สวัสดีค่ะ เราชื่อดอกฝิ่น เราเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง ไม่ใช่MDD
แต่เราไม่ได้เป็นหนักขนาดที่จะฆ่าตัวตายได้ตลอดเวลา
เรากลัวเจ็บ กลัวบาป ไม่อยากให้คนที่รักเราเสียใจ
เรายังเป็นผู้ป่วยและพยายามบำบัดตัวเองอยู่
เราต้องพบทั้งจิตแพทย์และต้องทำจิตบำบัด
เราได้บันทึกการสนทนาระหว่างการรักษา
เพื่อความทรงจำของตัวเอง
และเผื่อคนอื่นจะอยากรู้ว่าเค้ารักษากันยังไง
แน่นอน .. เราไม่ได้เขียนทุกอย่างหรอก
ฝากติดตามด้วยนะคะ
-----------------------------------------------
ภาคสอง
https://ppantip.com/topic/36818733
ภาคสาม
https://ppantip.com/topic/37333758
-----------------------------------------------
#เมื่อเราไปหาจิตแพทย์ part 1
ก่อนหน้านี้เรากลัวที่จะต้องไปพบคุณหมอ กลัวคนอื่นจะหาว่าเราเป็นคนบ้า
อยากไปแต่ใจไม่กล้า จนกระทั่งวันหนึ่ง ..
ที่เราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว (ภาษาบ้านๆก็คือ บ้า นั่นแหละ)
เราไม่มีแม้กระทั่งความสุข รอยยิ้มบนใบหน้าแทบไม่มี ..
เราเลยตัดสินใจไปหาหมอด้วยตัวเอง
โทรนัดเอง ขับรถไปเอง เดินไปหาหมอเอง ทำเองทุกอย่าง
เพราะยังไม่อยากให้ใครรู้ .. กลัวคนอื่นเค้าหาว่าบ้า
เดินเข้าไปถึงที่หมาย .. นอกจากชั่งน้ำหนัก วัดความดันแล้ว
(คือ .. พี่ยามที่เค้าช่วยเฝ้าแผนกนี้ จะช่วย พยาบาลจดน้ำหนักและความดัน แล้วพี่ยามจะดุไปไหน คือกลัวจริงจัง)
ก่อนจะไปคุยกับคุณหมอ .. ถ้าไปครั้งแรกพยาบาลจะเรียกเราเข้าห้องๆนึง
เค้าจะถามว่า เราเป็นอะไร คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงมา
ตลกดีนะ ที่เราต้องมาเล่าเรื่องราวที่ personal มากๆ ให้คนที่ไม่รู้จักฟัง
ตอนแรกก็ไม่กล้าเล่าหรอกนะ แล้วเราก็เข้าใจว่า วิธีการถามประวัติหรืออาการของพยาบาลในขั้นตอนแรกเป็นคำถามที่ทำให้เรา "ต้อง" เล่า เพื่อส่งให้ถึงมือหมอต่อไป ..
ความรู้สึกตอนนั้นพรั่งพรูมาก ยังพูดไม่ทันจบประโยค จู่ๆน้ำตาก็ไหล
(ขอเพลงช้า บรรเลงหนึ่งท่อนค่ะ)
อยากแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่า เราต้องการที่รักษาสภาพจิตใจ
พยาบาลก็พยายามสร้างความมั่นใจและอธิบาย process ของการรับการรักษาว่า เราจะรักษากับหมอคนเดียว (หมอเจ้าของไข้) และด้วยจรรยาบรรณของที่นี่ จะไม่มีใครรู้ของเรา มีแค่เราและหมอ (เออ สิคับ)
เนื่องจากไปครั้งแรก ... เราเห็นอะไรหลายๆอย่าง เช่น
คนที่มา .. ก็คนปกติทั่วไป มีตั้งแต่เด็กประถมไปถึงผู้สูงอายุ
ระหว่างที่รอหมอ เราก็มองซ้ายมองขวา เพิ่งรู้ว่า จิตแพทย์เยอะมาก
มีมากกว่า 20 คน แต่คนไข้เป็นร้อย .. (รอไปสิคะ)
สังเกตุได้ว่าคนที่มาที่นี่ต่างมีเรื่องหนักใจ มีคนพามา มีคนมาเป็นเพื่อน
.. เรา .. มา .. คนเดียว ..
(ถ้าอ่านถึงตรงนี้ต้องจำท่อนนี้เลยนะคะ มีผลมากในภายหลัง เชื่อเดี้ยนนะคะ)
คือมันเช้ามาก และหิวมาก จะไปหาข้าวกินก่อน เดินไปถาม พยาบาลว่าคิวเราอีกนานมั้ย พยาบาลตอบกลับมาว่า "อีกนานค่ะ แล้วก็ตอบให้ไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ คนเรามีเรื่องราวไม่เหมือนกัน การคุยกันของคนไข้และคุณหมอต้องใช้เวลาค่ะ"
และมันก็จริงค่ะ รอตั้งแต่ 8 โมงเช้า ..9 โมง 10 โมง 11 โมง
กินข้าวก็แล้ว เข้าห้องน้ำก็แล้ว เล่นมือถือจนไม่มีอะไรจะดูแล้ว
ก็ไม่เรียก(gu)ซักที แอร์ก็หนาว เสื้อก็ไม่ได้เอามา ทรมาณ
อ่านชื่อหมอที่ติดหน้าห้องจนจำได้แล้ว ชื่อหมอห้องตรงข้ามก็เหมือนกัน
รอจนหิวอีกรอบ หนังสือก็ไม่ได้เอาไปอ่านเล่น เบื่อมว้ากกกก
สภาพตอนนั้นคือเหมือนน้องหมารอเจ้าของมารับที่ รพ. สัตว์แห่งหนึ่ง
ระหว่างรอหมอก็ร้องไห้อีกต่างหาก ร้องทำไมไม่รู้ (เหงาเป็นหมาหงอยมาก)
คุณหมอจะเรียกไปคุยทีละเคส จะไปเป็นหมู่คณะหรือเรียกเดี่ยว
บางทีเรียกชื่อคนไข้ก่อน แล้วค่อยให้คนไข้ออกมา เพื่อให้ครอบครัวเข้าไปคุย
เมื่อคุยเสร็จ คุณหมอจะให้รอหน้าห้องก่อน แล้วจะหายไปในห้องซักพัก
หลายพักเลย พักใหญ่เลยละกัน .. คุณหมอก็จะเปิดประตู
ยื่นแฟ้มให้คนไข้ พร้อมบอกลาและเรียกชื่อคนต่อไป ...
"คุณ (ชื่อเรา) ครับ -- หมออ่านถูกมั้ย?"
ตอนคุณหมอเรียกชื่อตัวเราแทบเด้งตัวออกจากเก้าอี้
ทั้งดีใจที่อ่านถูก ทั้งดีใจที่ถึงคิวเราแล้ว
เข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมที่มีแต่เรากับหมอสองคน
เข้าไปทำอะไรไม่ถูกเลยไม่รู้ใครจะต้องเริ่ม
หมอจะให้เล่าเรื่องตัวเองเลยมั้ยหรือ
(พยาบาลได้บอกไปบ้างรึปล่าว)
guต้องพรั่งพรูความรู้สึกออกมาเลยมั้ย
หรือหมอจะถามguเอง?
ผิดหมดเลยคับ หมอซักประวัติอีกรอบ(เหมือนดูเชิง)
ถามเรื่องครอบครัว เรื่องงาน/เรียน และอื่นๆในชีวิต
และหมอยองคำถามเลยครับ
หมอ - วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ
เรา - ค่ะ .. ไม่อยากให้ใครรู้และคนที่รู้ก็ไม่ว่างมา
หมอ - อืม .. แล้วเกิดอะไรขึ้นถึงตัดสินใจมา
เรา - ไปอ่านโพสนู้น โพสนี้ เรื่องโรคซึมเศร้าแล้วรู้สึกตรง หนูไม่มีความสุข และมีคนแนะนำมาค่ะ
หมอ - อะไรที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเคกับที่เป็นอยู่
เรา - ร้องไห้เกือบทุกวันเลยค่ะ อารมณ์ร้อนมาก โวยวาย เหวี่ยงใส่แฟนด้วย
หมอ - โห ผมเป็นผู้ชายด้วย เข้าใจแฟนคุณเลย
เรา - 555555 ก็สงสารเค้าเหมือนกันค่ะ
หมอ - เป็นมานานรึยัง
เรา - นานแล้วค่ะ
หมอ - ทำไมเพิ่งมา
เรา - กลัว ...
หมอ - แต่ก็กล้ามาคนเดียวเนอะ (หมอพยายามตลก) แต่ทำไมมาคนเดียวละ(ถามย้ำ) ที่บ้านรู้มั้ย
เรา - ไม่มีค่ะ
หมอ - ทำไมละ
เรา - ขี้เกียจตอบคำถาม
หมอ - อ้าว .. เอ่อ .. แล้วคิดว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เราเครียด
เรา - (เล่าเรื่องแบบน้ำหูน้ำตาไหลพราก หมอยื่นทิชชูให้สองสามครั้ง และตั้งใจฟังมาก)
หมอ - ช่วงที่เรา sensitive จะเป็นยังไง ถ้าเทียบเป็นกราฟ
เรา - มันอยู่นานมาก บางทีก็ปรี้ด แต่ถ้ารู้ว่าปรี้ดไม่ได้ก็ร้องไห้เอา
หมอ - ทำไมไม่คุยกับแฟนหรือเพื่อนล่ะ
เรา - บางทีก็ขี้เกียจพูด .. ขี้เกียจตอบคำถาม ..
หมอ - แล้วคุณมีวิธีคลายเครีดยังไง
เรา - .......... (นั่งคิดนานมาก) ...... เรียน?
หมอ - หืม? อยู่มาได้ไง?
เรา - ก็อ่านนิยายด้วย ฟังเพลงบ้าง แต่ไม่ได่ช่วยระบายความเครียดเท่าไหร่
(การสนทนาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น มีขำ มีหัวเราะกันบ้าง แต่น้ำตาเราไหลตลอดเวลา)
หมอ - ไม่ได้ถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าหรอก แค่เป็น adjustment disorder หรือการปรับตัวผิดปกติ เพราะคุณยังสนุกกับการเรียนอยู่ แต่มีเรื่อง xxxx ที่เข้ามาเปลี่ยนไปซึ่งมาพร้อมกับความเครียด ทำให้คุณปรับตัวไม่ทัน จึงอาจจะมีการแสดงออกที่มากกว่าคนอื่น
เรา - แล้ว ...
หมอ - เป็นไม่นานหรอก น่าจะมาแค่สองสามครั้งก็โอเคแล้ว
และหมอก็ให้คำแนะนำให้ลองปรับตัว อธิบายตัวยาที่จะให้ หมอให้ยาตัวที่จะประคองอาการไม่ให้หนักไปกว่านี้ ตัดความคิด หมายุถึง จะให้ sensitive น้อยลง
หมอ - นอนโอเคมั้ย
เรา - หลับๆตื่นๆค่ะ
หมอ - เอายาช่วยนอนมั้
เรา - ไม่เป็นไรค่ะ
หมอ - กินยาลดน้ำหนักมั้ย เอ้ะ แต่คงไม่ต้องกินแล้วมั้ง หนักแค่นี้เอง
เรา - ค่ะ ไม่กินค่ะ แต่เมื่อปีที่แล้วน้ำหนักลดไปสิบโลค่ะ
หมอ - ทำไมเพิ่งมา (ดุนิดหน่อย)
เรา - ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร จนไม่ไหวแล้ว ...
หมอ - (พยักหน้า ยิ้มแย้ม) อื้มๆๆๆ มีอะไรจะถามอีกมั้ยครับ
เรา - (เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง)
หมอ - อะไรที่จัดขวางให้เราไม่เป็นตัวเองมันไม่มีความสุขอยู่แล้วแหละ คอมเม้นเล็กๆ อย่าไปใส่ใจ ตอนนี้เอาที่เราสบายใจก่อน
สุดท้ายก่อนจากกัน คุณหมอทำ test เล็กๆ ทดสอบความจำ การแยกแยะ ถาม-ตอบ ทั่วไป ต้องตอบให้เร็วที่สุด บางคำตอบหมอก็ อึ้ง เช่น "ความแตกต่างระหว่างคนแคระกับเด็ก" เดี๊ยนตอบว่า "คนแคระมีความบกพร่องทางพันธุกรรมค่ะ" หมอถึงกับเงยหน้า "ไม่เคยมีใครตอบแบบนี้เลย" (เออสิคะ หนูถึงว่าหนูแปลกกว่าชาวบ้านไงคะ)
เมื่อเสร็จสิ้นการสนทนา .. คุณหมอก็ให้เราไปรอนอกห้อง เพื่อที่คุณหมอจะเขียนเรื่องราว อาการ ที่จดระหว่างการพูดคุยใส่แฟ้มประวัติ ก่อนจะออกมายื่นให้กับเรา ...
ดอกฝิ่น
แชร์ประสบการณ์: เมื่อเราไปหาจิตแพทย์
แต่เราไม่ได้เป็นหนักขนาดที่จะฆ่าตัวตายได้ตลอดเวลา
เรากลัวเจ็บ กลัวบาป ไม่อยากให้คนที่รักเราเสียใจ
เรายังเป็นผู้ป่วยและพยายามบำบัดตัวเองอยู่
เราต้องพบทั้งจิตแพทย์และต้องทำจิตบำบัด
เราได้บันทึกการสนทนาระหว่างการรักษา
เพื่อความทรงจำของตัวเอง
และเผื่อคนอื่นจะอยากรู้ว่าเค้ารักษากันยังไง
แน่นอน .. เราไม่ได้เขียนทุกอย่างหรอก
ฝากติดตามด้วยนะคะ
-----------------------------------------------
ภาคสอง https://ppantip.com/topic/36818733
ภาคสาม https://ppantip.com/topic/37333758
-----------------------------------------------
#เมื่อเราไปหาจิตแพทย์ part 1
ก่อนหน้านี้เรากลัวที่จะต้องไปพบคุณหมอ กลัวคนอื่นจะหาว่าเราเป็นคนบ้า
อยากไปแต่ใจไม่กล้า จนกระทั่งวันหนึ่ง ..
ที่เราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว (ภาษาบ้านๆก็คือ บ้า นั่นแหละ)
เราไม่มีแม้กระทั่งความสุข รอยยิ้มบนใบหน้าแทบไม่มี ..
เราเลยตัดสินใจไปหาหมอด้วยตัวเอง
โทรนัดเอง ขับรถไปเอง เดินไปหาหมอเอง ทำเองทุกอย่าง
เพราะยังไม่อยากให้ใครรู้ .. กลัวคนอื่นเค้าหาว่าบ้า
เดินเข้าไปถึงที่หมาย .. นอกจากชั่งน้ำหนัก วัดความดันแล้ว
(คือ .. พี่ยามที่เค้าช่วยเฝ้าแผนกนี้ จะช่วย พยาบาลจดน้ำหนักและความดัน แล้วพี่ยามจะดุไปไหน คือกลัวจริงจัง)
ก่อนจะไปคุยกับคุณหมอ .. ถ้าไปครั้งแรกพยาบาลจะเรียกเราเข้าห้องๆนึง
เค้าจะถามว่า เราเป็นอะไร คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงมา
ตลกดีนะ ที่เราต้องมาเล่าเรื่องราวที่ personal มากๆ ให้คนที่ไม่รู้จักฟัง
ตอนแรกก็ไม่กล้าเล่าหรอกนะ แล้วเราก็เข้าใจว่า วิธีการถามประวัติหรืออาการของพยาบาลในขั้นตอนแรกเป็นคำถามที่ทำให้เรา "ต้อง" เล่า เพื่อส่งให้ถึงมือหมอต่อไป ..
ความรู้สึกตอนนั้นพรั่งพรูมาก ยังพูดไม่ทันจบประโยค จู่ๆน้ำตาก็ไหล
(ขอเพลงช้า บรรเลงหนึ่งท่อนค่ะ)
อยากแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่า เราต้องการที่รักษาสภาพจิตใจ
พยาบาลก็พยายามสร้างความมั่นใจและอธิบาย process ของการรับการรักษาว่า เราจะรักษากับหมอคนเดียว (หมอเจ้าของไข้) และด้วยจรรยาบรรณของที่นี่ จะไม่มีใครรู้ของเรา มีแค่เราและหมอ (เออ สิคับ)
เนื่องจากไปครั้งแรก ... เราเห็นอะไรหลายๆอย่าง เช่น
คนที่มา .. ก็คนปกติทั่วไป มีตั้งแต่เด็กประถมไปถึงผู้สูงอายุ
ระหว่างที่รอหมอ เราก็มองซ้ายมองขวา เพิ่งรู้ว่า จิตแพทย์เยอะมาก
มีมากกว่า 20 คน แต่คนไข้เป็นร้อย .. (รอไปสิคะ)
สังเกตุได้ว่าคนที่มาที่นี่ต่างมีเรื่องหนักใจ มีคนพามา มีคนมาเป็นเพื่อน
.. เรา .. มา .. คนเดียว ..
(ถ้าอ่านถึงตรงนี้ต้องจำท่อนนี้เลยนะคะ มีผลมากในภายหลัง เชื่อเดี้ยนนะคะ)
คือมันเช้ามาก และหิวมาก จะไปหาข้าวกินก่อน เดินไปถาม พยาบาลว่าคิวเราอีกนานมั้ย พยาบาลตอบกลับมาว่า "อีกนานค่ะ แล้วก็ตอบให้ไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ คนเรามีเรื่องราวไม่เหมือนกัน การคุยกันของคนไข้และคุณหมอต้องใช้เวลาค่ะ"
และมันก็จริงค่ะ รอตั้งแต่ 8 โมงเช้า ..9 โมง 10 โมง 11 โมง
กินข้าวก็แล้ว เข้าห้องน้ำก็แล้ว เล่นมือถือจนไม่มีอะไรจะดูแล้ว
ก็ไม่เรียก(gu)ซักที แอร์ก็หนาว เสื้อก็ไม่ได้เอามา ทรมาณ
อ่านชื่อหมอที่ติดหน้าห้องจนจำได้แล้ว ชื่อหมอห้องตรงข้ามก็เหมือนกัน
รอจนหิวอีกรอบ หนังสือก็ไม่ได้เอาไปอ่านเล่น เบื่อมว้ากกกก
สภาพตอนนั้นคือเหมือนน้องหมารอเจ้าของมารับที่ รพ. สัตว์แห่งหนึ่ง
ระหว่างรอหมอก็ร้องไห้อีกต่างหาก ร้องทำไมไม่รู้ (เหงาเป็นหมาหงอยมาก)
คุณหมอจะเรียกไปคุยทีละเคส จะไปเป็นหมู่คณะหรือเรียกเดี่ยว
บางทีเรียกชื่อคนไข้ก่อน แล้วค่อยให้คนไข้ออกมา เพื่อให้ครอบครัวเข้าไปคุย
เมื่อคุยเสร็จ คุณหมอจะให้รอหน้าห้องก่อน แล้วจะหายไปในห้องซักพัก
หลายพักเลย พักใหญ่เลยละกัน .. คุณหมอก็จะเปิดประตู
ยื่นแฟ้มให้คนไข้ พร้อมบอกลาและเรียกชื่อคนต่อไป ...
"คุณ (ชื่อเรา) ครับ -- หมออ่านถูกมั้ย?"
ตอนคุณหมอเรียกชื่อตัวเราแทบเด้งตัวออกจากเก้าอี้
ทั้งดีใจที่อ่านถูก ทั้งดีใจที่ถึงคิวเราแล้ว
เข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมที่มีแต่เรากับหมอสองคน
เข้าไปทำอะไรไม่ถูกเลยไม่รู้ใครจะต้องเริ่ม
หมอจะให้เล่าเรื่องตัวเองเลยมั้ยหรือ
(พยาบาลได้บอกไปบ้างรึปล่าว)
guต้องพรั่งพรูความรู้สึกออกมาเลยมั้ย
หรือหมอจะถามguเอง?
ผิดหมดเลยคับ หมอซักประวัติอีกรอบ(เหมือนดูเชิง)
ถามเรื่องครอบครัว เรื่องงาน/เรียน และอื่นๆในชีวิต
และหมอยองคำถามเลยครับ
หมอ - วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ
เรา - ค่ะ .. ไม่อยากให้ใครรู้และคนที่รู้ก็ไม่ว่างมา
หมอ - อืม .. แล้วเกิดอะไรขึ้นถึงตัดสินใจมา
เรา - ไปอ่านโพสนู้น โพสนี้ เรื่องโรคซึมเศร้าแล้วรู้สึกตรง หนูไม่มีความสุข และมีคนแนะนำมาค่ะ
หมอ - อะไรที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเคกับที่เป็นอยู่
เรา - ร้องไห้เกือบทุกวันเลยค่ะ อารมณ์ร้อนมาก โวยวาย เหวี่ยงใส่แฟนด้วย
หมอ - โห ผมเป็นผู้ชายด้วย เข้าใจแฟนคุณเลย
เรา - 555555 ก็สงสารเค้าเหมือนกันค่ะ
หมอ - เป็นมานานรึยัง
เรา - นานแล้วค่ะ
หมอ - ทำไมเพิ่งมา
เรา - กลัว ...
หมอ - แต่ก็กล้ามาคนเดียวเนอะ (หมอพยายามตลก) แต่ทำไมมาคนเดียวละ(ถามย้ำ) ที่บ้านรู้มั้ย
เรา - ไม่มีค่ะ
หมอ - ทำไมละ
เรา - ขี้เกียจตอบคำถาม
หมอ - อ้าว .. เอ่อ .. แล้วคิดว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เราเครียด
เรา - (เล่าเรื่องแบบน้ำหูน้ำตาไหลพราก หมอยื่นทิชชูให้สองสามครั้ง และตั้งใจฟังมาก)
หมอ - ช่วงที่เรา sensitive จะเป็นยังไง ถ้าเทียบเป็นกราฟ
เรา - มันอยู่นานมาก บางทีก็ปรี้ด แต่ถ้ารู้ว่าปรี้ดไม่ได้ก็ร้องไห้เอา
หมอ - ทำไมไม่คุยกับแฟนหรือเพื่อนล่ะ
เรา - บางทีก็ขี้เกียจพูด .. ขี้เกียจตอบคำถาม ..
หมอ - แล้วคุณมีวิธีคลายเครีดยังไง
เรา - .......... (นั่งคิดนานมาก) ...... เรียน?
หมอ - หืม? อยู่มาได้ไง?
เรา - ก็อ่านนิยายด้วย ฟังเพลงบ้าง แต่ไม่ได่ช่วยระบายความเครียดเท่าไหร่
(การสนทนาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น มีขำ มีหัวเราะกันบ้าง แต่น้ำตาเราไหลตลอดเวลา)
หมอ - ไม่ได้ถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าหรอก แค่เป็น adjustment disorder หรือการปรับตัวผิดปกติ เพราะคุณยังสนุกกับการเรียนอยู่ แต่มีเรื่อง xxxx ที่เข้ามาเปลี่ยนไปซึ่งมาพร้อมกับความเครียด ทำให้คุณปรับตัวไม่ทัน จึงอาจจะมีการแสดงออกที่มากกว่าคนอื่น
เรา - แล้ว ...
หมอ - เป็นไม่นานหรอก น่าจะมาแค่สองสามครั้งก็โอเคแล้ว
และหมอก็ให้คำแนะนำให้ลองปรับตัว อธิบายตัวยาที่จะให้ หมอให้ยาตัวที่จะประคองอาการไม่ให้หนักไปกว่านี้ ตัดความคิด หมายุถึง จะให้ sensitive น้อยลง
หมอ - นอนโอเคมั้ย
เรา - หลับๆตื่นๆค่ะ
หมอ - เอายาช่วยนอนมั้
เรา - ไม่เป็นไรค่ะ
หมอ - กินยาลดน้ำหนักมั้ย เอ้ะ แต่คงไม่ต้องกินแล้วมั้ง หนักแค่นี้เอง
เรา - ค่ะ ไม่กินค่ะ แต่เมื่อปีที่แล้วน้ำหนักลดไปสิบโลค่ะ
หมอ - ทำไมเพิ่งมา (ดุนิดหน่อย)
เรา - ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร จนไม่ไหวแล้ว ...
หมอ - (พยักหน้า ยิ้มแย้ม) อื้มๆๆๆ มีอะไรจะถามอีกมั้ยครับ
เรา - (เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง)
หมอ - อะไรที่จัดขวางให้เราไม่เป็นตัวเองมันไม่มีความสุขอยู่แล้วแหละ คอมเม้นเล็กๆ อย่าไปใส่ใจ ตอนนี้เอาที่เราสบายใจก่อน
สุดท้ายก่อนจากกัน คุณหมอทำ test เล็กๆ ทดสอบความจำ การแยกแยะ ถาม-ตอบ ทั่วไป ต้องตอบให้เร็วที่สุด บางคำตอบหมอก็ อึ้ง เช่น "ความแตกต่างระหว่างคนแคระกับเด็ก" เดี๊ยนตอบว่า "คนแคระมีความบกพร่องทางพันธุกรรมค่ะ" หมอถึงกับเงยหน้า "ไม่เคยมีใครตอบแบบนี้เลย" (เออสิคะ หนูถึงว่าหนูแปลกกว่าชาวบ้านไงคะ)
เมื่อเสร็จสิ้นการสนทนา .. คุณหมอก็ให้เราไปรอนอกห้อง เพื่อที่คุณหมอจะเขียนเรื่องราว อาการ ที่จดระหว่างการพูดคุยใส่แฟ้มประวัติ ก่อนจะออกมายื่นให้กับเรา ...
ดอกฝิ่น