ความจริงที่ขัดใจขัดความรู้สึก - หากลุงวิศวะใจเย็นและปล่อยวางได้มากกว่านี้ก็คงไม่ต้องมาประสพกับวิบากกรรมเช่นนี้

กราบขอรับ

ดราม่าร้อนเรื่องลุงวิศวะ VS เมิงเก๋าเหรอ นั้นส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้คนในสังคมเป็นอย่างยิ่ง
คนธรรมดา คนดัง ต่างๆ นั้นดาหน้าโพสท์ความรู้สึกของตนลงบนโลกโซเชียลกันอย่างล้นหลาม
ส่วนใหญ่ก็จะไปในทิศทางที่เห็นใจลุงวิศวะกับครอบครัวที่อยู่ในเหตุการณ์ระทึกขวัญ
บางส่วนบอกหากเป็นตนเองคงยิงหมดแม๊กไปแล้ว
บางส่วนแสดงความสะใจต่อความตายของเด็กเลือดร้อน
บางส่วนต้องการเห็นแก๊งค์วัยจ๊าบเข้าคุกยกแก๊งค์
บางส่วนเกลียดชังด่าทอแม่ของผู้ตาย
ก็ว่ากันไปขอรับ

เราชาวพุทธพึงมองเหตุการณ์นี้อย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมของเรามากที่สุด?

1 หากเป็นชาวพุทธก็ต้องใช้หลักการพุทธในการพินิจเรื่องที่เกิดขึ้นตามจริงด้วยหลักเหตุและผลหาใช่อารมณ์
  เรื่องจริงก็คือหากลุงใจเย็นกว่านิดสักนิด เรื่องราวคงไม่บานปลายมาถึงขั้นลุงโดนเด็กต่อย เด็กถูกลุงยิงตาย
  คลิปแรกที่รถตู้จอดขวางรถลุงอยู่นั้น หากใจเย็นๆรอในรถไม่เกิน 5 นาที ก็คงต่างคนต่างไปแล้ว
  หรือแม้หากภรรยาลงไปบอกอีกฝั่งกล่าวกันดีๆ โดยที่ลุงนั่งอยู่ในรถฟังเพลงไปชิลๆ ไม่มีโมหะโทสะถึงขั้นที่เราได้ยินกันในคลิป
  เรื่องสลดก็คงจะไม่เกิดขึ้นเป็นแน่

2 หากกลุ่มวัยรุ่นและคนขับรถตู้มีมารยาท มีความเห็นแก่ส่วนรวมนึกถึงผู้อื่น ก็คงจะไม่ไปจอดขวางรถลุงแบบนั้น
   หรือเมื่อรู้แล้วว่ามีคนได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของตน ก็พึงขอโทษขอโพยแล้วขยับรถเลื่อนรถไปซะ
   หรือแม้แต่หากโดนลุงต่อว่าโดนลุงด่า ก็พึงยอมรับความจริงว่าสิ่งที่พวกตนเองนั้นได้กระทำอยู่มันก็สมควรโดนต่อว่าจริงๆ
   ไม่พึงมีหน้าไปโกรธหรือไปด่าเค้ากลับ ในเมื่อเห็นแก่ตัวและไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นแบบนั้น

เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ลงให้กัน ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆ
ไม่ใช่เรื่องทรัพย์สมบัติที่ดินหลักหมื่นหลักแสนหรือหลักล้าน
ไม่ใช่เรื่องแย่งสามีตีกินภรรยา แค่เรื่องจอดรถขวางกันแท้ๆ
กรรมต่อกรรม มีเหตุย่อมมีผล จากเบากลายเป็นหนัก สุดท้ายก็มีคนตายมีคนเป็นทุกข์กันทั้งสองฝ่าย

วันนี้คนตายก็ตายไปแบบตายเปล่าเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
แม่คนตายก็เศร้าเสียใจ แกจะเป็นพ่อแม่รังแกฉันเห็นถูกเห็นผิดอย่างไรันั่นอีกเรื่อง แต่คนเป็นแม่ยังไงก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา
แก๊งค์วัยรุ่นก็ทุกข์และอาจจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลสู้คดีกันอีก

ฝั่งลุงก็ทุกข์หนัก อยู่ดีๆใครจะไปคิดว่าวันนี้จะต้องฆ่าคนปลิดชีวิตเด็กไปหนึ่งศพ
และยังจะต้องไปสู้กันในศาล ตอนนี้ไม่มีใครฟันธงได้หรอกว่าสุดทายแล้วแกจะไม่ต้องติดคุก
แม้จะไม่ต้องรับโทษ ลุงแกเองก็คงไม่ได้รู้สึกสบายใจหรือมีความสุขอะไรหรอก
เพลอๆจะกลายเป็นแผลเป็นทางความรู้สึกของแกและครอบครัวไปตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้
ครอบครัวลุงก็ทุกข์หนักไม่แพ้กัน เป็นเรื่องเศร้าโดยแท้
เรื่องนี้ตายไปหนึ่ง ตายทั้งเป็นหลายคนขอรับ

นี่ไม่ใช่เรื่องโลกสวย
นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นโดยที่ชาวพุทธพึงดูและเรียนรู้ด้วยสติปัญญาและสมองที่ใหญ่กว่ากุ้งเครฟิช
เพื่อจะได้มีสติรู้ทันไม่ปล่อยให้ตนเองตกไปอยู่ในสถานการณ์แบบลุงและกลุ่มเมิงเก๋าเหรอ

ด้วยรักและแค่ขอโทษแค่ไม่โกรธก็จบแล้ว
กอดแมว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เรื่องนี้ ผิดแค่ข้อเดียวเท่านั้น
คือ เขาไปขอให้เลื่อนรถดีๆ (พูดดีๆ) ไม่ทำ
ลุงใจร้อน จะรีบไป ไม่ผิด อย่าบอกว่าลุงผิดเพราะไม่รอ พูดอย่างนี้ เท่ากับส่งเสริมคนผิด มันไม่ถูก เขาจะรีบยังไง ก็เป็นสิทธิของเขา ตัวคุณต่างหากต้องรีบมากกว่า เพราะเป็นฝ่ายจอดผิด ไม่ใช่เอ้อระเหยลอยลม เขามาขอดีๆ กลับด่า
ตอนนั้น ถ้าตู้เลื่อนให้ หรือมีทีท่าพยายามจะเลื่อน ไม่ใช่ตีรวน แถมพูดจาแย่ๆ กับเขา คนอื่นจะวิปไหม
ทำไมคนถึงมองว่าลุงผิดเสมอที่ไม่รอ ลุงผิดแค่ใจร้อน ชึกปืน ทะเลาะวิวาท ลุงไม่ผิดนะที่รอไม่ได้ จุดนี้มองให้แตกสิ ใครไร้มารยาทก่อน ใครจุดชนวนก่อน

"โทษนะคะ เลื่อนรถหน่อยได้ไหม จะออกค่ะ"
"โอ้ว คับๆ ขอโทษครับ"

ถ้าไม่มีคนขับ ลุงจำเป็นต้องรอ อันนี้จำเป็น แต่เมื่อคุณเป็นคนขับรถแท้ๆ ตีรวนไม่ช่วยเขา แถมยังขึ้นเสียง สมควรโมโหปะ ถ้าเป็นเราเลื่อนรถทันที ขอโทษเขาด้วย ต่อให้ตรงนั้นไม่มีที่จอดก็ต้องเลื่อน มันเป็นสิทธิคนอื่นจะไป!!
ทั้งนี้ทั้งนั้น จะให้เขารอก็ได้ แต่ต้องพูดกับเขาดีๆ ก็ไปดูสิ ว่าคำพูดขอให้รอของไอ้รถตู้มันเป็นไง
ความคิดเห็นที่ 19
มองในมุมของปุถุชน วิศวะกับเมียก็ใจเย็นมากพอแล้วนะ  เขามาจอดรถขวาง

"คุณคะ....."     ตรงนี้เมียพูด ลองคิดดูสิคนวัยแม่เปิดคำว่าคุณคะกับกลุ่มวัยรุ่น  กลุ่มวัยรุ่นกลับยั่วโทสะก่อน
"รอแป๊บนึง..."   ซึ่งด่ากันไปมาในที่แรกมันควรจบได้แล้ว  


เมื่อวัยรุ่นไม่ยอมจบ  ต่อเหตุการณืที่สอง  วิศวะก็พูดดีแสดงความใจเย็นมากพอแล้วนะ
"ทำอาราย...จะทำอาราย...." ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่นพยายามเปิดประตูรถ  คิดดูสิคนวัยพ่อ มีทั้งฐานะหน้าที่การการ มีศักดิ์ศรีระดับนึง ต้องยอมขอร้องเด็กวัยลูก
"ขอร้องแหละ ผมมากับแม่ มันผ่านไปแล้ว..........."   แค่นี้ก็ฟังได้ว่าวิศวะใจเย็นพอ แต่เหตุที่ยิงมันสุดวิสัยเด็กมันเริ่มต่อยแล้ว มันอาจลงมือมากกว่านั้นถ้าไม่ยิง......



     สำหรับผมคิดว่าสมัยนี้มันเข้ากลียุค เด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่  ไปไหนมาไหนผมจะเลือกเวลากลางวันเว้นแต่เลี่ยงไม่ได้จริงๆก็ระวังตัวที่สุด หลีกเลี่ยงการเที่ยวที่มีคนพลุกพล่านมันเสี่ยงกับการปะทะกับคนถ่อยคนพาล....รอว่าเมื่อไหร่ยุคศรีวิลัยจะมาถึงซะที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่