองหินใต้ทะเล ในประเทศไทยพบชุกชุมที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ในต่างประเทศพบได้ที่ทะเลแดง มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย เก๋าดอกแดงนี้เป็นปลาเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่เพาะเลี้ยงกัน
เพื่อการพาณิชย์ มีการส่งออกไปขายยังต่างประเทศด้วย เป็นปลาที่ชาวจีนมีความเชื่อว่าเมื่อรับประทานแล้วจะทำให้บำรุงกำลัง
ซึ่งในปัจจุบัน ทางกรมประมงยังได้เพาะขยายพันธุ์ลูกผสมระหว่างปลากะรังดอกแดงกับปลาหมอทะเลได้เป็นผลสำเร็จ โดยลูกปลาขนาดเล็ก
จะมีลวดลายคล้ายกับปลาเสือตอ ซึ่งเป็นปลาสวยงามน้ำจืดที่มีชื่อเสียงที่อยู่ต่างวงศ์กัน จนได้รับการเรียกชื่อว่า "ปลาเสือตอทะเล"
เก๋าดอกแดง นี้ คุณตะโกเคยบอกว่านักตกปลาเรียกกันว่า "ลูกหมู" ครับ
ภาพเก๋าดอกแดง
นี่ะครับ .... กระทู้สนุก ๆ เรื่องเก๋าดอกแดงจากคุณตะโก
https://ppantip.com/topic/31773838
ปลาเก๋ามุกมังกร
ปลาเก๋ามุกมังกร เป็นผลการผสมพันธุ์ปลาหมอทะเล กับ ปลาเก๋าเสือ texture เนื้อของมุกมังกรนี้คล้ายปลาเก๋าเสือตัวใหญ่
เนื้อละเอียดหวานไม่เหนียวหนับอย่างเนื้อปลาหมอทะเล ไม่มีกลิ่นคาวไขมันมากแบบปลาเก๋าทั่วไป ลวกน้ำซุปร้อน ๆ เนื้อไม่แตกเละ
เหมือนเนื้อปลากะพง ปลาเก๋ามุกมังกรจึงกินได้ตั้งแต่หัวจรดหาง ใช้ประโยชน์ทำอาหารได้ทั้งตัว ไม่ต้องแล่ทิ้งให้เสียของ ชาวภูเก็ต
กระบี่ ตรัง ระนอง ทดลองเลี้ยงปลาเก๋ามุกมังกรมาสามปีแล้ว โตเต็มที่หนักตัวละ 2 - 3 กก. มีเท่าไหร่จีนสั่งซื้อหมด ใส่รถกระบะเป่าออกซิเจน
ส่งตัวเป็น ๆ ไปมาเลเซีย สิงคโปร์ แล่เนื้อเป็นชิ้นลวกกินแบบชาบู ทอดหรือผัดกับผักสดก็อร่อย เป็นอาหารฮาลาลที่นิยมกินกันมากกว่าเนื้อไก่
ที่พี่น้องมุสลิมกินจนเบื่อ ปลาเก๋ามุกมังกร ราคากิโลกรัมละ 450 บาท ซึ่งถูกกว่าปลาเก๋าลายจุด ปลาย่ำสวาท เป็นปลาที่มีโอเมก้า 3
มากกว่าปลาแซลมอน เนื้อไม่มันมาก หนังหนาเอาไปลวกยำ แล่เนื้อไปทำข้าวต้มปลาก็อร่อยครับ
(บทความต้นฉบับจาก คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/213679)
ภาพของเก๋ามุกมังกร
ปลาเก๋าเสือ (Brown-marbled grouper , Tiger grouper)
ชื่ออื่น ๆ ปลากะรังลายน้ำตาล เป็นปลาทะเลขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งในวงศ์ปลากะรัง (Serranidae) มีลักษณะทั่วไปคล้ายกับปลากะรังทั่วไป
สีพื้นลำตัวเป็นสีเหลืองน้ำตาล มีจุดสีน้ำตาลเข้ม ส่วนหัวและแผ่นปิดเหงือกมีจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก ไปจนถึงครีบต่าง ๆ และครีบหาง
มีขนาดโตเต็มที่ประมาณ 120 เซนติเมตร แต่ขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 50 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางตั้งแต่ทะเลแดง
ในแอฟริกาตะวันออก อ่าวเปอร์เซี, ซามัว ทะเลญี่ปุ่น เป็นปลาเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่มีการเพาะเลี้ยงอย่างปลากะรังชนิดอื่น ๆ โดยมี
ราคาขายตัวละ 400 - 600 บาท (ตัว 8 ขีด - 1 กก.) เก๋าเสือนี้ได้มีการผสมข้ามสายพันธุ์กับปลาหมอทะเล (หรือปลาเก๋ายักษ์)
ได้เป็น "ปลาเก๋ามุกมังกร" ตามที่กล่าวไปข้างบนแล้วครับ
ภาพเก๋าเสือ
ปลาเก๋าจุดน้ำตาล (Brown Spotted Grouper)
ชื่ออื่น ๆ ปลาตุ๊กแก ปลาร่าปู (ทางกระบี่เรียกกัน) ปลาชนิดนี้บางทีก็เรียกว่า ปลากะรังปากแม่น้ำ หรือ ปลาตุ๊กแก ชาวมุสลิมและชาวเลแถบ
จังหวัดกระบี่ เรียกว่าปลาร่าปู เป็นปลาทะเลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่รูปร่างค่อนข้างป้อม หัวใหญ่ จะงอยปากแหลม ตาโต ปากกว้าง
เฉียงขึ้นเล็กน้อย มีฟันเป็นเขี้ยวแหลมคมอยู่บนขากรรไกรทั้งล่างและบนครีบหลังยาว ครีบหางมีขนาดแข็งแรง ปลายกลมมนพื้นตัวเป็นสีเทา
และมีลายน้ำตาลอยู่บนหัวและข้างลำตัว มีจุดประอยุ่ตามหัวและลำตัว แต่บางตัวก็ไม่มีจุดขึ้นแล้วแต่สภาพแวดล้อมและขนาดของปลา
มีความยาวตั้งแต่ 30 เซนติเมตร ถึง 1.5 เมตร หากินอยู่ตาม ซอกหิน กองหินก้อน ตามชายฝั่งทะเล ปลาเก๋าจุดน้ำตาลนี้เนื้อมีรสอร่อย
ชาวจีนเชื่อว่าเนื้อปลาเก๋ามีคุณค่าทางโภชนาการที่ช่วยสร้างกำลังได้ดี
ภาพเก๋าจุดน้ำตาล
ปลาเก๋ามังกร หรือ ปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ (Dragon grouper , Giant grouper)
ปลาเก๋ามังกร เป็นปลาเก๋าขนาดใหญ่ขนาดลำตัวยาวประมาณ 1.80 เมตร ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บริเวณปากน้ำ ริมชายฝั่งทะเล
และเกาะแก่งต่าง ๆ ขนาดเฉลี่ยโดยทั่วไปไปมีขนาดใหญ่สุดอาจยาวถึง 3 เมตร ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับปลาเก๋าชนิดอื่น
ที่อยู่ในวงศ์เดียวกัน มีหัวค่อนข้างโต ปากกว้าง ตาเล็ก ครีบหลังมีก้านครีบแข็งอยู่ตอนหน้าตามด้วยก้านครีบแข็งและต่อด้วย
ครีบอ่อนเช่นเดียวกัน ครีบหางค่อนข้างใหญ่เป็นรูปกลมมน ลำตัวสีเทาอมดำ เมื่อยังโตไม่เต็มที่มีลายสีเหลืองสลับทั่วไป
โดยเฉพาะบริเวณครีบต่างๆปลาหมอทะเล เก๋ามังกรนี้ราคาแพงมากประมาณ 1,000 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม หาทานได้ยาก
คนไทยเชื้อสายจีนเชื่อกันว่ากินปลาตัวใหญ่แล้วจะแข็งแรง มีพลัง และมีโชคลาภ ปลาเก๋ามังกรสามารถนำมาปรุงเป็นอาหาร
ได้หลากหลายชนิด เช่น ปลาเก๋ามังกรลวก ซึ่งจะมี texture นุ่มเหนียวสัมผัสได้ถึงความหวานสดแบบธรรมชาติ
เก๋ามังกรเป็นสัตว์กินเนื้อ ชอบกินปลาขนาดเล็กเป็นอาหารโดยการฮุบกลืนเข้าไปทั้งตัว แม้จะมีขนาดใหญ่แต่ไม่ดุร้ายอย่างที่
หลายคนเข้าใจกัน ในธรรมชาติมักอาศัยอยู่ตามซากโป๊ะ กองหินใต้น้ำ โดยว่ายน้ำไปมาอย่างเชื่องช้า หรือลอยตัวอยู่นิ่ง ๆ
ชาวประมงที่ดำน้ำลงไปพบปลาหมอทะเล มันอาจแสดงอาการพองเหงือกและกางครีบออกคล้ายปลากัด จึงทำให้ดูน่าสะพรึงกลัว
แต่ฟันในปากมีขนาดเล็กไม่เหมือนกับฟันปลาฉลามและไม่ดุร้าย จึงไม่เป็นอันตราย เก๋ามังกร นี้ ตามสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ
มักนำเอามาเลี้ยงไว้ในตู้ปลาขนาดใหญ่เสมอ ใน aquarium ใหญ่ ๆ จะมีจัดแสดงเสมอเพราะเนื่องจากเป็นปลาที่เชื่อง เลี้ยงง่าย
ใหญ่โตเด่นสง่าน่ามอง ปลาเก๋ามังกรจึงเป็นจุดเด่นของสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำทุกแห่งครับ
ต้นฉบับบทความมาจาก
http://www.foodietaste.com/FoodPedia_detail.asp?id=445
ภาพเก๋ามังกร
หากท่านใดเจอเนื้อหาที่ไม่ถูกต้อง ช่วยบอกหรือเพิ่มด้วยครับ
จบแล้ว สวัสดีครับ
จากกระแสข่าว " เก๋าเหรอ ? " ........ สู่เรื่องราวของ "ปลาเก๋า"
แต่จะขอเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับ "ปลาเก๋า" ที่ท่านรู้จักกันดี ว่าปลาเก๋ามีกี่ชนิด หน้าตาเป็นอย่างไร
หากท่านไปเดิน Supermarket ท่านก็มักจะเคยเห็นปลาเก๋าในรูปแบบ Fillet คือแล่มาแต่เนื้อตัดแต่งเป็นชิ้นสวยงาม
ในกระทู้นี้จะได้เห็นหน้าตาของปลาเก๋าแต่ละประเภทครับ
เนื้อหาในกระทู้นี้ ขอเรียนตามตรงว่าส่วนใหญ่ copy เนื้อหามาจากหลายเว็บ ทั้ง Wikipedia , Foodnetworksolution.com
และเนื้อหาที่โพสโดยคุณ "ตะโก" ที่มักลงเนื้อหาเกี่ยวกับปลาต่าง ๆ ให้ชาวพันทิปครับ ผมขอขอบคุณต้นกำเนิดของเนื้อหาเหล่านั้นด้วย
เริ่มเก๋ากันเลย .......
ปลาเก๋าแดง (Red banded grouper)
หรือชื่ออื่น ๆ คือ กะรังแดงจุดฟ้า กุดสลาด (เรียกกันในชลบุรี , สัตหีบ) เป็นปลาทะเลชนิดหนึ่งในวงศ์ปลากะรัง (Serranidae)
มีรูปร่างค่อนข้างยาวเรียว แบนข้าง หัวโต ตาโต ปากกว้างและเฉียงขึ้นเล็กน้อย ฟันซึ่งมีอยู่ตรงขากรรไกรบนและล่างมีลักษณะเป็น
เขี้ยวยาวและคม ครีบหลังยาว ส่วนที่เป็นก้านครีบแข็งยาวกว่าส่วนที่เป็นก้านครีบฝอย ส่วนหน้าของครีบก้นมีก้านแข็งเป็นหนามแหลม
ครีบหางมนกลม มีจุดเด่น คือ มีทั้งสีแดงสด, สีชมพูอ่อน และน้ำตาลปนแดง ขึ้นอยู่สภาพแวดล้อมและขนาดของปลา ข้างตัวมีแถบสีแดง
ปนน้ำตาล 5 แถบ ขอบครีบหลังที่เป็นก้านครีบแข็งมีสีแดงปนน้ำตาล เกล็ดเล็กละเอียดมีขนาดตั้งแต่ 15 - 40 เซนติเมตร
พบกระจายพันธุ์ตามแนวปะการังและกองหินใต้น้ำ ตั้งแต่แอฟริกาใต้, ทะเลแดง จนถึงทะเลอันดามัน, อ่าวไทย, คาบสมุทรเกาหลี และออสเตรเลีย
ภาพปลาเก๋าแดง
อ่านเพิ่มเติมกับเนื้อหาแบบสนุก ๆ บ้าน ๆ ของเก๋าแดง ได้ที่กระทู้เก่าของคุณ "ตะโก" ครับ
http://topicstock.ppantip.com/isolate/topicstock/2012/10/M12748202/M12748202.html
ปลาเก๋าดอกแดง (Orange-spotted grouper)
ชื่ออื่น ๆ ลูกหมู เป็นปลาในวงศ์นี้อีกชนิดหนึ่งที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ รูปร่างค่อนข้างป้อม หัวใหญ่ จะงอยปากแหลม ตาโต
ปากกว้างเฉียงขึ้นเล็กน้อย มีฟันเป็นเขี้ยวแหลมอยู่บนขากรรไกรทั้งบนและล่าง ครีบหลังยาว ครีบหางมีขนาดใหญ่และแข็งแรง
ปลายมนกลม พื้นตัวเป็นสีเทาและมีลายน้ำตาลอยู่บนหัวและข้างลำตัว มีจุดประอยู่ตามหัวและลำตัว แต่บางตัวก็ไม่มีจุด
ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและขนาดของปลามีขนาดลำตัวโดยเฉลี่ย 30 เซนติเมตร แต่สามารถใหญ่ได้ถึง 1.5 เมตร
พบกระจายพันธุ์ตามแถบปากแม่น้ำ ป่าชายเลน หรือกองหินใต้ทะเล ในประเทศไทยพบชุกชุมที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ในต่างประเทศพบได้ที่ทะเลแดง มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย เก๋าดอกแดงนี้เป็นปลาเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่เพาะเลี้ยงกัน
เพื่อการพาณิชย์ มีการส่งออกไปขายยังต่างประเทศด้วย เป็นปลาที่ชาวจีนมีความเชื่อว่าเมื่อรับประทานแล้วจะทำให้บำรุงกำลัง
ซึ่งในปัจจุบัน ทางกรมประมงยังได้เพาะขยายพันธุ์ลูกผสมระหว่างปลากะรังดอกแดงกับปลาหมอทะเลได้เป็นผลสำเร็จ โดยลูกปลาขนาดเล็ก
จะมีลวดลายคล้ายกับปลาเสือตอ ซึ่งเป็นปลาสวยงามน้ำจืดที่มีชื่อเสียงที่อยู่ต่างวงศ์กัน จนได้รับการเรียกชื่อว่า "ปลาเสือตอทะเล"
เก๋าดอกแดง นี้ คุณตะโกเคยบอกว่านักตกปลาเรียกกันว่า "ลูกหมู" ครับ
ภาพเก๋าดอกแดง
นี่ะครับ .... กระทู้สนุก ๆ เรื่องเก๋าดอกแดงจากคุณตะโก https://ppantip.com/topic/31773838
ปลาเก๋ามุกมังกร
ปลาเก๋ามุกมังกร เป็นผลการผสมพันธุ์ปลาหมอทะเล กับ ปลาเก๋าเสือ texture เนื้อของมุกมังกรนี้คล้ายปลาเก๋าเสือตัวใหญ่
เนื้อละเอียดหวานไม่เหนียวหนับอย่างเนื้อปลาหมอทะเล ไม่มีกลิ่นคาวไขมันมากแบบปลาเก๋าทั่วไป ลวกน้ำซุปร้อน ๆ เนื้อไม่แตกเละ
เหมือนเนื้อปลากะพง ปลาเก๋ามุกมังกรจึงกินได้ตั้งแต่หัวจรดหาง ใช้ประโยชน์ทำอาหารได้ทั้งตัว ไม่ต้องแล่ทิ้งให้เสียของ ชาวภูเก็ต
กระบี่ ตรัง ระนอง ทดลองเลี้ยงปลาเก๋ามุกมังกรมาสามปีแล้ว โตเต็มที่หนักตัวละ 2 - 3 กก. มีเท่าไหร่จีนสั่งซื้อหมด ใส่รถกระบะเป่าออกซิเจน
ส่งตัวเป็น ๆ ไปมาเลเซีย สิงคโปร์ แล่เนื้อเป็นชิ้นลวกกินแบบชาบู ทอดหรือผัดกับผักสดก็อร่อย เป็นอาหารฮาลาลที่นิยมกินกันมากกว่าเนื้อไก่
ที่พี่น้องมุสลิมกินจนเบื่อ ปลาเก๋ามุกมังกร ราคากิโลกรัมละ 450 บาท ซึ่งถูกกว่าปลาเก๋าลายจุด ปลาย่ำสวาท เป็นปลาที่มีโอเมก้า 3
มากกว่าปลาแซลมอน เนื้อไม่มันมาก หนังหนาเอาไปลวกยำ แล่เนื้อไปทำข้าวต้มปลาก็อร่อยครับ
(บทความต้นฉบับจาก คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/213679)
ภาพของเก๋ามุกมังกร
ปลาเก๋าเสือ (Brown-marbled grouper , Tiger grouper)
ชื่ออื่น ๆ ปลากะรังลายน้ำตาล เป็นปลาทะเลขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งในวงศ์ปลากะรัง (Serranidae) มีลักษณะทั่วไปคล้ายกับปลากะรังทั่วไป
สีพื้นลำตัวเป็นสีเหลืองน้ำตาล มีจุดสีน้ำตาลเข้ม ส่วนหัวและแผ่นปิดเหงือกมีจุดสีน้ำตาลขนาดเล็ก ไปจนถึงครีบต่าง ๆ และครีบหาง
มีขนาดโตเต็มที่ประมาณ 120 เซนติเมตร แต่ขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 50 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางตั้งแต่ทะเลแดง
ในแอฟริกาตะวันออก อ่าวเปอร์เซี, ซามัว ทะเลญี่ปุ่น เป็นปลาเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่มีการเพาะเลี้ยงอย่างปลากะรังชนิดอื่น ๆ โดยมี
ราคาขายตัวละ 400 - 600 บาท (ตัว 8 ขีด - 1 กก.) เก๋าเสือนี้ได้มีการผสมข้ามสายพันธุ์กับปลาหมอทะเล (หรือปลาเก๋ายักษ์)
ได้เป็น "ปลาเก๋ามุกมังกร" ตามที่กล่าวไปข้างบนแล้วครับ
ภาพเก๋าเสือ
ปลาเก๋าจุดน้ำตาล (Brown Spotted Grouper)
ชื่ออื่น ๆ ปลาตุ๊กแก ปลาร่าปู (ทางกระบี่เรียกกัน) ปลาชนิดนี้บางทีก็เรียกว่า ปลากะรังปากแม่น้ำ หรือ ปลาตุ๊กแก ชาวมุสลิมและชาวเลแถบ
จังหวัดกระบี่ เรียกว่าปลาร่าปู เป็นปลาทะเลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่รูปร่างค่อนข้างป้อม หัวใหญ่ จะงอยปากแหลม ตาโต ปากกว้าง
เฉียงขึ้นเล็กน้อย มีฟันเป็นเขี้ยวแหลมคมอยู่บนขากรรไกรทั้งล่างและบนครีบหลังยาว ครีบหางมีขนาดแข็งแรง ปลายกลมมนพื้นตัวเป็นสีเทา
และมีลายน้ำตาลอยู่บนหัวและข้างลำตัว มีจุดประอยุ่ตามหัวและลำตัว แต่บางตัวก็ไม่มีจุดขึ้นแล้วแต่สภาพแวดล้อมและขนาดของปลา
มีความยาวตั้งแต่ 30 เซนติเมตร ถึง 1.5 เมตร หากินอยู่ตาม ซอกหิน กองหินก้อน ตามชายฝั่งทะเล ปลาเก๋าจุดน้ำตาลนี้เนื้อมีรสอร่อย
ชาวจีนเชื่อว่าเนื้อปลาเก๋ามีคุณค่าทางโภชนาการที่ช่วยสร้างกำลังได้ดี
ภาพเก๋าจุดน้ำตาล
ปลาเก๋ามังกร หรือ ปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ (Dragon grouper , Giant grouper)
ปลาเก๋ามังกร เป็นปลาเก๋าขนาดใหญ่ขนาดลำตัวยาวประมาณ 1.80 เมตร ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บริเวณปากน้ำ ริมชายฝั่งทะเล
และเกาะแก่งต่าง ๆ ขนาดเฉลี่ยโดยทั่วไปไปมีขนาดใหญ่สุดอาจยาวถึง 3 เมตร ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับปลาเก๋าชนิดอื่น
ที่อยู่ในวงศ์เดียวกัน มีหัวค่อนข้างโต ปากกว้าง ตาเล็ก ครีบหลังมีก้านครีบแข็งอยู่ตอนหน้าตามด้วยก้านครีบแข็งและต่อด้วย
ครีบอ่อนเช่นเดียวกัน ครีบหางค่อนข้างใหญ่เป็นรูปกลมมน ลำตัวสีเทาอมดำ เมื่อยังโตไม่เต็มที่มีลายสีเหลืองสลับทั่วไป
โดยเฉพาะบริเวณครีบต่างๆปลาหมอทะเล เก๋ามังกรนี้ราคาแพงมากประมาณ 1,000 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม หาทานได้ยาก
คนไทยเชื้อสายจีนเชื่อกันว่ากินปลาตัวใหญ่แล้วจะแข็งแรง มีพลัง และมีโชคลาภ ปลาเก๋ามังกรสามารถนำมาปรุงเป็นอาหาร
ได้หลากหลายชนิด เช่น ปลาเก๋ามังกรลวก ซึ่งจะมี texture นุ่มเหนียวสัมผัสได้ถึงความหวานสดแบบธรรมชาติ
เก๋ามังกรเป็นสัตว์กินเนื้อ ชอบกินปลาขนาดเล็กเป็นอาหารโดยการฮุบกลืนเข้าไปทั้งตัว แม้จะมีขนาดใหญ่แต่ไม่ดุร้ายอย่างที่
หลายคนเข้าใจกัน ในธรรมชาติมักอาศัยอยู่ตามซากโป๊ะ กองหินใต้น้ำ โดยว่ายน้ำไปมาอย่างเชื่องช้า หรือลอยตัวอยู่นิ่ง ๆ
ชาวประมงที่ดำน้ำลงไปพบปลาหมอทะเล มันอาจแสดงอาการพองเหงือกและกางครีบออกคล้ายปลากัด จึงทำให้ดูน่าสะพรึงกลัว
แต่ฟันในปากมีขนาดเล็กไม่เหมือนกับฟันปลาฉลามและไม่ดุร้าย จึงไม่เป็นอันตราย เก๋ามังกร นี้ ตามสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ
มักนำเอามาเลี้ยงไว้ในตู้ปลาขนาดใหญ่เสมอ ใน aquarium ใหญ่ ๆ จะมีจัดแสดงเสมอเพราะเนื่องจากเป็นปลาที่เชื่อง เลี้ยงง่าย
ใหญ่โตเด่นสง่าน่ามอง ปลาเก๋ามังกรจึงเป็นจุดเด่นของสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำทุกแห่งครับ
ต้นฉบับบทความมาจาก http://www.foodietaste.com/FoodPedia_detail.asp?id=445
ภาพเก๋ามังกร
หากท่านใดเจอเนื้อหาที่ไม่ถูกต้อง ช่วยบอกหรือเพิ่มด้วยครับ
จบแล้ว สวัสดีครับ