เราทำงานแล้ว อายุ 30+ มีเพื่อนที่ทำงานเป็นกลุ่มประมาณ 10 คน แต่มีเพื่อนสนิทที่สุด คุยกันทุกเรื่อง อยู่แค่คนเดียว คนอื่นๆก็คุยกันเม้าท์แตก เที่ยวเฮฮาสนุกสนาน แต่ไม่ได้รู้ทุกเรื่องแบบเพื่อนคนนี้
เพื่อนคนนี้เป็นคนเฟรนรี่ เจอกันแรกๆ ทั้งกอดรัดฟัดเหวี่ยง หอมแก้ม สนุกสนาน โทรหาเกือบทุกวัน อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมาก ซึ่งกับเพื่อนคนใหม่ๆที่เพิ่งรู้จัก เขาก็จะเป็นแบบนี้ด้วยทุกคน คนรู้จักเขาผิวเผิน จะชอบเขามาก คนจะเอ็นดู เพราะเขาคุยเก่ง เข้าผู้ใหญ่เป็น ส่วนเราจะนิ่งๆ เล่นด้วยเฉพาะกับคนสนิท แต่เขาจะเล่นไปเรื่อย คนก็จะชอบ เพราะคิดว่าอยู่ด้วยแล้วสนุก
อยู่ไปเรื่อยๆ สนิทกันมากๆเข้า เริ่มสัมผัสได้ถึงความหม่นหมอง มองโลกในแง่ร้าย เวลามีเรื่องทุกข์ใจก็จะมาระบายกับเราตลอด ซึ่งเราก็รับฟังและปลอบใจ ให้คำแนะนำบ้างตามสมควร แต่เวลาเราระบายความทุกข์ให้เขาฟัง เขากลับดึงเข้าเรื่องตัวเอง ไม่ฟังเรา ไม่ปลอบเรา คดีพลิกตลอด กลายเป็นเราต้องเป็นคนฟังแทน เป็นแบบนี้แทบทุกครั้ง บางครั้งเราก็อยากมีเพื่อนช่วยคิด ช่วยให้คำแนะนำ
เพื่อนคนนี้ไม่มีรถ แต่เรามีรถ ส่งบ้านทุกวัน แม้จะคนละทาง เราต้องอ้อมไปส่งทุกวัน เวลาเรารถเสีย ต้องการความช่วยเหลือ ไม่สามารถพึ่งพาเพื่อนคนนี้ได้เลย ต้องรบกวนคนอื่นตลอด แต่ถึงเวลาเขาต้องการพึ่งพาเรา เราก็พาไปได้เสมอ ไปรับไปส่งถึงที่ มันรู้สึกเหมือนเป็นผู้ให้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้อยากเป็นผู้รับนะ แต่บางครั้งมีปัญหา ก็อยากขอความช่วยเหลือกับคนกันเองได้บ้าง
เวลาครอบครัวเราไปเที่ยว เขาจะไปด้วยตลอด พ่อแม่เราออกเงินให้เป็นประจำ บางครั้ง ไม่ได้เอ่ยปากชวนเลย ก็ขอจองไปด้วยก่อน แต่พอพ่อแม่เราเชิญมางานบุญต่างๆที่บ้าน กลับไม่เคยมาช่วยงานเลยสักครั้ง ทั้งที่พ่อแม่เราก็เอ็นดูเขานะ
พักหลัง ความสนิทกลายเป็นพฤติกรรมเหมือนคนในครอบครัว ไม่กล้ากอด ไม่กล้าหอม ไม่พูดเล่น เพราะมันสนิทกันและอยู่ด้วยกันมากเกินไป พอเจอเพื่อนใหม่ ที่รู้จักกันผิวเผิน เขาก็จะทิ้งเราเลย ไปดี๊ด๊ากับเพื่อนใหม่ เดิน 3 คน เราก็จะถูกทิ้งเป็นติ่ง เดินข้างหลังคนเดียว ทั้งที่เราเป็นเพื่อนสนิท พออยู่กับเรา ก็จะเงียบ พูดมั่งไม่พูดมัน บางทีไม่ทักทายเลยเวลาเจอกันตอนเช้า ไปกินข้าวไม่รอ ไม่เรียก แต่เรียกคนอื่นนะ รอคนอื่น เดินควงแขนเขามั่ง เดินกอดก่ายเขามั่ง ที่ผิวเผินน่ะ แต่พอมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็จะนึกถึงเรา ก็มีแค่เราที่ช่วยและรับฟังเขา
หลายครั้งเขาชอบเอาตัวเองเปรียบเทียบกับเรา เขาเคยเขียนสิ่งที่เขาทำได้หรือทำไม่ได้ และสิ่งที่เราทำได้หรือทำไม่ได้ เปรียบเทียบกัน ว่าเรากับเขา ใครทำอะไรได้บ้าง ตอนนั้นเราอึ้งมาก เครียดมาก เสียความรู้สึกมาก ทั้งที่เราไม่เคยคิดแข่งกับเขาเลย อีกอย่าง สายงานที่ทำไม่ตรงกัน ไม่มีอะไรจะต้องเปรียบเทียบ แต่ครอบครัวของเขาไม่สมบูรณ์ ส่วนครอบครัวของเราสมบูรณและอบอุ่นมาก เกี่ยวไหมที่จะทำให้เขาคิด
ข้อดีเขาก็มี ช่วยเหลืองานเราก็หลายครั้ง ไปไหนเป็นเพื่อนบ่อยๆ แต่สุดท้ายก็จะมาพูดจาให้เรารู้สึกแย่ เช่น เราได้รับมอบหมายงานหนักมาหนึ่งงาน เขาก็เสนอตัวช่วยเรานะ แต่สุดท้ายก็จะมาพูดว่า งานนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลย ทำไมคนที่เกี่ยวข้องไม่มาทำ ทำไมเขาต้องมานั่งทำ ทำนองนี้ แทบทุกครั้ง
มันยังมีอีกหลายเรื่องมาก.....แต่เท่าที่อารมณ์กรุ่นๆอยู่ตอนนี้ นึกได้แค่นี้.....จริงๆอายุ 30+ แล้วไม่น่าจะมานั่งคิดมากเรื่องเพื่อน แต่เรายังไม่มีครอบครัว และเพื่อนก็ยังไม่มีครอบครัว มันเลยยังไปไหนมาไหน ทำอะไรด้วยกันตลอดเวลา เท่าที่เล่ามา....เราควรทำยังไงดี เรารู้สึกสองอย่าง ว่าเราคิดเล็กคิดน้อยเกินไป หรือ เราควรลดความสนิทลงดี เหมือนใกล้กันมาไป อยู่ด้วยกันมากไป จนรับนิสัยจริงกันไม่ได้ ใครเคยเป็นแบบเราบ้าง
น้อยใจเพื่อน....หรือเพื่อนไม่น่าคบ
เพื่อนคนนี้เป็นคนเฟรนรี่ เจอกันแรกๆ ทั้งกอดรัดฟัดเหวี่ยง หอมแก้ม สนุกสนาน โทรหาเกือบทุกวัน อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมาก ซึ่งกับเพื่อนคนใหม่ๆที่เพิ่งรู้จัก เขาก็จะเป็นแบบนี้ด้วยทุกคน คนรู้จักเขาผิวเผิน จะชอบเขามาก คนจะเอ็นดู เพราะเขาคุยเก่ง เข้าผู้ใหญ่เป็น ส่วนเราจะนิ่งๆ เล่นด้วยเฉพาะกับคนสนิท แต่เขาจะเล่นไปเรื่อย คนก็จะชอบ เพราะคิดว่าอยู่ด้วยแล้วสนุก
อยู่ไปเรื่อยๆ สนิทกันมากๆเข้า เริ่มสัมผัสได้ถึงความหม่นหมอง มองโลกในแง่ร้าย เวลามีเรื่องทุกข์ใจก็จะมาระบายกับเราตลอด ซึ่งเราก็รับฟังและปลอบใจ ให้คำแนะนำบ้างตามสมควร แต่เวลาเราระบายความทุกข์ให้เขาฟัง เขากลับดึงเข้าเรื่องตัวเอง ไม่ฟังเรา ไม่ปลอบเรา คดีพลิกตลอด กลายเป็นเราต้องเป็นคนฟังแทน เป็นแบบนี้แทบทุกครั้ง บางครั้งเราก็อยากมีเพื่อนช่วยคิด ช่วยให้คำแนะนำ
เพื่อนคนนี้ไม่มีรถ แต่เรามีรถ ส่งบ้านทุกวัน แม้จะคนละทาง เราต้องอ้อมไปส่งทุกวัน เวลาเรารถเสีย ต้องการความช่วยเหลือ ไม่สามารถพึ่งพาเพื่อนคนนี้ได้เลย ต้องรบกวนคนอื่นตลอด แต่ถึงเวลาเขาต้องการพึ่งพาเรา เราก็พาไปได้เสมอ ไปรับไปส่งถึงที่ มันรู้สึกเหมือนเป็นผู้ให้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้อยากเป็นผู้รับนะ แต่บางครั้งมีปัญหา ก็อยากขอความช่วยเหลือกับคนกันเองได้บ้าง
เวลาครอบครัวเราไปเที่ยว เขาจะไปด้วยตลอด พ่อแม่เราออกเงินให้เป็นประจำ บางครั้ง ไม่ได้เอ่ยปากชวนเลย ก็ขอจองไปด้วยก่อน แต่พอพ่อแม่เราเชิญมางานบุญต่างๆที่บ้าน กลับไม่เคยมาช่วยงานเลยสักครั้ง ทั้งที่พ่อแม่เราก็เอ็นดูเขานะ
พักหลัง ความสนิทกลายเป็นพฤติกรรมเหมือนคนในครอบครัว ไม่กล้ากอด ไม่กล้าหอม ไม่พูดเล่น เพราะมันสนิทกันและอยู่ด้วยกันมากเกินไป พอเจอเพื่อนใหม่ ที่รู้จักกันผิวเผิน เขาก็จะทิ้งเราเลย ไปดี๊ด๊ากับเพื่อนใหม่ เดิน 3 คน เราก็จะถูกทิ้งเป็นติ่ง เดินข้างหลังคนเดียว ทั้งที่เราเป็นเพื่อนสนิท พออยู่กับเรา ก็จะเงียบ พูดมั่งไม่พูดมัน บางทีไม่ทักทายเลยเวลาเจอกันตอนเช้า ไปกินข้าวไม่รอ ไม่เรียก แต่เรียกคนอื่นนะ รอคนอื่น เดินควงแขนเขามั่ง เดินกอดก่ายเขามั่ง ที่ผิวเผินน่ะ แต่พอมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ ก็จะนึกถึงเรา ก็มีแค่เราที่ช่วยและรับฟังเขา
หลายครั้งเขาชอบเอาตัวเองเปรียบเทียบกับเรา เขาเคยเขียนสิ่งที่เขาทำได้หรือทำไม่ได้ และสิ่งที่เราทำได้หรือทำไม่ได้ เปรียบเทียบกัน ว่าเรากับเขา ใครทำอะไรได้บ้าง ตอนนั้นเราอึ้งมาก เครียดมาก เสียความรู้สึกมาก ทั้งที่เราไม่เคยคิดแข่งกับเขาเลย อีกอย่าง สายงานที่ทำไม่ตรงกัน ไม่มีอะไรจะต้องเปรียบเทียบ แต่ครอบครัวของเขาไม่สมบูรณ์ ส่วนครอบครัวของเราสมบูรณและอบอุ่นมาก เกี่ยวไหมที่จะทำให้เขาคิด
ข้อดีเขาก็มี ช่วยเหลืองานเราก็หลายครั้ง ไปไหนเป็นเพื่อนบ่อยๆ แต่สุดท้ายก็จะมาพูดจาให้เรารู้สึกแย่ เช่น เราได้รับมอบหมายงานหนักมาหนึ่งงาน เขาก็เสนอตัวช่วยเรานะ แต่สุดท้ายก็จะมาพูดว่า งานนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลย ทำไมคนที่เกี่ยวข้องไม่มาทำ ทำไมเขาต้องมานั่งทำ ทำนองนี้ แทบทุกครั้ง
มันยังมีอีกหลายเรื่องมาก.....แต่เท่าที่อารมณ์กรุ่นๆอยู่ตอนนี้ นึกได้แค่นี้.....จริงๆอายุ 30+ แล้วไม่น่าจะมานั่งคิดมากเรื่องเพื่อน แต่เรายังไม่มีครอบครัว และเพื่อนก็ยังไม่มีครอบครัว มันเลยยังไปไหนมาไหน ทำอะไรด้วยกันตลอดเวลา เท่าที่เล่ามา....เราควรทำยังไงดี เรารู้สึกสองอย่าง ว่าเราคิดเล็กคิดน้อยเกินไป หรือ เราควรลดความสนิทลงดี เหมือนใกล้กันมาไป อยู่ด้วยกันมากไป จนรับนิสัยจริงกันไม่ได้ ใครเคยเป็นแบบเราบ้าง