[CR] [ NIXANT ] ซินจ่าว โฮจิมินห์ แค่เสาร์อาทิตย์ก็เที่ยวได้ ( Part I ) _



day 1 เดินเที่ยวในเมืองโฮจิมินห์ - อุโมงค์กู๋จี - หาของอร่อยๆในเมืองทาน

สวัสดีครับ ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ทั้งที ก็ต้องหาที่พักผ่อนกันหน่อย โดยโจทย์คือราคาไม่แพง สามารถเที่ยวได้ภายในเสาร์อาทิตย์ อาจจะเดินทางวันศุกร์หลังเรียนเสร็จ วันอาทิตย์ต้องกลับมาทันเรียนวันจันทร์ ดังนั้นต้องไปเที่ยวใกล้ๆ ใช้ระยะเวลาเดินทางไม่นาน ดังนั้นโฮจิมินห์ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ที่หนึ่งเลยครับ

ครั้งนี้เดินทางวันที่ 23-25 ธันวาคม 59 ใช้สายการบินแอร์เอเชีย ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ประมาณ 19.35 น. เดินทาง 1.30 ชั่วโมงครับ ดังนั้นถึงโฮจิมินห์ตอน 21.05 น.

ก่อนไปแลกเงินไทย-ดองที่ดอนเมือง รู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไรครับ 10,000 ดอง ต้องแลกด้วยเงินไทยประมาณ 18 บาท แต่เคยอ่านรีวิวว่าให้ไปแลกเป็นUSDไปก่อน แล้วจึงแลกเป็นดองที่เวียดนามจะได้เรทดีกว่า แต่ถึงตอนนั้นมันถึงดึก ไม่กล้าเสี่ยงเท่าไรครับ กลัวธนาคารปิดเลยแลกแบบนี้ไป



ไปถึงที่โฮจิมินห์เวลา 21.35 น. ก็ดิ่งออกมาทางออกจะมีร้านขายซิมสองสามร้าน ก็เลือกมาสักร้านหนึ่ง แค่เข้าไปถามเค้าก็ขอมือถือ แกะใส่ซิมให้เราเสร็จเรียบร้อย รวดเร็วมาก แค่จะถามเอง 555 หลังจากนั้นก็ออกมาขึ้นรถเมล์ครับ ออกทางออกสนามบิน เดินไปทางขวามือสัก 100-200 เมตร ก็จะเจอรสบัสจอดอยู่ครับ แต่ไม่เจอสาย 152 ซึ่งราคาถูกกว่า 5,000 VND เท่านั้นเอง ครั้งนี้ขึ้นสาย 109 ราคา 20,000 VND ไปลงแถว Pham Ngu Lao ถึงแถวนั้นแล้วเดินซื้อทัวร์อุโมงค์กู๋จี แถวนั้นร้านขายทัวร์เยอะมาก ไม่ต้องกังวลครับ ผมซื้อที่ร้าน Vietsea tourist แต่ละร้าน ราคาคนละประมาณ 100,000-120,000 VND อันนี้ยังไม่รวมค่าเข้าอุโมงค์ครับ หลังจากนั้นก็เดินไปโรงแรมต่อครับ

วันนี้ก็มาถึงดึก ไม่ได้เที่ยวอะไรมากครับ เดินชมบรรยากาศเล็กน้อย เน้นหาของทานเนี่ยแหละครับ มื้อแรกที่ได้ทานคือเมนูข้างทาง





เมนูเหล่านี้เป็นข้าวหน้าหมู เหมือนย่างมา ออกเหม็นๆเล็กน้อย กุนเชียงเหม็นเหมือนกันครับ 555 แต่ที่สำคัญคือราคาถูกมาก จานละ 12,000 - 15,000 VND เท่านั้นเอง คนเวียดนามเองก็ทานครับ ไม่เจอชาวต่างชาติ ถือว่าได้ประสบการณ์ดี



หลังจากนั้นก็กลับโรงแรมครับ โรงแรมที่พักคือ Paradise Saigon Boutique Hotel โรงแรมไม่ไกลจากตลาดเบนถั่นมาก เดินได้ แถมแถวนี้ของทานเยอะ อีกทั้งวิวที่ทานอาหารเช้าจะได้เห็นเมืองไซง่อนครับ (ไม่ได้ถ่ายรูปโรงแรมมารีวิวนะครับ)

อันนี้เป็นวิวตอนเช้าจากโรงแรม Paradise Saigon Boutique Hotel ตึกรามเค้าก็สร้างเยอะครับ ในอนาคตต้องมีตึกสูงเยอะแน่ๆ









หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ก็ไปตามนัดหมายของบริษัททัวร์ ของเรานัดตรง Pham Nhu Lao 8.00 น. ก็เดินไปครับ ระยะทางไม่ไกล ทานอาหารมาให้เรียบร้อย จากนั้นรถบัสก็จะมารับ รถที่ไปเป็นเหมือน Shuttle Bus นั่งเบียดๆกัน ที่นั่งเสริมก็ต้องนั่ง ลำบากมาก แอร์ก็ไม่เย็น ฮือๆๆๆ

ก่อนที่จะไปอุโมงค์กู๋จี ก็ไปแวะที่ศูนย์จำหน่ายเครื่องหัตถกรรมก่อน คนที่ทำจะเป็นผู้พิการครับ รายได้จะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงคราม

เค้าทำภาพจากเปลือกไข่ ดูทำยาก







พอเข้าไปในโซนขายของ เค้าห้ามถ่ายรูปครับเลยไม่ได้ถ่ายมา แต่ของแพงมากกกก สรุปไม่ได้ซื้ออะไรเลย คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ซื้อเลยเช่นกัน

หลังจากนั้นก็ตรงไปที่อุโมงค์กู๋จี ใช้ระยะเวลาเดินทางไม่นานครับ ประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมงก็ถึงละ พอไปถึงต้องจ่ายค่าเข้าอีกคนละ 110,000 VND ครับ

อุโมงค์นี้เป็นอุโมงค์ใต้ดินยาวกว่า 250 กิโลเมตร สร้างโดยแรงงานมนุษย์ทั้งหมด เป็นฐานที่มั่นสำคัญของกองทัพเวียดกง เข้าไปถึงจะได้อารมณ์มาก เพราะเค้ามีสนามยิงปืนให้ยิง จะได้ยินเสียงปืนตลอดเวลา เหมือนอยู่ในสงครามยังไงยังงั้น อีกทั้งก็อึ้งกับความสามารถของคนเวียดนามที่ทำสงครามสมัยก่อน เพราะอุโมงค์ไม่ได้จะทำง่ายๆ ไหนเรื่องระบายอากาศเอย เรื่องการซ่อนตัวเอง เรื่องการระบายน้ำไปทางแม่น้ำเอย คือสุดยอดจริงๆ

ภาพนี้จะแสดงให้เห็นกับดักครับ ยังมีเหล็กแหลมจริงๆอยู่ข้างใน



หลังจากนั้นไกด์ก็จะพาไปหลุมพลางตัว เวลาทหารอเมริกันมา แล้วเข้าอุโมงค์ไม่ทัน ก็จะเข้าหลุมนี้ครับ ซึ่งเป็นหลุมที่เล็กมาๆ หลุมสูงประมาณเอวเราได้ เวลาเข้าก็ต้องยกมือให้แนบหู ไม่งั้นจะติดข้อศอก คือมันแคบมาก เข้าใจความรู้สึกของคนที่ซ่อนอยู่แถวนั้นเลย จุดนี้ก็เป็นจุดพีคที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปอีกเช่นเดียวกัน แต่คนตัวเล็กอย่างผม ไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปครับ 555



หลังจากนั้นก็จะมีพวกรถถังที่ใช้ในสงคราม





ล้วก็มาถึงจุดไฮไลต์ของการมาทัวร์อุโมงค์ครับ คือการลงไปในอุโมงค์ ซึ่งเขาได้ให้ลงแค่ช่วงสั้นๆนะครับ ไม่เกินห้าร้อยเมตร อุโมงค์จริงๆไมไ่ด้เปิดให้ลงไป แต่แค่นี้ก็รู้สึกอึดอัดมาก ระยะทางที่เดินเข้าไปจะมีทางออกเป็นระยะๆ ซึ่งผมออกทางออกแรกเลยครับ

ทางลงก็มีบันได้ดี แต่พอเข้าไปบางคนต้องคลานเลยครับ มันเตี้ยมาก อึดอัด คนอ้วนๆนี่เข้าไปลำบากมาก บางคนพอจะเดินยองๆได้ อึดอัดมากครับ ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวที่แคบจริงๆ

(ทุกภาพเป็นแค่ทางเข้าหมดเลยนะครับ อุโมงค์จริงๆเล็กมาก ไม่ได้ถ่ายรูปมา เดินลำบากพอสมควร)



หลังจากนั้นไกด์ก็จะพาไปกินอาหารอะไรซักอย่าง เป็นพืชมีหัว เอาไปนึ่งหรือต้ม แล้วทานกับน้ำตาล ซึ่งพืชอันนี้มันหาได้จากป่าที่ทำสงคราม และเพาะปลูกง่าย คือหักกิ่ง แล้วไปปักลงดิน ทานพร้อมน้ำชาครับ อันนี้ไม่คิดเงินครับ ให้ทานเพื่อรับรู้ถึงอาหารที่ทานในสงคราม



หลังจากนั้นก็ไปดูวีดิโอ เกี่ยวกับสงครามเวียดนาม (จริงๆต้องดูวีดิโอก่อนครับ แต่เนื่องด้วยวันนั้นเป็นวันสุดสัปดาห์คริสต์มาส คนเยอะมาก ไม่สามารถเข้าไปฟังได้หมด เลยเข้าไปทัวร์ก่อนแล้วค่อยมาดู)



หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสของทัวร์กลับโรงแรมครับ เขาจะไป Pham Ngu Lao ซึ่งเป็นที่แรกที่เราขึ้นรถบัสครับ จากนั้นเดินกลับโรงแรมเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะเหงื่อเต็มมาก

จากนั้นไปหาอะไรทานครั้งนี้เราไปที่ร้าน Nha Hang Ngon ตั้งอยู่บนถนน Pasteur ถ้าง่ายๆก็โบกแท็กซี่ไปเลยครับ ราคาแท็กซี่ที่นี่ไม่แพง





ร้านค่อนข้างกว้าง และใหญ่มาก เดินทะลุมาก็ยังมีที่นั่งอีก ตอนแรกคิดว่าเป็นคนละร้านเสียแล้ว แต่จริงๆเป็นร้านเดียวกัน ร้านเป็น Openair ทั้งหมด อาจมีควันบ้างจากการประกอบอาหาร แต่โดยรวมคือได้กลิ่นอายความเป็นเวียดนามสุดๆครับ





Fried Pork & Crab Spring Rolls Served (75,000.-) และ Vermicelli and Grilled Pork served with Fresh Herbs (75,000.-) จานนี้เสิร์ฟมาอยู่ในจานเดียวกันครับ สองอย่างรวมกันราคาค่อนข้างแรง ประมาณ 240 บาทไทยตัวหมูย่างหอมอร่อยมาก เนื้อเต็มๆไม่มีแป้งล้วน ส่วนปอเปี๊ยะทอดก็ชิ้นใหญ่มาก ได้มาสองชิ้น ข้างในเป็นหมูกับปู โดยรวมอร่อยดีงามมาก จานนี้เสิร์ฟคู่กับเส้นหมี่ลวก (แต่เหมือนขนมจีนมากกว่า) จานนี้อร่อยมากครับ แต่ราคาแรงไปนิด



Vietnamese Rice Pancake (80,000.-) เป็นขนมเบื้องญวนนั่นเอง เสิร์ฟมาแผ่นใหญ่ ด้านในเป็นถั่วงอกและหมูสับ รสชาติโดยรวมอร่อยใช้ได้ แป้งขนมเบื้องบางกรอบ



นอกจากนี้สิ่งที่แพงอีกคือน้ำเปล่า ขวดละ 30,000.- คือเป็นเงินไทยประมาณ 48 บาท จิร้อง ขวดเท่า 7 บาทในเซเว่นบ้านเราครับ นอกจากนี้ผ้าเย็น เขาคิดเงินนะครับถ้าแกะใช้

หลังจากนั้นก็เดินไปที่รูปปั้นลุงโฮ ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูป เดินไม่ไกล ประมาณ 5 นาที แถมฟุตบาทก็กว้างมากกก





มาถึงรูปปั้นลุงโฮ ส่วนด้านหลังจะเป็น City Hall เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก ตรงจตุรัสนี้กว้างมาก อิจฉาคนที่นี่ มีฟุตบาทและสแควร์ที่กว้างมาก ตอนเย็นๆคนเวียดนามมาพักผ่อนเยอะมากๆเช่นเดียวกัน ล้อมรอบจะเป็นพวกร้านค้าต่างๆ คนมาช็อปปิ้งเยอะครับ













หลังจากนั้นก็เดินไปร้าน The Workshop Coffee ร้านกาแฟยอดฮิตของทั้งคนไทยและเวียดนาม



ร้านนี้เป็นร้านยอดฮิตเวลาที่ชาวไทยมาเที่ยวโฮจิมินครับ ร้านให้เดินมาตามแผนที่เลยครับ ผมเองก็ค่อนข้างงง พอถึงหน้าร้าน จะเห็นป้ายเล็กๆ บางคนอาจจะเลยได้ ให้เดินขึ้นบันได้มาอีกประมาณ 3-4 ชั้น ร้านอยู่ชั้นบนสุด เสร็จแล้วหาที่นั่งได้เลยครับ พนักงานจะนำเมนูมาให้ สั่งแล้วจ่ายเงินเลย

พอดีไม่ได้ถ่ายรูปกาแฟมาครับ สั่งแบบรับกลับเป็น Iced Macchiato (65,000.-) และ Iced Latte (75,000.-) ซึ่งแก้วรับกลับใส่มาแบบแก้วกาแฟร้อนของไทยพร้อมน้ำตาลเป็นซอง ซึ่งงง น้ำตาลมันจะละลายในกาแฟยังไง พอใส่น้ำตาลเข้าไปแล้ว มันแย่มากเลยครับ 555 น้ำตาลมันไม่ละลาย กาแฟที่นี่จะไม่ใส่ไซรัปให้ เราต้องใส่เองเองครับ แล้วให้พร้อมหูหิ้วสามารถแขวนบนรถมอไซค์ได้









ติดตามต่อในคอมเม้นครับ
ชื่อสินค้า:   Ho chi minh
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่