พอพึ่งมาอยู่ในวัยทำงานจริงๆ เลยอยากรู้ว่าคนที่ทำงานบริษัทมาเป็นเวลานานแล้วมององค์กรแบบไหนดีกว่าคะ
อนาคตจะเอาไปปรับมุมมองกับชีวิตการทำงานต่อๆ ไปค่ะ
ตัวอย่างของหนู คือ
1. บริษัทแรกที่หนูทำ เป็น start-up แน่นอนว่างานหนักเป็นบ้าเป็นบอ เจ้านายวัยรุ่นมาก เป็นนักให้โอกาสคนนึงเลย
ให้อิสระทางความคิดค่อนข้างดี สภาพแวดล้อมก็แหล่งรวมวัยรุ่นสมัยใหม่และปัจจุบันองค์กรประสบความสำเร็จมาก
benefit โคตรดี แถมโบนัสแตก จุกๆ 4 เดือนให้พนักงานอย่างต่ำ (ปีที่แล้วโบนัสแตกจนแจกสูงสุด 1 ปีให้กับทีมหัวหน้า)
อ๋อ ที่นี่เขาประเมิณเงินเดือน+โบนัส ตาม performance นะคะ ปรับทุกปี ใครทำได้ดีก็รับไปสมน้ำสมเนื้อ
อย่างตอนหนูอยู่ทำงาน 1 ปีเงินเดือนหนูขึ้นไป 3 รอบ เพราะเจ้าของนี่วัยรุ่นใจใหญ่มากค่ะ และ appreciate คนในทีมทุกคน
การทำงานโคตรรรรรจะทีมเวิร์ค คือจับมือกันทะลุเป้าปีต่อปี เอเนอจี้ล้นหลาม แต่ทำงานตาถลน
ตอนนี้หนูออกมาแล้วเพราะงานหนักมาก(เกินไป) จนตอนนั้นเป็น insomnia แล้วก็ร่างกาย+สภาพจิตใจแย่มากค่ะ
คืองานมันหนักในที่นี้คือ ตี5 6โมง หนูยังนั่งทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่เจ้านายอยู่เลย
และอีกอย่างคือต้องการ career path มากกว่านี้ด้วยค่ะ
ที่ไม่มี career path ตามที่ต้องการ มันเป็นฟีลแบบอยู่ที่เดิมหนูก็ได้ทำแต่งานแบบเดิมๆ
ขวนขวายด้วยตัวเองก็ได้แหละแต่ไปไม่สุด ที่จะเก่งและดีขึ้นคือความอดทนในการทำงานหนักและผลตอบแทนก็จะดี(เงิน)
เช่น ทำงานเป็น graphic ให้ตายยังไง นานแค่ไหน แต่ถ้าวันนึงอยากเป็น creative ขึ้นมาไม่มีทางได้เป็นง่ายๆ แน่นอน
เพราะเขามี art director ที่เป็นหัวเรือหลักอยู่แล้ว แต่ก็จะได้เป็น senior graphic แทนค่ะ
ข้อเสียที่ไม่ชอบสุดๆ : ส่วนตัวว่าที่นี่ emotional เยอะไปค่ะ แบบว่าเพื่อนร่วมงาน = พี่น้องที่ต้องรักกัน เวลามีปัญหาอะไร
มันดราม่าไปยังเรื่องส่วนตัวด้วย ถ้าเลิกงานตรงเวลาก็จะมองว่าทำไมไม่มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นที่เขายังทำงานอยู่
(ปัจจุบันยังมีบ้างในเรื่องของดราม่าเวลาการทำงาน แต่ตอนหนูอยู่คือมีตลอดค่ะ มีทุกเรื่อง)
------
2. บริษัทปัจจุบันการทำงาน freestyle มากค่ะ wfh จุกๆ บังคับเข้าออฟฟิศ 1 วัน/week เพื่อมา meeting
วันอื่นๆ แล้วแต่เนื้องานใครอยากเข้าก็เข้า ใครไม่ได้มีอะไรก็ไม่ต้องเข้า
เจ้านายเป็นวัยรุ่นมากเหมือนกัน สไตล์เด็กจบนอกกับอีกคนเป็นฝรั่ง ทั้งสองไม่ชอบคุยเยอะ ให้อิสระทางความคิดสูง(มาก)
ถ้ามองว่าดีและสมเหตุสมผลก็ทำได้เลยขอแค่มาบอกกันก่อน แล้วก็ไม่ค่อยแจกค่าเหนื่อยให้เท่าไหร่ (โบนัส)
แต่ปีนี้พึ่งมีแจกโบนัสปีแรก เพราะยอดขายถล่มทลายมากแต่ก็ได้เดือนเดียว benefit ทั่วไปตามกฎหมาย
เรื่องเงินเดือนดีมากๆ สำหรับอายุของหนูคือเยอะมากแล้ว แต่ไม่มีการขึ้นเงินเดือนรายปีเป็นกิจจะขนาดนั้น
แต่ถ้าเดินไปคุยไปขอและที่ผ่านมาการทำงานดีมากพอ เขาก็จะให้ค่ะ
เวลาทำงาน flexible มากๆ ตื่นบ่ายโมงมาทำก็ไม่มีใครว่า จะลาก็ลาได้เลย แค่ไปแจ้ง hr แล้วสลับวันหยุดเอา
แค่ถ้าจะลา หรือจะตื่นสาย งานต้องเสร็จตามที่คุยกันไว้ ภาระงานหนักแบบพอประมาณ handle ได้ ไม่มีปัญหา
เวลาใช้ชีวิตเหลือมากๆ เหลือจนมีช่องว่างมากพอที่จะสามารถไปทำอะไรเป็นของตัวเองได้เลย
ถ้าถามถึง career path ในการทำงานที่นี่ จริงๆ ก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น แต่ถ้าอยากจะมี
ขวนขวายด้วยตัวเองได้เลยยังไงก็มีแน่นอน เพราะอยากทำอะไรก็ได้ทำหมด
เช่น ก่อนหน้าที่จะเข้ามาทำที่นี่ หนูทำ graphic มาตลอด แล้วรู้สึกอยากทำมากกว่านี้
อยากทำ creative กับ marketing ด้วย เลยไปคุยกับเขาว่าถ้าจะให้เข้ามาทำงานแล้วทำแค่กราฟิก
หนูไม่เอา ขอเป็น creative graphic & marketing เท่านั้น เขาก็ให้ค่ะแล้วก็ได้ทำหมดนั่นแหละ
ข้อเสียที่ไม่ชอบสุดๆ : คือด้วยความไม่ค่อยเข้าออฟฟิศ แล้วเจ้าตัวเป็นคนไม่ค่อยชอบคุยเยอะ
แน่นอนว่าปัญหาของการสื่อสารตามมาเป็นเบือเลยค่ะ แก้ปัญหารายวัน แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ จุกจิกซะมากกว่า
การทำงานเป็นทีมต่ำมากกก เพราะทำงานแบบต่างคนต่างทำมากเกินไป ต้องควบคุมสถานการณ์เอาเองค่ะ
วิธีแก้คือ ต้องมี คสพ.ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานด้วยตัวเองค่ะ เพื่อให้เขายอมเป็นทีมเวิร์คไปกับเราได้
แต่เจ้านายไม่ได้มาเป็นทีมเวิร์คด้วยนะคะ เขาทำงานงงๆ ข้ามไปข้ามมา รู้ตัวอีกทีคือเรื่องแดงแล้ว 555555
--------
เกริ่นอย่างยาว คือหนูไม่รู้ว่าในการทำงานองค์กรแบบไหนที่ทุกคนจะมองว่าอันนี้เติบโตได้ดีกว่าในระยะยาว
และหลายๆ อย่างดีกว่า อย่างตอนนี้คือหนูอายุ 25 ประสบการณ์และมุมมองในการทำงานยังน้อยมาก
รู้สึกว่าเงินก็สำคัญแต่การเติบโตก็สำคัญเหมือนกันในวัยนี้ และยังเป็นช่วงที่มีแรงทำอะไรเยอะๆได้
ทำงานที่ใหม่ไม่ใช่ไม่ดี ดีแล้วก็ชอบมากนะคะ แต่พอกลับไปดูที่ทำงานเก่าก็รู้สึกลึกๆ ว่าถ้าอยู่ตรงนั้น
ก็คงได้เงินเยอะน่าดู เลยทำให้ตอนนี้ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วชีวิตการทำงาน เราควรจะขวนขวายเงินก่อนแล้วค่อยคิดถึงอนาคต
หรือขวนขวายอนาคตในแบบที่เราอยากจะเป็นแล้วค่อยคิดเรื่องเงิน
อยากรู้ว่าคนที่ทำงานบริษัทมาเป็นเวลานานแล้วมององค์กรแบบไหนดีกว่าคะ
อนาคตจะเอาไปปรับมุมมองกับชีวิตการทำงานต่อๆ ไปค่ะ
ตัวอย่างของหนู คือ
1. บริษัทแรกที่หนูทำ เป็น start-up แน่นอนว่างานหนักเป็นบ้าเป็นบอ เจ้านายวัยรุ่นมาก เป็นนักให้โอกาสคนนึงเลย
ให้อิสระทางความคิดค่อนข้างดี สภาพแวดล้อมก็แหล่งรวมวัยรุ่นสมัยใหม่และปัจจุบันองค์กรประสบความสำเร็จมาก
benefit โคตรดี แถมโบนัสแตก จุกๆ 4 เดือนให้พนักงานอย่างต่ำ (ปีที่แล้วโบนัสแตกจนแจกสูงสุด 1 ปีให้กับทีมหัวหน้า)
อ๋อ ที่นี่เขาประเมิณเงินเดือน+โบนัส ตาม performance นะคะ ปรับทุกปี ใครทำได้ดีก็รับไปสมน้ำสมเนื้อ
อย่างตอนหนูอยู่ทำงาน 1 ปีเงินเดือนหนูขึ้นไป 3 รอบ เพราะเจ้าของนี่วัยรุ่นใจใหญ่มากค่ะ และ appreciate คนในทีมทุกคน
การทำงานโคตรรรรรจะทีมเวิร์ค คือจับมือกันทะลุเป้าปีต่อปี เอเนอจี้ล้นหลาม แต่ทำงานตาถลน
ตอนนี้หนูออกมาแล้วเพราะงานหนักมาก(เกินไป) จนตอนนั้นเป็น insomnia แล้วก็ร่างกาย+สภาพจิตใจแย่มากค่ะ
คืองานมันหนักในที่นี้คือ ตี5 6โมง หนูยังนั่งทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่เจ้านายอยู่เลย
และอีกอย่างคือต้องการ career path มากกว่านี้ด้วยค่ะ
ที่ไม่มี career path ตามที่ต้องการ มันเป็นฟีลแบบอยู่ที่เดิมหนูก็ได้ทำแต่งานแบบเดิมๆ
ขวนขวายด้วยตัวเองก็ได้แหละแต่ไปไม่สุด ที่จะเก่งและดีขึ้นคือความอดทนในการทำงานหนักและผลตอบแทนก็จะดี(เงิน)
เช่น ทำงานเป็น graphic ให้ตายยังไง นานแค่ไหน แต่ถ้าวันนึงอยากเป็น creative ขึ้นมาไม่มีทางได้เป็นง่ายๆ แน่นอน
เพราะเขามี art director ที่เป็นหัวเรือหลักอยู่แล้ว แต่ก็จะได้เป็น senior graphic แทนค่ะ
ข้อเสียที่ไม่ชอบสุดๆ : ส่วนตัวว่าที่นี่ emotional เยอะไปค่ะ แบบว่าเพื่อนร่วมงาน = พี่น้องที่ต้องรักกัน เวลามีปัญหาอะไร
มันดราม่าไปยังเรื่องส่วนตัวด้วย ถ้าเลิกงานตรงเวลาก็จะมองว่าทำไมไม่มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นที่เขายังทำงานอยู่
(ปัจจุบันยังมีบ้างในเรื่องของดราม่าเวลาการทำงาน แต่ตอนหนูอยู่คือมีตลอดค่ะ มีทุกเรื่อง)
------
2. บริษัทปัจจุบันการทำงาน freestyle มากค่ะ wfh จุกๆ บังคับเข้าออฟฟิศ 1 วัน/week เพื่อมา meeting
วันอื่นๆ แล้วแต่เนื้องานใครอยากเข้าก็เข้า ใครไม่ได้มีอะไรก็ไม่ต้องเข้า
เจ้านายเป็นวัยรุ่นมากเหมือนกัน สไตล์เด็กจบนอกกับอีกคนเป็นฝรั่ง ทั้งสองไม่ชอบคุยเยอะ ให้อิสระทางความคิดสูง(มาก)
ถ้ามองว่าดีและสมเหตุสมผลก็ทำได้เลยขอแค่มาบอกกันก่อน แล้วก็ไม่ค่อยแจกค่าเหนื่อยให้เท่าไหร่ (โบนัส)
แต่ปีนี้พึ่งมีแจกโบนัสปีแรก เพราะยอดขายถล่มทลายมากแต่ก็ได้เดือนเดียว benefit ทั่วไปตามกฎหมาย
เรื่องเงินเดือนดีมากๆ สำหรับอายุของหนูคือเยอะมากแล้ว แต่ไม่มีการขึ้นเงินเดือนรายปีเป็นกิจจะขนาดนั้น
แต่ถ้าเดินไปคุยไปขอและที่ผ่านมาการทำงานดีมากพอ เขาก็จะให้ค่ะ
เวลาทำงาน flexible มากๆ ตื่นบ่ายโมงมาทำก็ไม่มีใครว่า จะลาก็ลาได้เลย แค่ไปแจ้ง hr แล้วสลับวันหยุดเอา
แค่ถ้าจะลา หรือจะตื่นสาย งานต้องเสร็จตามที่คุยกันไว้ ภาระงานหนักแบบพอประมาณ handle ได้ ไม่มีปัญหา
เวลาใช้ชีวิตเหลือมากๆ เหลือจนมีช่องว่างมากพอที่จะสามารถไปทำอะไรเป็นของตัวเองได้เลย
ถ้าถามถึง career path ในการทำงานที่นี่ จริงๆ ก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น แต่ถ้าอยากจะมี
ขวนขวายด้วยตัวเองได้เลยยังไงก็มีแน่นอน เพราะอยากทำอะไรก็ได้ทำหมด
เช่น ก่อนหน้าที่จะเข้ามาทำที่นี่ หนูทำ graphic มาตลอด แล้วรู้สึกอยากทำมากกว่านี้
อยากทำ creative กับ marketing ด้วย เลยไปคุยกับเขาว่าถ้าจะให้เข้ามาทำงานแล้วทำแค่กราฟิก
หนูไม่เอา ขอเป็น creative graphic & marketing เท่านั้น เขาก็ให้ค่ะแล้วก็ได้ทำหมดนั่นแหละ
ข้อเสียที่ไม่ชอบสุดๆ : คือด้วยความไม่ค่อยเข้าออฟฟิศ แล้วเจ้าตัวเป็นคนไม่ค่อยชอบคุยเยอะ
แน่นอนว่าปัญหาของการสื่อสารตามมาเป็นเบือเลยค่ะ แก้ปัญหารายวัน แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ จุกจิกซะมากกว่า
การทำงานเป็นทีมต่ำมากกก เพราะทำงานแบบต่างคนต่างทำมากเกินไป ต้องควบคุมสถานการณ์เอาเองค่ะ
วิธีแก้คือ ต้องมี คสพ.ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานด้วยตัวเองค่ะ เพื่อให้เขายอมเป็นทีมเวิร์คไปกับเราได้
แต่เจ้านายไม่ได้มาเป็นทีมเวิร์คด้วยนะคะ เขาทำงานงงๆ ข้ามไปข้ามมา รู้ตัวอีกทีคือเรื่องแดงแล้ว 555555
--------
เกริ่นอย่างยาว คือหนูไม่รู้ว่าในการทำงานองค์กรแบบไหนที่ทุกคนจะมองว่าอันนี้เติบโตได้ดีกว่าในระยะยาว
และหลายๆ อย่างดีกว่า อย่างตอนนี้คือหนูอายุ 25 ประสบการณ์และมุมมองในการทำงานยังน้อยมาก
รู้สึกว่าเงินก็สำคัญแต่การเติบโตก็สำคัญเหมือนกันในวัยนี้ และยังเป็นช่วงที่มีแรงทำอะไรเยอะๆได้
ทำงานที่ใหม่ไม่ใช่ไม่ดี ดีแล้วก็ชอบมากนะคะ แต่พอกลับไปดูที่ทำงานเก่าก็รู้สึกลึกๆ ว่าถ้าอยู่ตรงนั้น
ก็คงได้เงินเยอะน่าดู เลยทำให้ตอนนี้ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วชีวิตการทำงาน เราควรจะขวนขวายเงินก่อนแล้วค่อยคิดถึงอนาคต
หรือขวนขวายอนาคตในแบบที่เราอยากจะเป็นแล้วค่อยคิดเรื่องเงิน