ช่วงนี้กระแสข่าว จับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ แล้วมีข่าวพัวพันมาถึงดาราสาว
แพท ณปภา ตันตระกูล ซึ่งกำลังจะคลอดในอีกไม่กี่วัน ก็ขออวยพรให้ปลอดภัยทั้งแม่ และ ลูก
ส่วนเรื่องคดี ก็ขอให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่เป็นที่ครหาของประชาชน
ความจริงเรื่องดารามาพัวพันกับยาเสพติด มีมานานมาก นึกถึงคดีที่เกิดขึ้นเมื่อ 35 ปีก่อนราวปี พ.ศ 2525
มี
กองถ่ายทำภาพยนต์ของไทยถูกจับเรื่องยาเสพติดที่ฮ่องกง โดยมีดาวยั่วคือ
วิภาวดี ตรียะกุล
และผู้กำกับคือ
พิชัย น้อยรอด ถูกกล่าวหาว่าหิ้ว
เฮโรอีน มูลค่า 200 ล้าน (ค่าเงินสมัยนั้น)
ซึ่งต่อมาถูกศาลฮ่องกงตัดสินจำคุกตลอดชีวิต (แต่ติดจริง 19 ปี)
นับตั้งแต่นั้นมา คนไทยที่เดินทางไปฮ่องกง จะโดนศุลกากรกับ ต.ม ที่นั่น ตรวจค้นอย่างละเอียด
โดยเฉพาะ
ผู้หญิงจะถูกจับแก้ผ้า แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไป ซึ่งถือเป็นการดูถูกเหยียดหยามคนไทยเป็นอย่างมาก
แต่ก็ยังมีคนไทยแห่ไปฮ่องกง เพราะช่วงเวลานั้น
อังกฤษ ตกลงกับ จีน ไม่ได้ ต้องคืนเกาะฮ่องกงให้จีน
ทำให้คน ฮ่องกง กลัวมากขายทรัพย์สินทิ้งเตรียมหนีไปต่างประเทศ ค่าเงินฮ่องกงตกอย่างรวดเร็ว
สินค้าทุกชนิด โดยเฉพาะแบรนด์เนม ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ คนไทย ซึ่งได้ชื่อว่า
เป็นนักช็อประดับโลก
จึงไม่แคร์กับเรื่องตรวจค้น พร้อมใจกันบุกไปฮ่องกง
เรื่องตรวจแบบละเอียดนี้ เป็นอยู่หลายปี ช่วงนั้น คนฮ่องกง จะมองคนไทยด้วยสายตาประหลาด ราวกับว่า
คนไทยทุกคนจะต้องเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
หนังฮ่องกงทุกเรื่องที่เกี่ยวกับยาเสพติด พ่อค้ายา ต้องมาจากประเทศไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่อง รองอธิบดี ขโมยภาพวาด ก็พอเทียบเคียงได้กับเหตุการณ์นี้ เพราะต่อไป ต.ม ญี่ปุ่น หรือ สถานท่องเที่ยวต่างๆ
ก็จะระวังคนไทยในเรื่องขโมย
เมื่อตอนอายุประมาณ
14 ปี วิภาวดี ได้เป็นหนึ่งในอนุภรรยาจำนวนเป็นร้อยคน ของ
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยมีสินสอด
เป็นเงิน 500,000 บาท (เทียบกับทองก็เป็นเงิน 20 ล้านในสมัยนี้)
พร้อมกับ แหวนเพชร 5 กะรัต รถ และบ้าน แต่เป็นอนุภรรยาได้แค่ 2 ปี ท่านจอมพล สฤษดิ์ก็เสียชีวิต
ทิ้งข่าวคราวอื้อฉาวตามมาอีกมากมาย
ประมูลรูปที่เกี่ยวข้องระหว่าง จอมพลสฤษดิ์ กับ อนุภรรยาทั้งหลาย
ปัจจุบันนี้ วิภาวดี ประกอบกิจการ โมเดลลิ่ง
"ป้าหญิงโมเดล " และ
ก่อตั้งสมาคม
"ศิลปินสยาม" เพื่อสาธารณะประโยชน์ มีชีวิตในบั้นปลายที่มีความสุขพอสมควร
มาถึงคดียาเสพติด ที่โฟกัสไปที่คำพูดของตำรวจน้ำดี
พล.ต.ท สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส
ที่ประกาศจะยึดทรัพย์ผู้ค้ารายใหญ่ให้หมดตัว
มีอีกหนึ่งนายตำรวจ ที่ได้ชื่อว่า ตงฉิน ไม่เกรงกลัวทั้ง
ผู้มีอิทธิพล แม้แต่ ผู้บังคับบัญชา
ในราวปีพ.ศ 249... ยุคนั้น ตำรวจภายใต้อธิบดีตำรวจที่ชื่อว่า
"เผ่า ศรียานนท์"
ยิ่งใหญ่มาก ศักยภาพของตำรวจตอนนั้นใกล้เคียงกับกองทัพทีเดียว
สโลแกนของตำรวจที่ว่า "ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้"
ถูกทำให้เป็นจริงในหลายๆเรื่อง
มีคราวหนึ่ง มีการจับกุมฝิ่นล็อตมหึมาที่ภาคใต้
(ลือกันว่า เป็นของ พล.ต.อ เผ่า)
ยังความโกรธแค้นให้ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง เผ่า มาก สั่งเรียกตัวนายตำรวจเข้ากรุงเทพรายงานตัวทันที
ตำรวจผู้นั้นก็คือ
"ขุนพันธรักษ์ราชเดช" นั่นเอง
ขุนพันธ์ ได้เข้ามารายงานตัวกับ เผ่า โดยไม่แต่งเครื่องแบบมา ซึ่งแวบแรกที่เห็นยิ่งเพิ่มความโกรธ
ให้กับ เผ่า เป็นอันมาก น้ำเสียงที่พูดใส่ ขุนพันธ์ จึง
ดุดัน และ กราดเกรี้ยว กว่าปกติ
เผ่า................ เฮ้ย คุณจับฝิ่น รู้เปล่าว่าของใคร ?
ขุนพันธ์..........ผมจับเพราะผมเป็นตำรวจ
คำตอบนี้ ทำให้ เผ่า ถึงกับอึ้ง แต่ไม่วายถามต่อว่า
เผ่า..............แล้วทำไมไม่แต่งเครื่องแบบมา ?
ขุนพันธ์.........ผมเตรียมใจไว้แล้ว ถ้ามาพบผู้บังคับบัญชาแล้วถูกตัดสินว่าทำผิด ผมก็พร้อมเป็นพลเรือน
แต่ผมต้องถอดเครื่องแบบด้วยมือผมเอง จะไม่ให้ใครมาถอดเด็ดขาด
ด้วยคำตอบนี้เอง ทำให้ พล.ต.อ เผ่า ชื่นชมในความเที่ยงตรง และ เด็ดขาด ของขุนพันธ์
นอกจากจะไม่ลงโทษแล้ว ยังชักชวนให้ขุนพันธ์ มาอยู่ข้างกายตน
แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ เพราะอยากกลับไปรับราชการทางภาคใต้เหมือนเดิม ซึ่ง พล.ต.อ เผ่า ก็อนุญาต
ขุนพันธ์ ผู้นี้ ขึ้นชื่อในเรื่อง
วิชาอาคม สามารถปราบโจรผู้ร้ายดังๆเป็นจำนวนมาก
บั้นปลายของขุนพันธ์ ได้ทำการสร้างพระเครื่องรุ่นที่โด่งดังที่สุดคือ
จตุคามรามเทพ รุ่นปี พ.ศ 2530 ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ กระแส จตุคาม กลับมาฮิตอีกครั้ง
ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้เกี่ยวข้องในวงการพระเครื่อง
พล.ต.ต ขุนพันธรักษ์ราชเดช จึงถือเป็นอีกหนึ่งเพชรน้ำดีระดับต้นๆในกรมตำรวจ
ป.ล ประวัติคุณ วิภาวดี เป็นบทสัมภาษณ์ของเธอเอง
ป.ล 2
ช่วงหนึ่งของชีวิตคนเรา อาจจะถึงคราวดวงตก หรือ ทำเรื่องผิดพลาด แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว
ก็ขอให้อย่าหวนคืนไปในทางไม่ดีอีก เก็บประสบการณ์ไว้สอนตัวเองและผู้อื่นต่อไป
ป.ล 3 ผู้มีอำนาจในยุคนั้นเช่น เผ่า หรือ สฤษดิ์ ถึงแม้อาจจะมีข่าวในทางไม่ดีบ้าง
แต่อย่างน้อยทั้งสองคนก็มีลักษณะเหมือนกันอยู่อย่างคือ
"มีความเป็นคนจริง เป็นนักเลง กล้าได้กล้าเสีย"
เช่นกรณี ขุนพันธ์ พบ พล.ต.อ เผ่า
ป.ล 4 ยุค วิภาวดี ผู้เข้าประกวดนางงาม จะมีอายุช่วง 13 - 17 ปี
ป.ล 5 เรื่อง ต.ม ฮ่องกงตรวจละเอียด นิตยสาร คู่สร้าง คู่สม เคยเอามาเขียนเป็น
นิยาย อีโรติก
จขกท เม็มไว้ในสมองไม่มีลืม
ดารา....ยาเสพติด...พระเครื่อง.....ตำรวจน้ำดี cnck
แพท ณปภา ตันตระกูล ซึ่งกำลังจะคลอดในอีกไม่กี่วัน ก็ขออวยพรให้ปลอดภัยทั้งแม่ และ ลูก
ส่วนเรื่องคดี ก็ขอให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่เป็นที่ครหาของประชาชน
ความจริงเรื่องดารามาพัวพันกับยาเสพติด มีมานานมาก นึกถึงคดีที่เกิดขึ้นเมื่อ 35 ปีก่อนราวปี พ.ศ 2525
มีกองถ่ายทำภาพยนต์ของไทยถูกจับเรื่องยาเสพติดที่ฮ่องกง โดยมีดาวยั่วคือ วิภาวดี ตรียะกุล
และผู้กำกับคือ พิชัย น้อยรอด ถูกกล่าวหาว่าหิ้ว เฮโรอีน มูลค่า 200 ล้าน (ค่าเงินสมัยนั้น)
ซึ่งต่อมาถูกศาลฮ่องกงตัดสินจำคุกตลอดชีวิต (แต่ติดจริง 19 ปี)
นับตั้งแต่นั้นมา คนไทยที่เดินทางไปฮ่องกง จะโดนศุลกากรกับ ต.ม ที่นั่น ตรวจค้นอย่างละเอียด
โดยเฉพาะผู้หญิงจะถูกจับแก้ผ้า แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไป ซึ่งถือเป็นการดูถูกเหยียดหยามคนไทยเป็นอย่างมาก
แต่ก็ยังมีคนไทยแห่ไปฮ่องกง เพราะช่วงเวลานั้น อังกฤษ ตกลงกับ จีน ไม่ได้ ต้องคืนเกาะฮ่องกงให้จีน
ทำให้คน ฮ่องกง กลัวมากขายทรัพย์สินทิ้งเตรียมหนีไปต่างประเทศ ค่าเงินฮ่องกงตกอย่างรวดเร็ว
สินค้าทุกชนิด โดยเฉพาะแบรนด์เนม ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ คนไทย ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นนักช็อประดับโลก
จึงไม่แคร์กับเรื่องตรวจค้น พร้อมใจกันบุกไปฮ่องกง
เรื่องตรวจแบบละเอียดนี้ เป็นอยู่หลายปี ช่วงนั้น คนฮ่องกง จะมองคนไทยด้วยสายตาประหลาด ราวกับว่า
คนไทยทุกคนจะต้องเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หนังฮ่องกงทุกเรื่องที่เกี่ยวกับยาเสพติด พ่อค้ายา ต้องมาจากประเทศไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อตอนอายุประมาณ 14 ปี วิภาวดี ได้เป็นหนึ่งในอนุภรรยาจำนวนเป็นร้อยคน ของ
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยมีสินสอดเป็นเงิน 500,000 บาท (เทียบกับทองก็เป็นเงิน 20 ล้านในสมัยนี้)
พร้อมกับ แหวนเพชร 5 กะรัต รถ และบ้าน แต่เป็นอนุภรรยาได้แค่ 2 ปี ท่านจอมพล สฤษดิ์ก็เสียชีวิต
ทิ้งข่าวคราวอื้อฉาวตามมาอีกมากมาย
ประมูลรูปที่เกี่ยวข้องระหว่าง จอมพลสฤษดิ์ กับ อนุภรรยาทั้งหลาย
ปัจจุบันนี้ วิภาวดี ประกอบกิจการ โมเดลลิ่ง "ป้าหญิงโมเดล " และ
ก่อตั้งสมาคม "ศิลปินสยาม" เพื่อสาธารณะประโยชน์ มีชีวิตในบั้นปลายที่มีความสุขพอสมควร
มาถึงคดียาเสพติด ที่โฟกัสไปที่คำพูดของตำรวจน้ำดี พล.ต.ท สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส
ที่ประกาศจะยึดทรัพย์ผู้ค้ารายใหญ่ให้หมดตัว
มีอีกหนึ่งนายตำรวจ ที่ได้ชื่อว่า ตงฉิน ไม่เกรงกลัวทั้งผู้มีอิทธิพล แม้แต่ ผู้บังคับบัญชา
ในราวปีพ.ศ 249... ยุคนั้น ตำรวจภายใต้อธิบดีตำรวจที่ชื่อว่า "เผ่า ศรียานนท์"
ยิ่งใหญ่มาก ศักยภาพของตำรวจตอนนั้นใกล้เคียงกับกองทัพทีเดียว
สโลแกนของตำรวจที่ว่า "ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้"
ถูกทำให้เป็นจริงในหลายๆเรื่อง
มีคราวหนึ่ง มีการจับกุมฝิ่นล็อตมหึมาที่ภาคใต้ (ลือกันว่า เป็นของ พล.ต.อ เผ่า)
ยังความโกรธแค้นให้ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง เผ่า มาก สั่งเรียกตัวนายตำรวจเข้ากรุงเทพรายงานตัวทันที
ตำรวจผู้นั้นก็คือ "ขุนพันธรักษ์ราชเดช" นั่นเอง
ขุนพันธ์ ได้เข้ามารายงานตัวกับ เผ่า โดยไม่แต่งเครื่องแบบมา ซึ่งแวบแรกที่เห็นยิ่งเพิ่มความโกรธ
ให้กับ เผ่า เป็นอันมาก น้ำเสียงที่พูดใส่ ขุนพันธ์ จึงดุดัน และ กราดเกรี้ยว กว่าปกติ
เผ่า................ เฮ้ย คุณจับฝิ่น รู้เปล่าว่าของใคร ?
ขุนพันธ์..........ผมจับเพราะผมเป็นตำรวจ
คำตอบนี้ ทำให้ เผ่า ถึงกับอึ้ง แต่ไม่วายถามต่อว่า
เผ่า..............แล้วทำไมไม่แต่งเครื่องแบบมา ?
ขุนพันธ์.........ผมเตรียมใจไว้แล้ว ถ้ามาพบผู้บังคับบัญชาแล้วถูกตัดสินว่าทำผิด ผมก็พร้อมเป็นพลเรือน
แต่ผมต้องถอดเครื่องแบบด้วยมือผมเอง จะไม่ให้ใครมาถอดเด็ดขาด
ด้วยคำตอบนี้เอง ทำให้ พล.ต.อ เผ่า ชื่นชมในความเที่ยงตรง และ เด็ดขาด ของขุนพันธ์
นอกจากจะไม่ลงโทษแล้ว ยังชักชวนให้ขุนพันธ์ มาอยู่ข้างกายตน
แต่ขุนพันธ์ปฏิเสธ เพราะอยากกลับไปรับราชการทางภาคใต้เหมือนเดิม ซึ่ง พล.ต.อ เผ่า ก็อนุญาต
ขุนพันธ์ ผู้นี้ ขึ้นชื่อในเรื่องวิชาอาคม สามารถปราบโจรผู้ร้ายดังๆเป็นจำนวนมาก
บั้นปลายของขุนพันธ์ ได้ทำการสร้างพระเครื่องรุ่นที่โด่งดังที่สุดคือ
จตุคามรามเทพ รุ่นปี พ.ศ 2530 ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ กระแส จตุคาม กลับมาฮิตอีกครั้ง
ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้เกี่ยวข้องในวงการพระเครื่อง
พล.ต.ต ขุนพันธรักษ์ราชเดช จึงถือเป็นอีกหนึ่งเพชรน้ำดีระดับต้นๆในกรมตำรวจ
ป.ล ประวัติคุณ วิภาวดี เป็นบทสัมภาษณ์ของเธอเอง
ป.ล 2 ช่วงหนึ่งของชีวิตคนเรา อาจจะถึงคราวดวงตก หรือ ทำเรื่องผิดพลาด แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว
ก็ขอให้อย่าหวนคืนไปในทางไม่ดีอีก เก็บประสบการณ์ไว้สอนตัวเองและผู้อื่นต่อไป
ป.ล 3 ผู้มีอำนาจในยุคนั้นเช่น เผ่า หรือ สฤษดิ์ ถึงแม้อาจจะมีข่าวในทางไม่ดีบ้าง
แต่อย่างน้อยทั้งสองคนก็มีลักษณะเหมือนกันอยู่อย่างคือ "มีความเป็นคนจริง เป็นนักเลง กล้าได้กล้าเสีย"
เช่นกรณี ขุนพันธ์ พบ พล.ต.อ เผ่า
ป.ล 4 ยุค วิภาวดี ผู้เข้าประกวดนางงาม จะมีอายุช่วง 13 - 17 ปี
ป.ล 5 เรื่อง ต.ม ฮ่องกงตรวจละเอียด นิตยสาร คู่สร้าง คู่สม เคยเอามาเขียนเป็น นิยาย อีโรติก
จขกท เม็มไว้ในสมองไม่มีลืม