นายภูษณ ปรีย์มาโนช ประธานกรรมการ บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจิเนียริง (IEC) เปิดเผยว่า ในวันนี้ไม่สามารถเปิดประชุมผู้ถือหุ้น IEC ได้ เนื่องจากผู้ถือหุ้นมาไม่ถึงจำนวนที่กำหนดไว้คือ 33% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด เนื่องจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 1.6 หมื่นราย ซึ่งหากวันนี้ไม่สามารถเปิดประชุมได้ก็จะกำหนดให้มีการประชุมครั้งใหม่ในวันที่ 23 พ.ค.57
"วันนี้เราคงจะเปิดประชุมไม่ได้เพราะผู้ถือหุ้นอาจจะมาไม่ถึงสัดส่วนที่กำหนดไว้ แต่การประชุมต่างๆก็คงยังดำเนินไปตามปกติ เพราะเชื่อว่าผู้ถือหุ้นคงมีคำ
ถามต่างๆเกี่ยวกับการเพิ่มทุน การลดทุน การทำธุรกิจต่อไปจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป" นายภูษณ กล่าว
อนึ่ง IEC เตรียมเสนอแผนลดทุนจดทะเบียนเพื่อล้างขาดทุนสะสมและส่วนต่างมูลค่าหุ้นกว่า 1 หมื่นล้านบาท และออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายบุคคลในวงจำกัด(PP) เพื่อระดมทุนมาใช้ในโครงการลงทุนใหม่ของบริษัท แต่จะขอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาปรับเงื้อนไขของหุ้น PP จากเดิมมีระยะเวลาห้ามซื้อขาย(Silent Period)2 ปี เหลือ 6 เดือน เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนรายใหญ่มากขึ้น โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่
นายภูษณ ยอมรับว่า แนวโน้มการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขาย PP จำนวน 1.3 พันล้านหุ้น คงไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น เพราะเท่าที่ได้สอบถามไปยังผู้ถือหุ้นรายย่อยบางส่วนพบว่าไม่ต้องการให้มีกลุ่มทุนกลุ่มใหม่เข้ามา รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม เนื่องจากในปัจจุบันภาพรวมรายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแล้ว
ดังนั้น บริษัทจึงได้มีแนวคิดที่จะเสนอวาระเพิ่มทุนเพื่อจัดสรรขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม(RO)แทน ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการขายหุ้นเพิ่มทุนให้ PP นั้น ก่อนหน้านี้มีนักลงทุนรายใหญ่จากจีนที่ทำธุรกิจในด้านพลังงานทดแทนอยู่แล้วแสดงความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น แต่มีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่าง บริษัทจึงเสนอให้ปรับเงื่อนไข Silent Period ซึ่งหากผู้ถือหุ้นเห็นด้วยกับแนวทางนี้ก็เชื่อว่าจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ในด้านการสนับสนุนทางธุรกิจจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่
"เรามองว่าวาระการประชุมผู้ถือหุ้นในวาระการเพิ่มทุนแบบ PP คงจะไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งเราก็หาทางออกโดยการอาจจะเพิ่มทุนแบบ RO แทน ซึ่งก็คงจะได้รับการตอบรับที่ดีกว่า เพราะปัจจุบันแนวโน้มรายได้และกำไรของบริษัทฯเริ่มกลับมามีการเติบโต แต่อย่างไรก็ตามหากที่ประชุมเห็นชอบการเพิ่มทุนแบบ PP เราก็มีนักลงทุนจากจีนที่มีความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น แต่ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่าง ซึ่งหากนักลงทุนจากจีนเข้ามาถือหุ้นเราก็จะได้ประโยชน์ด้านการลงทุนที่นักลงทุนจากจีนพร้อมที่จะให้เรากู้เงินจากเขาได้" นายภูษณ กล่าว
สำหรับแผนการลดทุนจดทะเบียนเพื่อล้างขาดทุนสะสม 10,835 ล้านบาท โดยพิจารณาเห็นว่าการลดทุนจดทะเบียนในสัดส่วน 8.1 : 1 จะส่งผลให้บริษัทฯสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้ทั้งหมด โดยหากวิธีดังกล่าวผู้ถือหุ้นมีความเห็นชอบก็คาดว่าภายในช่วงวันที่ 26-27 ก.ค.จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด หลังจากนั้นจะมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้อยู่ที่ 0.10 บาท
นายภูษณ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 800-900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 774 ล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ย(EBITDA)ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่เกือบ 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 117 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าทั้ง 4 โรง มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
รวมถึงมีรายได้จากจากธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เป็นธุรกิจหลักเดิม ซึ่งให้บริการแก่ บมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ.กสท โทรคมนาคม มูลค่า 537 ล้านบาท นอกจากนี้ จะมีรายได้จากการบริหารโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ราว 5 ล้านบาท/เดือน โดยจะเริ่มเข้าไปบริหารได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/57 คาดว่าจะมีกำไรต่อเนื่องจากไตรมาส 4/56 ที่สามารถกลับมามีกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 14-15 ปี ขณะเดียวกันคาดว่าช่วงไตรมาส 2/57 จะดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้าเพิ่มเข้ามา 2 โรงที่จะเริ่มขายไฟเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน พ.ค.57 คือ โครงการแม่มาลัย 1 และ 2 ที่ จ.เชียงใหม่ จะส่งผลให้บริษัทฯมีการขายไฟเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมด 4 โรง กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลใน จ.นครราชสีมา กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ มูลค่าราว 800 ล้านบาท
"หลังจากนี้รายได้และกำไรของเราจะมีการเติบโตขึ้น และจะไม่กลับมาขาดทุนแล้วหากเราไม่มีการลงทุนที่ผิดพลาด ซึ่งหลังจากนี้ก็ยังจะมีโครงการใหม่ๆที่เราจะเข้าไปลงทุนอีกและจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากปีนี้ที่เรามีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโครงการใหม่เข้ามา รวมถึงการเข้าไปรับบริหารจัดการโครงการชีวมวล และธุรกิจหลักของเราที่มีการเติบโต ขณะที่ต้นทุนเรื่องของแรงงานของเราก็ต่ำ เพราะปัจจุบันเรามีพนักงานในบริษัทเพียง 70 กว่าคนเท่านัน"นายภูษณ กล่าว
ที่มา
http://www.ryt9.com/s/iq05/1887905
ข่าว IEC
"วันนี้เราคงจะเปิดประชุมไม่ได้เพราะผู้ถือหุ้นอาจจะมาไม่ถึงสัดส่วนที่กำหนดไว้ แต่การประชุมต่างๆก็คงยังดำเนินไปตามปกติ เพราะเชื่อว่าผู้ถือหุ้นคงมีคำ
ถามต่างๆเกี่ยวกับการเพิ่มทุน การลดทุน การทำธุรกิจต่อไปจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป" นายภูษณ กล่าว
อนึ่ง IEC เตรียมเสนอแผนลดทุนจดทะเบียนเพื่อล้างขาดทุนสะสมและส่วนต่างมูลค่าหุ้นกว่า 1 หมื่นล้านบาท และออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายบุคคลในวงจำกัด(PP) เพื่อระดมทุนมาใช้ในโครงการลงทุนใหม่ของบริษัท แต่จะขอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาปรับเงื้อนไขของหุ้น PP จากเดิมมีระยะเวลาห้ามซื้อขาย(Silent Period)2 ปี เหลือ 6 เดือน เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนรายใหญ่มากขึ้น โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่
นายภูษณ ยอมรับว่า แนวโน้มการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขาย PP จำนวน 1.3 พันล้านหุ้น คงไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น เพราะเท่าที่ได้สอบถามไปยังผู้ถือหุ้นรายย่อยบางส่วนพบว่าไม่ต้องการให้มีกลุ่มทุนกลุ่มใหม่เข้ามา รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม เนื่องจากในปัจจุบันภาพรวมรายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแล้ว
ดังนั้น บริษัทจึงได้มีแนวคิดที่จะเสนอวาระเพิ่มทุนเพื่อจัดสรรขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม(RO)แทน ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการขายหุ้นเพิ่มทุนให้ PP นั้น ก่อนหน้านี้มีนักลงทุนรายใหญ่จากจีนที่ทำธุรกิจในด้านพลังงานทดแทนอยู่แล้วแสดงความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น แต่มีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่าง บริษัทจึงเสนอให้ปรับเงื่อนไข Silent Period ซึ่งหากผู้ถือหุ้นเห็นด้วยกับแนวทางนี้ก็เชื่อว่าจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ในด้านการสนับสนุนทางธุรกิจจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่
"เรามองว่าวาระการประชุมผู้ถือหุ้นในวาระการเพิ่มทุนแบบ PP คงจะไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งเราก็หาทางออกโดยการอาจจะเพิ่มทุนแบบ RO แทน ซึ่งก็คงจะได้รับการตอบรับที่ดีกว่า เพราะปัจจุบันแนวโน้มรายได้และกำไรของบริษัทฯเริ่มกลับมามีการเติบโต แต่อย่างไรก็ตามหากที่ประชุมเห็นชอบการเพิ่มทุนแบบ PP เราก็มีนักลงทุนจากจีนที่มีความสนใจเข้ามาซื้อหุ้น แต่ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่าง ซึ่งหากนักลงทุนจากจีนเข้ามาถือหุ้นเราก็จะได้ประโยชน์ด้านการลงทุนที่นักลงทุนจากจีนพร้อมที่จะให้เรากู้เงินจากเขาได้" นายภูษณ กล่าว
สำหรับแผนการลดทุนจดทะเบียนเพื่อล้างขาดทุนสะสม 10,835 ล้านบาท โดยพิจารณาเห็นว่าการลดทุนจดทะเบียนในสัดส่วน 8.1 : 1 จะส่งผลให้บริษัทฯสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้ทั้งหมด โดยหากวิธีดังกล่าวผู้ถือหุ้นมีความเห็นชอบก็คาดว่าภายในช่วงวันที่ 26-27 ก.ค.จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด หลังจากนั้นจะมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้อยู่ที่ 0.10 บาท
นายภูษณ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 800-900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 774 ล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ย(EBITDA)ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่เกือบ 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 117 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าทั้ง 4 โรง มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
รวมถึงมีรายได้จากจากธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เป็นธุรกิจหลักเดิม ซึ่งให้บริการแก่ บมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ.กสท โทรคมนาคม มูลค่า 537 ล้านบาท นอกจากนี้ จะมีรายได้จากการบริหารโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ราว 5 ล้านบาท/เดือน โดยจะเริ่มเข้าไปบริหารได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/57 คาดว่าจะมีกำไรต่อเนื่องจากไตรมาส 4/56 ที่สามารถกลับมามีกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 14-15 ปี ขณะเดียวกันคาดว่าช่วงไตรมาส 2/57 จะดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้าเพิ่มเข้ามา 2 โรงที่จะเริ่มขายไฟเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน พ.ค.57 คือ โครงการแม่มาลัย 1 และ 2 ที่ จ.เชียงใหม่ จะส่งผลให้บริษัทฯมีการขายไฟเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมด 4 โรง กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลใน จ.นครราชสีมา กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ มูลค่าราว 800 ล้านบาท
"หลังจากนี้รายได้และกำไรของเราจะมีการเติบโตขึ้น และจะไม่กลับมาขาดทุนแล้วหากเราไม่มีการลงทุนที่ผิดพลาด ซึ่งหลังจากนี้ก็ยังจะมีโครงการใหม่ๆที่เราจะเข้าไปลงทุนอีกและจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากปีนี้ที่เรามีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโครงการใหม่เข้ามา รวมถึงการเข้าไปรับบริหารจัดการโครงการชีวมวล และธุรกิจหลักของเราที่มีการเติบโต ขณะที่ต้นทุนเรื่องของแรงงานของเราก็ต่ำ เพราะปัจจุบันเรามีพนักงานในบริษัทเพียง 70 กว่าคนเท่านัน"นายภูษณ กล่าว
ที่มา
http://www.ryt9.com/s/iq05/1887905