เราย้ายที่ทำงานมาได้ 2 เดือนค่ะ
ก่อนหน้านี้เป็นหัวหน้างานระดับ Business Unit Manager (รองจาก Director Report ทั้ง Director และ MD) ตอนนี้ย้ายมาเป็น Leader (รองจาก CEO Report ตรง CEO) เป็นตำแหน่งที่ Replace คนเก่านะคะ
ช่วง 1 เดือนแรกก็บรรยากาศดีค่ะ เป็นกันเองทุกคนน่ารัก
ช่วง 2 อาทิตย์หลัง ก่อนที่คนเก่าจะออกไป (คนเก่าจบไม่สวย) เริ่มมี Politic เริ่มมีแบ่งทีม แยกทีม ลูกน้องเจ้านาย ว่ากันไป
ปกติ เราไม่สนใจ Politic เท่าไร เพราะเชื่อว่ามันมีทุกองค์กร เราทำงาน Drive Performance ไป
น้องๆ ในทีมยังคงไปทานข้าวกัน สังสรรค์ดี
ตอนช่วงเเรกเราเริ่มด้วยวิธีการเข้าหาน้องๆ ตามเค้าไปก่อน ไปไหนไปกัน ว่าไงว่ากัน (แต่ต้องไม่เสียระบบ ไม่เสียงาน)
ตอนหลังน้องเริ่มไม่เกรงใจ ขึ้นเสียงและตบโต๊ะใส่เรา
- สาเหตุมาจากเราติด Conference จากต่างประเทศ แล้วน้องเองก็มีสายเข้าจากลูกค้า โต๊ะทำงานไม่ไกลกัน เสียงเลยดังกวนกัน แต่เราใส่สายหูฟัง เสียงน้องเลยไม่เข้ามาที่เรา แต่น้องไม่ได้ใส่ เสียงเราคงไปเข้าที่น้อง
- เรื่องนี้วันที่เกิดเรื่อง นายจะให้น้องออก แต่เราคิดว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้ performance น้องก็ไม่ได้แย่อะไร อาจจะเป็นเรื่องของอารมณ์และวุฒิภาวะ เลยเบรกไว้ ยังไม่ให้ออก สุดท้ายน้องมาขอโทษ เราพยายามเข้าใจว่าเป็นอารมณ์คนเครียดธรรมดา ไม่ติดใจ แต่ก็ตักเตือนไปว่าให้ระวัง อย่าทำอีก ไม่ว่าจะกับใครก็ตามในที่ทำงาน ไม่เหมาะสม
พอมาเดือนที่ 2 การแบ่งทีมเริ่มชัดเจนขึ้น น้องๆ เริ่มต่อต้านเรา เริ่มแยกทีมออกไปชัดเจน ไม่รีพอร์ต ตามที่เคยทำ
ต้องยิงเมลล์เป็น Official ไม่คุย ไม่สังคม
เวลามีสถานการณ์อัพเดทจากลูกค้รา น้องกลับโทรไปรายงานคนเก่า ที่ออกไปแล้ว
ตั้งกุปไลน์ รายงานสถานการณ์ต่างๆ ให้คนเก่าฟัง
ตอนแรกเรายังใจเย็นคิดบวกว่าเค้าคงอยู่มานาน คงสนิทกัน ตราบใดที่ไม่กระทบกับงาน
สุดท้ายมาพบว่าคนเก่าแจ้งตัวเลขรายงานยอดเงินที่จะเข้าจากลูกค้าผิดทั้งหมด คือ เรียกง่ายๆว่า 0 คือ เค้าไม่ได้ทำงาน แต่สร้างเรื่องว่าทำงานและจะมียอดเข้าทีม เท่านั้นเท่านี้ นายพยายามลงมาเคลียทั้งเรื่องตัวเลขและทัศนคติของทีม แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้ทุกคนเลยมองว่าเราเป็นคนเป่าหูนาย ให้พูดในเรื่องไม่ดีของคนเก่าที่ทำไว้ ๖คนเก่าเค้ามีแพลนจะออกตั้งแต่ก่อนเราเข้ามาแล้ว ถึงได้เรามา replace ไม่ใช่ว่าเราเข้ามาบีบเค้าออก)
เราพยายามคิดบวกว่าน้องๆ ยังเด็ก บวกกับความสนิทสนมที่มีมานานของคนเก่า เลยอาจจะต้องใช้เวลา
นายแนะนำให่ดูที่ Performance อย่างเดียว เราทำตาม ประกาศเรื่อง Performance ต่างๆ
แต่สถานการณ์กลับแย่มากขึ้น เมื่อทีมมองเราพยายามจะบีบทุกคนออก แล้วสร้างทีมใหม่
(เราไม่มีเจตนาให้ใครออก)
แต่ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกว่ามันบานปลาย เราอาจจะคุมทีมไม่อยู่ และอาจจะมีการลาออกเองยกทีม หรือ อยู่แต่ไม่ให้ความร่วมมือ
(ถ้าลาออกยกทีม อาจจะปวดหัวตอนแรก แต่ภาพรวมอาจจะล้างบางได้ดีกว่า - แต่อย่างที่บอกเราไม่มีเจตนาให้ใครออก ปกติเราเป็นหัวหน้าที่ Compromise มากกว่า Dominate เราจะถือเสมอว่าทุกคนมีสิทธิ์และอำนาจเต็มในหน้าที่ตัวเอง ถ้ารอะไรไม่เกินระบบไปจริงๆ หรือ ไม่ได้ผิดพลาดชัดเจน เราจะให้อำนาจเต็มทุกคน)
แต่ตอนนี้กำลังคิดว่า ถ้าเอาไม่อยู่จริงๆ เราจะใช้อำนาจที่เรามี เช่นให้ออก จะรุนแรงมากไปมั้ย ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานให้ออกแค่เคสที่หนักจริงๆ เท่านั้น เคสแบบนี้ประนีประนอมตลอด
ขอความคิดเห็นและคำปรึกษาค่ะว่าจะแก้ปันหานี้ยัวไงดี
ย้ายที่ทำงานใหม่ตำแหน่งสูง แต่โดนต่อต้าน ขอคำปรึกษา
ก่อนหน้านี้เป็นหัวหน้างานระดับ Business Unit Manager (รองจาก Director Report ทั้ง Director และ MD) ตอนนี้ย้ายมาเป็น Leader (รองจาก CEO Report ตรง CEO) เป็นตำแหน่งที่ Replace คนเก่านะคะ
ช่วง 1 เดือนแรกก็บรรยากาศดีค่ะ เป็นกันเองทุกคนน่ารัก
ช่วง 2 อาทิตย์หลัง ก่อนที่คนเก่าจะออกไป (คนเก่าจบไม่สวย) เริ่มมี Politic เริ่มมีแบ่งทีม แยกทีม ลูกน้องเจ้านาย ว่ากันไป
ปกติ เราไม่สนใจ Politic เท่าไร เพราะเชื่อว่ามันมีทุกองค์กร เราทำงาน Drive Performance ไป
น้องๆ ในทีมยังคงไปทานข้าวกัน สังสรรค์ดี
ตอนช่วงเเรกเราเริ่มด้วยวิธีการเข้าหาน้องๆ ตามเค้าไปก่อน ไปไหนไปกัน ว่าไงว่ากัน (แต่ต้องไม่เสียระบบ ไม่เสียงาน)
ตอนหลังน้องเริ่มไม่เกรงใจ ขึ้นเสียงและตบโต๊ะใส่เรา
- สาเหตุมาจากเราติด Conference จากต่างประเทศ แล้วน้องเองก็มีสายเข้าจากลูกค้า โต๊ะทำงานไม่ไกลกัน เสียงเลยดังกวนกัน แต่เราใส่สายหูฟัง เสียงน้องเลยไม่เข้ามาที่เรา แต่น้องไม่ได้ใส่ เสียงเราคงไปเข้าที่น้อง
- เรื่องนี้วันที่เกิดเรื่อง นายจะให้น้องออก แต่เราคิดว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้ performance น้องก็ไม่ได้แย่อะไร อาจจะเป็นเรื่องของอารมณ์และวุฒิภาวะ เลยเบรกไว้ ยังไม่ให้ออก สุดท้ายน้องมาขอโทษ เราพยายามเข้าใจว่าเป็นอารมณ์คนเครียดธรรมดา ไม่ติดใจ แต่ก็ตักเตือนไปว่าให้ระวัง อย่าทำอีก ไม่ว่าจะกับใครก็ตามในที่ทำงาน ไม่เหมาะสม
พอมาเดือนที่ 2 การแบ่งทีมเริ่มชัดเจนขึ้น น้องๆ เริ่มต่อต้านเรา เริ่มแยกทีมออกไปชัดเจน ไม่รีพอร์ต ตามที่เคยทำ
ต้องยิงเมลล์เป็น Official ไม่คุย ไม่สังคม
เวลามีสถานการณ์อัพเดทจากลูกค้รา น้องกลับโทรไปรายงานคนเก่า ที่ออกไปแล้ว
ตั้งกุปไลน์ รายงานสถานการณ์ต่างๆ ให้คนเก่าฟัง
ตอนแรกเรายังใจเย็นคิดบวกว่าเค้าคงอยู่มานาน คงสนิทกัน ตราบใดที่ไม่กระทบกับงาน
สุดท้ายมาพบว่าคนเก่าแจ้งตัวเลขรายงานยอดเงินที่จะเข้าจากลูกค้าผิดทั้งหมด คือ เรียกง่ายๆว่า 0 คือ เค้าไม่ได้ทำงาน แต่สร้างเรื่องว่าทำงานและจะมียอดเข้าทีม เท่านั้นเท่านี้ นายพยายามลงมาเคลียทั้งเรื่องตัวเลขและทัศนคติของทีม แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้ทุกคนเลยมองว่าเราเป็นคนเป่าหูนาย ให้พูดในเรื่องไม่ดีของคนเก่าที่ทำไว้ ๖คนเก่าเค้ามีแพลนจะออกตั้งแต่ก่อนเราเข้ามาแล้ว ถึงได้เรามา replace ไม่ใช่ว่าเราเข้ามาบีบเค้าออก)
เราพยายามคิดบวกว่าน้องๆ ยังเด็ก บวกกับความสนิทสนมที่มีมานานของคนเก่า เลยอาจจะต้องใช้เวลา
นายแนะนำให่ดูที่ Performance อย่างเดียว เราทำตาม ประกาศเรื่อง Performance ต่างๆ
แต่สถานการณ์กลับแย่มากขึ้น เมื่อทีมมองเราพยายามจะบีบทุกคนออก แล้วสร้างทีมใหม่
(เราไม่มีเจตนาให้ใครออก)
แต่ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกว่ามันบานปลาย เราอาจจะคุมทีมไม่อยู่ และอาจจะมีการลาออกเองยกทีม หรือ อยู่แต่ไม่ให้ความร่วมมือ
(ถ้าลาออกยกทีม อาจจะปวดหัวตอนแรก แต่ภาพรวมอาจจะล้างบางได้ดีกว่า - แต่อย่างที่บอกเราไม่มีเจตนาให้ใครออก ปกติเราเป็นหัวหน้าที่ Compromise มากกว่า Dominate เราจะถือเสมอว่าทุกคนมีสิทธิ์และอำนาจเต็มในหน้าที่ตัวเอง ถ้ารอะไรไม่เกินระบบไปจริงๆ หรือ ไม่ได้ผิดพลาดชัดเจน เราจะให้อำนาจเต็มทุกคน)
แต่ตอนนี้กำลังคิดว่า ถ้าเอาไม่อยู่จริงๆ เราจะใช้อำนาจที่เรามี เช่นให้ออก จะรุนแรงมากไปมั้ย ที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานให้ออกแค่เคสที่หนักจริงๆ เท่านั้น เคสแบบนี้ประนีประนอมตลอด
ขอความคิดเห็นและคำปรึกษาค่ะว่าจะแก้ปันหานี้ยัวไงดี