เครื่องผสมอาหาร KitchenAid เครื่องนี้เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่สมัยคุณแม่ยังสาว
อายุเครื่องก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 30 ปีได้
สมัยนั้นแม่ใช้ทำขนมขาย ไม่ว่าจะเป็น ตีไข่เพื่อทำสังขยา ทำแยมโรล และมีเค้กบ้างตามเทศกาล
เครื่องนี้ ซื้อจากกรุงเทพ แต่ไปใช้งานที่ต่างจังหวัด
พอเครื่องเสีย ก็ไม่ได้ส่งมาซ่อมที่กรุงเทพ แต่ให้ช่างต่างจังหวัดซ่อมให้
ไม่รู้ว่าช่างทำอะไรไปบ้าง สุดท้าย ทีปรับความเร็วหายไปไหนไม่รู้
พอเสียบปลั๊กก็จะเป็นความเร็วสูงสุดเลย
แม่เลยไม่ได้ใช้มาหลายสิบปีแล้ว
เมื่อปี 56 เราเริ่มหัดทำเบเกอรี่กินเองที่บ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ซึ่งตอนเด็ก ก็ชอบดูแม่ทำและชอบกินตอนที่เค้กออกจากเตาอบใหม่ๆ
จำได้ว่ามันอร่อยมาก แต่พอขึ้นมัธยมก็มาเรียนกรุงเทพ เลยไม่ได้หัดทำขนมเลย
จนผ่านมาเกือบ 30 ปี พึงจะมาเริ่มหัดทำเอาตอนที่ แม่เลิกทำเค้กขายแล้ว เหลือแต่ขนมเปียเท่านั้นที่ยังทำขายมานานกว่า 40 ปีได้ )
โดยซื้อเครื่องผสมแป้งแบบมือถือราคาพันกว่าบาทมาใช้
พอปี 58 กลับไปบ้านต่างจังหวัด แม่บอกว่าให้เอาเครื่องนี้ไปใช้ซิ
แต่มันปรับความเร็วไม่ได้นะ หัวตีก็มีแค่ 2แบบคือ หัวตีตะกร้อ กับหัวตีใบพาย
ส่วนหัวตีตะขอ หายไปไหนไม่รู้ (เพราะแม่ไม่เคยใช้เลย เวลาทำซาลาเปาแม่ก็จะนวดมือเอา)
เราก็เลยลองค้นข้อมูลร้านที่รับซ่อม KitchenAid จาก Google ดู
ก็พบว่ามีร้านแถวปากเกร็ดเป็นศูนย์รับซ่อม KitchenAid เลย
จึงตัดสินใจขนเครื่องใส่รถกลับมากรุงเทพ ตามคำของแม่
พอเอาไปที่ร้าน บอกอาการของเครื่องกับช่างและให้เช็กว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง
สัก 1 อาทิตย์ ช่างโทรมาแจ้งประเมินราคาค่าซ่อม
สรุปรายการ+ราคา มีดังนี้
1. แผงวงจร 1,650 บาท
2.แผงปรับความเร็ว 1,750 บาท
3.ทุ่นปรับความเร็ว 1,650 บาท
4.แกนปรับความเร็ว 700 บาท
5.แปลงถ่าน 600 บาท
6. สายไฟ 220 บาท
ค่าบริการ
450 บาท
รวมราคาทั้งสิ้น 7,020 บาท
เห็นราคาแล้วคิดว่าซื้อเครื่องใหม่บางยี่ห้อได้สบายๆเลย แต่ถ้าซื้อ KitchenAid ก็สองหมื่นกว่าๆ
จึงตัดสินใจไม่ซ่อมดีกว่า (ขนาดช่างซ่อมก็บอกว่าไม่ควรซ่อม)
แล้วที่นี้เครื่องนี้จะทำอย่างไรดี ???
แฟนบอกเอาไปบริจาควัดสวนแก้ว
แต่เราเสียดาย เพราะเราจำได้ว่าเราเป็นคนพาพอไปซื้อเครื่องนี้ให้แม่เอง
จึงมีความรู้สึกผูกพันกับมัน ยังไงบอกไม่ถูก
พอเอาเครื่องกับมาบ้านก็ให้ช่างแถวบ้านเปลี่ยนสายไฟก่อนอันดับแรก
เพราะสายไฟเก่ามาก กลัวว่าไฟจะดูดเอา
จากนั้นก็ลองเอามาตีไข่ขาวด้วยหัวตีตะกร้อ ทำชิฟฟ่อนเค้ก
ปรากฏว่ามันตีไข่ขาวตั้งยอดได้เร็วกว่าเครื่องมือถือที่มีอยู่
จึงเปลี่ยนใจไม่เอาไปบริจาควัดแล้ว
เพราะอย่างน้อยมันก็สามารถใช้ตีไข่ขาวได้ จึงเก็บเอาไว้ใช้เองดีกว่า
และมันสามารถ ตีไข่ขึ้นฟู ทำขนมปุยฝ้าย สาลี่ ได้สบายๆ
*** ที่นี้มาดูหัวตีใบพายที่มีอยู่ สีเคลือบก็เริ่มลอกแล้ว
แถมตีได้แต่ความเร็วสูงสุด คงไม่เหมาะที่จะเอามาตีเนยหรือผสมแป้งแน่ๆ
ยิ่งถ้าจะนวดแป้งขนมปังยิ่งหมดสิทธิเพราะไม่มีหัวตีตะขอแถมปรับความเร็วไม่ได้อีก
ลองหาข้อมูลจาก Google ว่าหัวตีใบพายทำจากอะไร
ก็ได้ทราบว่าหัวตีใบพายมี 2 แบบ คือแบบเคลือบกับไม่เคลือบ
ทั้งสองแบบทำจากวัสดุชนิดเดียวกัน
แต่ที่ต้องเคลือบก็เพื่อให้สะดวกกับการนำเข้าเครื่องล้างจานนั่นเอง
ฉะนั้น เราก็เลยจัดการลอกสีที่เคลือบออกให้หมด เป็นอันใช้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รูปที่ลงยืมรุปของใหม่ มา แต่ลอกสีเคลือบแล้วก็รูปร่างประมาณนี้แหละแต่ไม่เงาเหมือนใหม่เท่านั้น
มีหัวตีใบพายแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตีเนยได้
เพราะ.....ยังติดเรื่องการปรับความเร็วปรับไม่ได้ จะทำยังไง ???
ก็อาศัยอากูอีกรอบ ไปพบว่ามีDimmer เครื่องหรี่ไฟ Reckon ช่วยในการปรับความเร็วแทน
จึงจัดการสั่งซื้อมาลองใช้ดู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่ไม่ได้ซื้อจากร้านตามคลิบนะ ไปซื้ออีกเจ้าได้ในราคาที่ถูกกว่าปรากฏว่า มันใช้ได้จริงๆด้วย
ที่นี้ก็สามารถปรับว่าจะให้ตีเร็วหรือช้าได้ ก็เลยเอาไว้ตี เวลาทำบัตเตอร์เค้กได้สบายๆ
แถมสามารถที่จะใช้หัวตีใบบายนี้ นวดหมูสับในการทำกุนเชียง หรือหมูยอก็ได้
ตอนนี้ก็ติดปัญหาว่า ไม่มีหัวตีตะขอ ไว้นวดขนมปัง
หน้าตาแบบนี้
สอบถามร้านที่ขายหัวตีตะขอ ใหม่แกะกล่อง ก็อันละ 2,000.-3,000.-
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าถ้าซื้อมาแล้ว เครื่องจะนวดแป้งขนมปังได้หรือเปล่า
ถ้าเครื่องมันนวดได้ ก็จะดีมากเลย
เพราะตอนนี้นวดมือทีไร รู้สึกเหมือนเหนื่อยเหมือนวิ่งมาสัก5กิโลได้
แต่ถ้ามันนวดแป้งขนมปังไม่ได้ คงเสียดายเงินแน่ๆ
เลยพยายามหาซื้อหัวตีตะขอ มือสอง หามาหลายเดือนก็ยังหาไม่ได้สักที
อยากจะขอยืมคนที่มีมาทดลองใช้ดู ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครให้ยืมหรือเปล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้( ถ้าอยู่ไม่ไกลจากนนทบุรี ยินดียกเครื่องเราไปลองก็ได้ )
หลังจากใช้งานมาปีกว่า ก็ทดเห็นสภาพเครื่องเก่าๆไม่ได้
เลยจับมันแปรงโฉมใหม่ให้ดูสะอาดขึ้นน่าใช้ขึ้น
เริ่มจากอาศัยวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในการทำสี
โดยเริ่มจากฐานเครื่องก่อน ใช้น้ำยาลอกสีทาสองรอบ
แล้วใช้กระดาษทรายขัดสีที่เหลืออยู่ให้หมด
จากนั้นก็ทำความสะอาดด้วยน้ำมันสน
เพื่อไม่ให้น้ำยาลอกสีตกค้างอยู่
ต่อด้วยการลงสีลองพื้น 1 รอบ
พอสีรองพื้นแห้งก็พ่นสีเที่ยวแรก
ทิ้งไว้ให้แห้ง พ่นสีรอบที่สองเลย
เราทำสีฐานเครื่องเสร็จแล้ว กว่าจะได้ทำตัวเครื่อง
ก็อีกหลายเดือน เพราะช่วงนั้นไม่มีวันหยุดยาวเลย
เหตุที่เลือกสีทอง เพราะจะใช้สีขาวเหมือเดิม ก็คิดว่ามันจะธรรมดาไป
ไหนๆจะทำสีทั้งทีก็ทำให้มัน ไม่เหมือนใครไปเลย
จึงกลายเป็นสีทอง ซึ่งถือว่าเป็นมรดกที่มีค่าจากแม่นั่นเอง
มาดูกันว่าก่อนและหลังทำสีมันจะน่าใช้ขนาดไหน
ทุกครั้งที่ใช้เครื่องก็จะนึกถึง แม่ที่ใช้เครื่องนี้ทำขนมขายเลี้ยงเรามา
แต่เสียดายที่เราไม่ได้ทำขนมให้แม่กิน เนื่องจากแม่อยู่ต่างจังหวัด
ไม่สามารถส่งขนมทางพัสดุ EMS ไปได้ กลัวแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ถ้าถามว่าทำไมไม่ซื้อเครื่องใหม่ไปเลย
ก็ตอบว่าแล้วเครื่องเก่าจะทิ้งก็เสียดาย
และขนมที่ทำก็ทำกินกัน 2 คนเท่านั้น
ทำเค้กก้อนก็กินกันเป็นอาทิตย์แล้ว
เราคิดว่าของใช้บางชิ้นที่มันมีคุณค่าทางจิตรใจเรา
ถึงแม้มันจะทำงานได้ไม่เหมือนของใหม่
แต่มันก็ยังมีค่าสำหรับเราเสมอ
ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านมาถึงตรงนี้
แปลงโฉม มรดก เครื่องผสมอาหาร KitchenAid
อายุเครื่องก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 30 ปีได้
สมัยนั้นแม่ใช้ทำขนมขาย ไม่ว่าจะเป็น ตีไข่เพื่อทำสังขยา ทำแยมโรล และมีเค้กบ้างตามเทศกาล
เครื่องนี้ ซื้อจากกรุงเทพ แต่ไปใช้งานที่ต่างจังหวัด
พอเครื่องเสีย ก็ไม่ได้ส่งมาซ่อมที่กรุงเทพ แต่ให้ช่างต่างจังหวัดซ่อมให้
ไม่รู้ว่าช่างทำอะไรไปบ้าง สุดท้าย ทีปรับความเร็วหายไปไหนไม่รู้
พอเสียบปลั๊กก็จะเป็นความเร็วสูงสุดเลย
แม่เลยไม่ได้ใช้มาหลายสิบปีแล้ว
เมื่อปี 56 เราเริ่มหัดทำเบเกอรี่กินเองที่บ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยซื้อเครื่องผสมแป้งแบบมือถือราคาพันกว่าบาทมาใช้
พอปี 58 กลับไปบ้านต่างจังหวัด แม่บอกว่าให้เอาเครื่องนี้ไปใช้ซิ
แต่มันปรับความเร็วไม่ได้นะ หัวตีก็มีแค่ 2แบบคือ หัวตีตะกร้อ กับหัวตีใบพาย
ส่วนหัวตีตะขอ หายไปไหนไม่รู้ (เพราะแม่ไม่เคยใช้เลย เวลาทำซาลาเปาแม่ก็จะนวดมือเอา)
เราก็เลยลองค้นข้อมูลร้านที่รับซ่อม KitchenAid จาก Google ดู
ก็พบว่ามีร้านแถวปากเกร็ดเป็นศูนย์รับซ่อม KitchenAid เลย
จึงตัดสินใจขนเครื่องใส่รถกลับมากรุงเทพ ตามคำของแม่
พอเอาไปที่ร้าน บอกอาการของเครื่องกับช่างและให้เช็กว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง
สัก 1 อาทิตย์ ช่างโทรมาแจ้งประเมินราคาค่าซ่อม
สรุปรายการ+ราคา มีดังนี้
1. แผงวงจร 1,650 บาท
2.แผงปรับความเร็ว 1,750 บาท
3.ทุ่นปรับความเร็ว 1,650 บาท
4.แกนปรับความเร็ว 700 บาท
5.แปลงถ่าน 600 บาท
6. สายไฟ 220 บาท
ค่าบริการ 450 บาท
รวมราคาทั้งสิ้น 7,020 บาท
เห็นราคาแล้วคิดว่าซื้อเครื่องใหม่บางยี่ห้อได้สบายๆเลย แต่ถ้าซื้อ KitchenAid ก็สองหมื่นกว่าๆ
จึงตัดสินใจไม่ซ่อมดีกว่า (ขนาดช่างซ่อมก็บอกว่าไม่ควรซ่อม)
แล้วที่นี้เครื่องนี้จะทำอย่างไรดี ???
แฟนบอกเอาไปบริจาควัดสวนแก้ว
แต่เราเสียดาย เพราะเราจำได้ว่าเราเป็นคนพาพอไปซื้อเครื่องนี้ให้แม่เอง
จึงมีความรู้สึกผูกพันกับมัน ยังไงบอกไม่ถูก
พอเอาเครื่องกับมาบ้านก็ให้ช่างแถวบ้านเปลี่ยนสายไฟก่อนอันดับแรก
เพราะสายไฟเก่ามาก กลัวว่าไฟจะดูดเอา
จากนั้นก็ลองเอามาตีไข่ขาวด้วยหัวตีตะกร้อ ทำชิฟฟ่อนเค้ก
ปรากฏว่ามันตีไข่ขาวตั้งยอดได้เร็วกว่าเครื่องมือถือที่มีอยู่
จึงเปลี่ยนใจไม่เอาไปบริจาควัดแล้ว
เพราะอย่างน้อยมันก็สามารถใช้ตีไข่ขาวได้ จึงเก็บเอาไว้ใช้เองดีกว่า
และมันสามารถ ตีไข่ขึ้นฟู ทำขนมปุยฝ้าย สาลี่ ได้สบายๆ
*** ที่นี้มาดูหัวตีใบพายที่มีอยู่ สีเคลือบก็เริ่มลอกแล้ว
แถมตีได้แต่ความเร็วสูงสุด คงไม่เหมาะที่จะเอามาตีเนยหรือผสมแป้งแน่ๆ
ยิ่งถ้าจะนวดแป้งขนมปังยิ่งหมดสิทธิเพราะไม่มีหัวตีตะขอแถมปรับความเร็วไม่ได้อีก
ลองหาข้อมูลจาก Google ว่าหัวตีใบพายทำจากอะไร
ก็ได้ทราบว่าหัวตีใบพายมี 2 แบบ คือแบบเคลือบกับไม่เคลือบ
ทั้งสองแบบทำจากวัสดุชนิดเดียวกัน
แต่ที่ต้องเคลือบก็เพื่อให้สะดวกกับการนำเข้าเครื่องล้างจานนั่นเอง
ฉะนั้น เราก็เลยจัดการลอกสีที่เคลือบออกให้หมด เป็นอันใช้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีหัวตีใบพายแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตีเนยได้
เพราะ.....ยังติดเรื่องการปรับความเร็วปรับไม่ได้ จะทำยังไง ???
ก็อาศัยอากูอีกรอบ ไปพบว่ามีDimmer เครื่องหรี่ไฟ Reckon ช่วยในการปรับความเร็วแทน
จึงจัดการสั่งซื้อมาลองใช้ดู [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ปรากฏว่า มันใช้ได้จริงๆด้วย
ที่นี้ก็สามารถปรับว่าจะให้ตีเร็วหรือช้าได้ ก็เลยเอาไว้ตี เวลาทำบัตเตอร์เค้กได้สบายๆ
แถมสามารถที่จะใช้หัวตีใบบายนี้ นวดหมูสับในการทำกุนเชียง หรือหมูยอก็ได้
ตอนนี้ก็ติดปัญหาว่า ไม่มีหัวตีตะขอ ไว้นวดขนมปัง
หน้าตาแบบนี้
สอบถามร้านที่ขายหัวตีตะขอ ใหม่แกะกล่อง ก็อันละ 2,000.-3,000.-
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าถ้าซื้อมาแล้ว เครื่องจะนวดแป้งขนมปังได้หรือเปล่า
ถ้าเครื่องมันนวดได้ ก็จะดีมากเลย
เพราะตอนนี้นวดมือทีไร รู้สึกเหมือนเหนื่อยเหมือนวิ่งมาสัก5กิโลได้
แต่ถ้ามันนวดแป้งขนมปังไม่ได้ คงเสียดายเงินแน่ๆ
เลยพยายามหาซื้อหัวตีตะขอ มือสอง หามาหลายเดือนก็ยังหาไม่ได้สักที
อยากจะขอยืมคนที่มีมาทดลองใช้ดู ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครให้ยืมหรือเปล่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากใช้งานมาปีกว่า ก็ทดเห็นสภาพเครื่องเก่าๆไม่ได้
เลยจับมันแปรงโฉมใหม่ให้ดูสะอาดขึ้นน่าใช้ขึ้น
เริ่มจากอาศัยวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในการทำสี
โดยเริ่มจากฐานเครื่องก่อน ใช้น้ำยาลอกสีทาสองรอบ
แล้วใช้กระดาษทรายขัดสีที่เหลืออยู่ให้หมด
จากนั้นก็ทำความสะอาดด้วยน้ำมันสน
เพื่อไม่ให้น้ำยาลอกสีตกค้างอยู่
ต่อด้วยการลงสีลองพื้น 1 รอบ
พอสีรองพื้นแห้งก็พ่นสีเที่ยวแรก
ทิ้งไว้ให้แห้ง พ่นสีรอบที่สองเลย
เราทำสีฐานเครื่องเสร็จแล้ว กว่าจะได้ทำตัวเครื่อง
ก็อีกหลายเดือน เพราะช่วงนั้นไม่มีวันหยุดยาวเลย
เหตุที่เลือกสีทอง เพราะจะใช้สีขาวเหมือเดิม ก็คิดว่ามันจะธรรมดาไป
ไหนๆจะทำสีทั้งทีก็ทำให้มัน ไม่เหมือนใครไปเลย
จึงกลายเป็นสีทอง ซึ่งถือว่าเป็นมรดกที่มีค่าจากแม่นั่นเอง
มาดูกันว่าก่อนและหลังทำสีมันจะน่าใช้ขนาดไหน
ทุกครั้งที่ใช้เครื่องก็จะนึกถึง แม่ที่ใช้เครื่องนี้ทำขนมขายเลี้ยงเรามา
แต่เสียดายที่เราไม่ได้ทำขนมให้แม่กิน เนื่องจากแม่อยู่ต่างจังหวัด
ไม่สามารถส่งขนมทางพัสดุ EMS ไปได้ กลัวแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ถ้าถามว่าทำไมไม่ซื้อเครื่องใหม่ไปเลย
ก็ตอบว่าแล้วเครื่องเก่าจะทิ้งก็เสียดาย
และขนมที่ทำก็ทำกินกัน 2 คนเท่านั้น
ทำเค้กก้อนก็กินกันเป็นอาทิตย์แล้ว
เราคิดว่าของใช้บางชิ้นที่มันมีคุณค่าทางจิตรใจเรา
ถึงแม้มันจะทำงานได้ไม่เหมือนของใหม่
แต่มันก็ยังมีค่าสำหรับเราเสมอ
ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านมาถึงตรงนี้