1.มีรัฐประหารอยู่เรื่อย
2. รฐบ. ที่มาจาก รัฐประหาร มีอำนาจมาก ๆๆ และมักจะมีกฎเกณฑ์ที่อาจจะทำให้ผมเสียเงินได้ เช่น มีการกันสั่งกันเงินลุงทุนสำรอง 30% หรือ ยกเลิก สัมประทาน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่หมดอายุสัมประทาน
3.ผมไม่แน่ใจว่า ถ้าชนะโครงการประมูลใน รฐบ ที่มาจากเลือกตั้ง โครงการต่าง ๆ จะได้ทำหรือไม่ ถ้า รฐบ รัฐประหารไม่ถูกใจ
4.คำสั่งทางปกครอง ก็อาจจะทำให้โครงการที่ผมลงทุนไปแล้ว อย่างไฟฟ้ากังหันลม ต้องล้มเลิก ยุติโครงการ ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่คืนทุน หรือก็อาจจะทำให้ผมขาดทุนได้ ตย. สมมุติผมประมูลโครงการตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ต้องผ่านที่หวงห้ามได้ ตอนแรกให้ผมสร้างเสาไฟฟ้าบนที่หวงห้าได้ แต่ต่อมา คำสั่งทางปกครองบอกว่าสร้างเสาผ่านที่หวงห้ามไม่ได้ ทำให้ผมต้องตั้งเสาอ้อมที่ดินดังกล่าว ต้นทุนผมจะสูงขึ้น จนผมอาจจะขาดทุนได้ เพราะต้องสร้างเสาเพิ่มอีกหลายต้น
5.ผมไม่อยากขาดทุนหรือต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการลงทุนเหมือนในข้อ 4 มันเสียเวลา สู้ไปผมลงทุนในประเทศที่เอื้อต่อการลงทุนของผม และทำให้ผมมีกำไรดีกว่า ถึงจะกำไรน้อยกว่า แต่ก็กำไรแน่นอน ไม่มีความเสี่ยงทางด้าน การเมือง หรือ ทางปกครอง
6.ต่อให้มีการเลือกตั้งแล้ว ผมก็จะไม่มาลงทุน อยู่ดี เพราะไม่รู้เลย จะเกิด รัฐประหาร อีกเมื่อไร ผมอาจจะรอเป็น 10 ปี เพื่อดูว่าไม่เกิด รัฐประหาร อีก แล้วค่อยพิจารณาอีกทีว่าจะลงทุนในประเทศลักษณะนี้หรือเปล่า
ดังนั้นผมไม่แปลกใจที่ตอนนี้ประเทศแบบนี้จะเศรษฐกิจไม่ดี และประชาชน ต้องอยู่อย่าง ยากลำบาก ไปอีกนาน ถึงจะมีการเลือกตั้งแล้วก็ตาม
ถ้าผมเป็นนักลงทุนต่างชาติ ผมจะไม่มาลงทุนที่ประเทศที่เป็นแบบนี้อีกแล้ว
2. รฐบ. ที่มาจาก รัฐประหาร มีอำนาจมาก ๆๆ และมักจะมีกฎเกณฑ์ที่อาจจะทำให้ผมเสียเงินได้ เช่น มีการกันสั่งกันเงินลุงทุนสำรอง 30% หรือ ยกเลิก สัมประทาน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่หมดอายุสัมประทาน
3.ผมไม่แน่ใจว่า ถ้าชนะโครงการประมูลใน รฐบ ที่มาจากเลือกตั้ง โครงการต่าง ๆ จะได้ทำหรือไม่ ถ้า รฐบ รัฐประหารไม่ถูกใจ
4.คำสั่งทางปกครอง ก็อาจจะทำให้โครงการที่ผมลงทุนไปแล้ว อย่างไฟฟ้ากังหันลม ต้องล้มเลิก ยุติโครงการ ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่คืนทุน หรือก็อาจจะทำให้ผมขาดทุนได้ ตย. สมมุติผมประมูลโครงการตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงที่ต้องผ่านที่หวงห้ามได้ ตอนแรกให้ผมสร้างเสาไฟฟ้าบนที่หวงห้าได้ แต่ต่อมา คำสั่งทางปกครองบอกว่าสร้างเสาผ่านที่หวงห้ามไม่ได้ ทำให้ผมต้องตั้งเสาอ้อมที่ดินดังกล่าว ต้นทุนผมจะสูงขึ้น จนผมอาจจะขาดทุนได้ เพราะต้องสร้างเสาเพิ่มอีกหลายต้น
5.ผมไม่อยากขาดทุนหรือต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการลงทุนเหมือนในข้อ 4 มันเสียเวลา สู้ไปผมลงทุนในประเทศที่เอื้อต่อการลงทุนของผม และทำให้ผมมีกำไรดีกว่า ถึงจะกำไรน้อยกว่า แต่ก็กำไรแน่นอน ไม่มีความเสี่ยงทางด้าน การเมือง หรือ ทางปกครอง
6.ต่อให้มีการเลือกตั้งแล้ว ผมก็จะไม่มาลงทุน อยู่ดี เพราะไม่รู้เลย จะเกิด รัฐประหาร อีกเมื่อไร ผมอาจจะรอเป็น 10 ปี เพื่อดูว่าไม่เกิด รัฐประหาร อีก แล้วค่อยพิจารณาอีกทีว่าจะลงทุนในประเทศลักษณะนี้หรือเปล่า
ดังนั้นผมไม่แปลกใจที่ตอนนี้ประเทศแบบนี้จะเศรษฐกิจไม่ดี และประชาชน ต้องอยู่อย่าง ยากลำบาก ไปอีกนาน ถึงจะมีการเลือกตั้งแล้วก็ตาม