Goblin........สองสิ่งที่ขาดหายไปในเรื่อง 1)แก่นศาสนา 2) วุฒิภาวะ

1)แก่นศาสนา
รู้สึกได้เลยว่า การตีความศาสนาของละครเรื่องนี้ไม่ลึกพอ
จนทำให้รู้สึกว่าคนเขียนบทน่าจะเป็นคนที่ไม่นับถือศาสนา รวมถึงไม่ได้อิงปรัชญาใดๆ
เรื่องนี้อ้างถึงพระเจ้า  แต่ตีความลึกของพระเจ้าได้ไม่ลึกนัก
ขณะเดียวกันการอิงพุทธมหายานในเชิงพระพุทธเจ้าเป็นพระเจ้า อิงเรื่องชาติภพก็ไม่ลึกอีกเช่นกัน
ส่วนการอ้างอิงผี ในเชิงพื้นเมืองตะวันออกไกล ของ ต๊กแกบีกับเทพเด็ก และการดื่มชาลืม ดูจะเด่นกว่าส่วนอื่น
แต่ก็มีเพียงสามเรื่องที่หยิบเอามาใช้

2)วุฒิภาวะ
อันนี้ค่อนข้างชัด ซึ่งน่าแปลกใจว่า คนเขียนบทก็น่าจะอายุไม่น้อยแต่กลับไม่ตระหนักตรงนี้
คิมชิน และวังยู ไม่ใช่วิญญานธรรมดาที่ติดกับจิตยามตาย
ทั้งสองคนเหนือกว่านั้นเป็นจิตอิสระดึกดำบรรพ์ อายุหลายร้อยปี ผ่านเวลาและประสบการณ์มานาน
แต่กลับหยุดการเติบโตของจิตวิญญาน หยุดวุฒิภาวะไว้เท่าอายุตอนตาย
เสมือนว่าไม่ได้เรียนรู้อะไรสักนิด เป็นช้อนไม่รู้รสแกงฉะนั้น
ซึ่งถ้าเป็นวิญญานสตัฟไว้เช่นนั้นจริงๆ มันย่อมหมายความรวมไปถึงว่า
ทั้งสองคนควรจะไม่สามารถเรียนรู้ที่จะอภัยหรือไม่อภัยได้เช่นกัน
มันเลยไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าไหร่นัก  ที่ทั้งคู่ไม่ตกผลึกทางความคิดอะไรเลยกับสามร้อยปี เก้าร้อยปีที่ผ่านมา
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
หลังจากที่ผมนั่งดูเป็นเพื่อนแฟนที่คลั่งไคล้ในหนุ่มใหญ่จนจบ ขอออกความเห็นในมุมผู้ชายบ้าง...

1. ศาสนา
ผมมองว่าเรื่องนี้มีความเป็นโรแมนติก คอมเมดี้ แฟนตาซี ที่อิงความเชื่อของมนุษย์ชนชาติแถบตะวันออกที่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาโดยภาพรวม ไม่ได้เจาะโฟกัสลงไปที่นิกายหรือศาสนาใด ทั้งนี้ในปรัชญาตะวันตกก็มีบางส่วนที่เชื่อและถกประเด็นเรื่องโลกหน้าบ้างเหมือนกัน ที่จริงเรื่องตำนานความเชื่อในเทพเจ้านั้นมีกันแทบทุกที่โดยไม่ต้องอิงศาสนาใด พวกนับถือผียังเชื่อกันในเรื่องโลกหน้า การเวียนว่ายโดยที่ไม่มีศาสนาเหมือนกัน

ผู้เขียนบทคงจะหยิบยกตำนานพื้นบ้านเข้าผสมผสานกับความเชื่อและกลิ่นอายของความเป็นพุทธที่มีการเวียนว่ายตายเกิด เพื่อให้เนื้อเรื่องระหว่างตัวละครดำเนินคล้องกันไป ใช้ความเชื่อมากกว่าการอิงศาสนาหนึ่งศาสนาใดเป็นเกณฑ์ ซึ่งเน้นความเชื่อในรูปแบบสนุกสนานมากกว่าจะหยิบความเป็นศาสนาทั้งหมดมาใส่ ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องราวจะหนักและอาจจะขายไม่ได้ คนที่ไม่เชื่อเรื่องพุทธหรือมีศาสนาอื่นอาจจะไม่ชอบใจ เหมือนกับชาแก่ๆ ขมๆ ได้กลิ่นชาเข้มข้นหอมหวนแต่คนกินน้อย มีกลุ่มคนเฉพาะ... ไม่เหมือนชาผสมนมเติมน้ำผึ้ง ชาอาจจะไม่เข้มไม่หอมเท่าแต่ถูกปากคนส่วนมาก

เพิ่มเติม...
บางทีผู้เขียนบทอาจจะบอกเป็นนัยไว้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความเชื่อมากกว่าการยึดศาสนาใดเป็นเกณฑ์ โดยวิเคราะห์จากการตั้งชื่อพระเอกซึ่งเป็นตัวหลัก ในทางภาษาเกาหลีนั้นผมไม่แน่ใจในความหมายของชื่อที่ตั้ง แต่หากตีความตามตัวอักษรจีนที่ใช้ในพาร์ทของยุคอดีต คิมชิน เขียนว่า 金信 (จินซิ่น) ซึ่งคำว่า 信 แปลว่า ความเชื่อ ซึ่งอาจมองรวมๆ ได้ว่าเป็นความเชื่อในเทพเจ้า เชื่อในปาฏิหารย์ เชื่อในความซื่อสัตย์ของทาสรับใช้ผู้ภักดี เชื่อในรักแท้ ฯลฯ         

2. วุฒิภาวะตัวละคร
มีความเห็นต่างจากจขกท. ผมว่าตัวละครค่อนข้างมีพัฒนาการตลอด 900 ปี พัฒนาไปตามยุคสมัยและสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

คิมชินที่เป็นแม่ทัพ ในหน้าที่ก็ดุดัน แข็งแกร่ง ดื้อดึง ยึดมั่นในความคิดของตัวเองจนถูกฆ่ากันยกครัว แต่ก็มีความหวั่นไหวไปพร้อมกัน เห็นได้จากการลังเลในการตัดสินใจตอนที่คุยกับน้องสาวก่อนเดินไปหาพระราชา เวลานอกราชการอาจจะมีบุคลิกที่แตกต่างไปจากนี้ และสำหรับฐานะพี่ชาย คิมชินมีมุมน่ารัก อ่อนโยน และหยอกเย้ากับน้องสาว

พอตายและได้ชีวิตใหม่ก็วิ่งตรงเข้าแก้แค้นเลย และอยู่กับความทุกข์ เศร้า โดดเดี่ยว รวมถึงการไม่ปล่อยวางในความโกรธแค้นซึ่งเป็นอารมณ์สุดท้ายก่อนตาย อยู่มาอีกหลายร้อยปีก็เริ่มหมดหวัง หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตอมตะ ความแค้นที่มีก็ลดลงไปตามกาลเวลา ไม่ได้เข้มข้นเหมือนตอนแรก ยังต้องทุกข์จากการเห็นคนที่ดูแลเขาอันเป็นเสมือนคนในครอบครัวจากไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวซ้ำไปมาไม่จบสิ้น เหมือนเดินในความมืดที่หาทางออกไม่เจอ เศร้าจนไม่รู้จะเศร้ายังไงจึงปลดปลงกับชีวิต อยู่มันไปเรื่อยๆ แบบชาชิน และพยายามยอมรับในสิ่งที่เป็น นี่คือการตกผลึกทางความคิดจากการที่อยู่มานาน

กระทั่งเจอเจ้าสาว... ช่วงแรกมีความเป็นผู้ใหญ่มองเด็กวัยรุ่น พร้อมทั้งผลักไสในความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในชีวิตอมตะ สร้างเกราะขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองด้วยความเมินเฉย ก่อนจะค่อยๆ ยอมรับความสดใสที่เป็นเหมือนแสงสว่าง ซึ่งทำให้ชีวิตในความมืดนั้นสว่างขึ้นหลังจากแห้งแล้งมานาน

เมื่อยอมรับได้จึงปล่อยตัวปล่อยใจเต็มที่ เหมือนอยู่ในโลกใบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัส โลกที่มีมนุษย์แฟนอยู่ด้วย ซึ่งมันต่างจากความสัมพันธ์กับคนดูแลในแต่ละรุ่น ถึงแม้จะรักสนิทอย่างไรก็มีความเป็นนายบ่าวอยู่ แต่กับนางเอกนั้นสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างที่ไม่เคยเป็น อย่าลืมว่านี่คือรักแรกของผู้ชายอายุ 939 คงอยากเป็นผู้ชายธรรมดาที่อยู่ในโลกเดียวกับนางเอก ไม่ใช่ผู้ชายจากโครยอ จนบางครั้งอาจจะลืมความเป็นอมตะของตัวเองไป ได้รัก ได้ห่วงใยใครสักคนอย่างจริงใจแบบที่ไม่มีมานาน การจะทำตัวให้สนุกสนานและหัวเราะไปกับนางเอกก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเท่าไหร่

มองในฐานะผู้ชาย... ถ้าวัดจากชีวิตปกติในปัจจุบันจะไม่รู้สึกว่าประหลาดจนเกินรับได้ว่า หากมีแฟนเด็ก เราก็อยากจะเด็กตาม เพราะอยากจะมีส่วนร่วมกับแฟนในทุกๆ ช่วงเวลา อยากจะหัวเราะ อยากจะบ้าบอ ไร้สาระไปด้วยกัน เพราะสุดท้ายแล้วมันจะเป็นความทรงจำดีๆ ที่มีร่วมกัน เพราะเมื่อไหร่ที่จาก มันจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจที่ดีเพื่อให้เรายังยืนต่อไปได้ในวันที่อีกคนไม่อยู่แล้ว... ในซีรีส์อาจจะดูเยอะและแอคติ้งใหญ่ไปบ้างด้วยความเป็นละคร และยังต้องขายความมโนให้กับสาวๆ แต่ก็ยังพอมีความเป็นไปได้อยู่บ้างเหมือนกัน

ส่วนวังยอ... ดูเป็นคนอ่อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในอดีตก็อ่อนแอและหวั่นไหวไปกันการเป่าหูของคนข้างตัว เมื่อมาเป็นยมทูตไร้ความทรงจำก็อ่อนไหวกับความผิดที่ตัวเองจำไม่ได้ในอดีตจนกลายเป็นยมทูตหน้าตาย พอจำความได้ก็อ่อนไหวหนักอีกกับความผิดที่ตัวเองก่อจนทำให้ผู้หญิงที่รัก แม่ทัพผู้ภักดีและคนอีกมากมายต้องตาย และทุกครั้งวังยอเลือกที่จะลงโทษตัวเองก่อนใครไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน

ความสัมพันธ์ระหว่างคิมชิน วังยอ
ผมว่ามีการพัฒนาและตกผลึกแล้วเหมือนกัน ช่วงแรกเหมือนคนโดดเดี่ยวทั้งสองคนมาเจอกัน อาจจะงัดข้อกันบ้างเพราะถือดีในความเป็นอมุษย์ของตัวเองทั้งคู่ แต่พอมาใช้ชีวิตในบ้านเดียวกันก็กลายเป็นเพื่อนที่คุยเปิดอกกันได้ในหลายเรื่องที่ทั้งคู่ไม่มีมานาน ได้พูดคุย ได้หัวเราะ ได้เข้าใจกันในหลายมุมแบบที่มนุษย์ปกติไม่อาจเข้าใจได้ ได้เป็นตัวของตัวเองจะแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรยังไงก็ได้ เป็นมิตรภาพที่อาจจะหาไม่ได้ในชีวิตอมตะและชีวิตการเป็นยมทูต  

แม้พอรู้ความจริงคิมชินจะโกรธจนแทบอยากฆ่าวังยอทิ้ง แต่ก็ต้องเข้าใจถึงความกะทันหันที่รู้โดยไม่ทันได้ตั้งตัวด้วย แถมยังรู้จากปากศัตรูตัวร้ายอีก ปฏิกริยาแรกที่แสดงออกไปจึงเป็นแบบนั้น ความโกรธแค้นที่เห็น... บางทีอาจจะมีความน้อยใจและเสียใจปนอยู่ที่พระราชาไม่ฟังสิ่งที่เขาจะบอก จนคนต้องตายมากมาย เมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์เข้าที่ ความหุนหันตรงนั้นก็ลดลง อันที่จริงแล้วตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาคิมชินก็จุดโคมอธิษฐานให้วังยอไปพร้อมๆ กับที่ทำให้น้องสาวด้วย มันก็เป็นการแสดงออกถึงการให้อภัยอยู่ลึกๆ เหมือนกัน ก็ทั้งรักทั้งแค้น แม้ระยะเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่คนเรามันก็ต้องมีช่วงเวลาทำใจกันบ้างกับความกะทันหันที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือ เพราะไม่คาดคิดว่าชะตาจะเล่นตลกให้วนมาเจอกันในรูปแบบนี้

*edit แก้คำผิด+เพิ่มส่วนชื่อ*
ความคิดเห็นที่ 16
เราเห็นต่างเรื่องบทของพระเอกที่ชาตินี้มุ้งมิ้งเว่อร์ๆๆนะ

คิมชินเค้าเพิ่งเคยมีความรักครั้งแรก
ซึ่งพอเราดูคิมชิน เรานึกถึงตัวเองอนมีความรักครั้งแรกมากกกกกก
มันบ้าบอ ไร้เดียงสา แบบนี้เลย

ส่วนเรื่องพัฒนาการตัวละครตลอด900ปี
เราว่าคนเขียนบทก้อเขียนได้ดีมากกกกก
พัฒนาการมีลักษณะถดถอยได้ด้วยนะ เราสามารถกลับไปเป็นเด็กได้แม้ว่าเราจะอายุมากขึ้น มันมีหลายปัจจัยทำให้เป็นแบบนั้น

ตลอด900ปี คิมชิน ได้เห็นโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก
เค้าอาจจะรับรู้ แล้วก้อผ่อนคลาย ความกดดันที่ทำให้เค้าต้องเป็นคิมชินที่ดุดัน ทำให้สุดท้ายคิมชินเลือกให้ัวเองมีบุคลิกแบบปัจจุบัน
ไม่ใช่คิมชินที่ก้าวร้าว ดุดัน
ความคิดเห็นที่ 13
การเขียนเนื้อหาในแก่นศาสนานั้น
คหสต คิดว่า คขบ เขียนได้พอเหมาะพอควร และคิดว่าเขาไม่ได้เอาหลักการของศาสนาใดศาสนาหนึ่งอย่างจริงจัง แต่เป็นไปตามจินตนาการ แบบ Fantasy โดยจับศานาโน้นนิดศาสนานี่หน่อยมาอิงมากกว่า(มั้ง)

จากที่เป็นคนมีความเชื่อและนับถือศาสนาหนึ่ง แต่ในสมัยเรียนหนังสือได้เรียนรู้อีกศาสนาที่ค่อนข้างจะลึกซึ้ง
ใคร่บอกว่า...
ความเชื่อในพระเจ้า ไม่ได้มีแค่ในศาสนาคริส แต่มีในศาสนายิว ศาสนาอิสลาม และอาจมีในศาสนาอื่นๆอีก(บังเอิญนี่ได้เรียนรู้แค่สามศานาที่เอ่ยมาเท่านั้น)
ส่วนเรีองเวียนว่ายตายเกิด(Reincarnation) ก็มีในศาสนาอื่นเช่นกัน(ยกเว้น คริส ยิว และอิสลาม ที่เชื่อในโลกหน้า - Resurrection)
ดังนั้น หาก คขบ ไปเน้นความเชื่อในศาสนาอย่างจริงจัง ก็ยิ่งจะดูเละตุ้มเปะไปอีก
เขียนแบบจินตนาการไปได้เรื่อยๆ ไม่จริงจังในเรื่องศานาจนหมดความบันเทิงนี่แหละ จะได้ดูสนุกๆกันทั่วหน้า (คือไม่ว่าคนดูนั้นจะนับถือศาสนาใด หรือไม่ก็ตาม)
555 อย่างน้อยเรื่องนี้ทำให้อิฉันอินได้อินดีเลยจ้า (จากที่เคยเฉยๆกับกงยู ณเวลานี้คนแก่คลั่งไปเลยนะเนี่ย จนลืมนึกถึงเรื่องสาระทางความเชื่อต่างๆไป รักคุณ)
ความคิดเห็นที่ 4
เห็นอ่านมาบทเดิมของพระเอกน่าจะเข้มกว่านี้หน่อย แต่คิมซุกบอกว่ากงยูขอปรับบทให้ซอฟลง ให้มีมุมน่ารักๆบ้าง
ความคิดเห็นที่ 17
เรากลับคิดต่างค่ะ นิยายแฟนตาซีนะคะ ไม่ใช่นิยายกล่าวลึกไปในด้านศาสนา หรือความเชื่อใดอย่างจริงจัง
เพื่อแต่ผู้เขียนหยิบยกความเชื่อบางอย่างมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง แต่ไม่ใช่จุดหลักกลางใหญ่ของเรื่องค่ะ

ในความเห็นเราจุดใหญ่มากจริงๆ ของเรื่องคือ ความรัก ค่ะ ทั้งน้องสาวรักพี่ชาย พี่ชายรักน้องสาว
หรือแม้แต่ความรักของคนรักตั้งหากละคือ แก่น ของเรื่อง โดยใช้พระเจ้าและความเชื่อทางศาสนา
มาร้อยเรียงเรื่องราว ถึงไม่ให้น้ำหนักเรื่องความเชื่อพวกนี้มากๆ ก็ไม่เห็นแปลกจนน่าจับผิดนี้คะ

ส่วนเรื่องบุคลิกกงยูในเรื่อง คนอยู่มา 900 ปี ลองคิดซิคะว่า เขาผ่านอะไรมาบ้าง ประสบการณ์ที่เจอ
สามารถทำให้พฤติกรรมมนุษย์เปลี่ยนไปได้ค่ะ และอีกเช่นเดียวกันคือ ผ่านโลกมาเยอะจนเซ็งแล้ว
ง่ายๆ สบายๆ คงจะดีกว่า โดยส่วนตัวนะคะถ้าบทยืนตามผู้เขียนบทตั้งแต่แรก เราว่าเรื่องนี้จะไม่สนุกแบบนี้
และคิดว่า คนที่มีเซ้นส์ด้านการแสดงและขอเปลี่ยนบทได้แล้วออกมาดีแบบนี้ฝีมือและจริตไม่ธรรมดาทีเดียวค่ะ

ส่วนยมทูต นั้นคือพระราชาในชาติก่อน บุคลิกก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรนี้คะ เพราะถ้าฉลาดคงไม่ถูกขันทีจูงจมูก
จนเกิดเรื่องราวที่กล่าวโทษพระเจ้าต่อมาได้ คงไม่ต้องกล่าวถึงวุฒิภาวะนะคะ เห็นการเลี้ยงดูผ่านขันทีปาร์คไหมคะ
ว่าพระราชาอ่อนขนาดไหน ถึงขนาดฆ่าหญิงที่รัก กินยาพิษทั้งที่รู้ นั้นแสดงให้เห็นว่าพระราชาผู้นี้อ่อนทางจิตใจอย่างมาก
พอตายมาเป็นยมทูต ก็จำอะไรไม่ได้ก็ไม่เห็นแปลกที่จะมีบุคลิกแบบนี้ แต่ฮีมีระเบียบมากนะคะ คงติดมาจากชาติก่อน
พับผ้าซะเรียบเชียว 5555

จากแฟน Goblin และเทใจให้ยัยหมวย คิมโกอึน ค่ะ

*** เพิ่มเติมในส่วนยมทูตค่ะ ***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่