ช่วงสองวันที่ผ่านมา....ให้เวลากับตัวเองนั่ง นอน อ่านหนังสือพึ่งจะออกใหม่สดๆ ร้อนๆ วางแผงต้อนรับปีใหม่ไม่กี่วันที่ผ่านมา “
A Great Place to Have a War” นานแล้วที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสจับหนังสือมาอ่าน คุณภรรยาเธอซื้อให้ช่วงปีใหม่ เป็นหนังสือที่พูดถึงสงครามลับในลาวล้วนๆ รวมทั้งเหล่า “ทหารรับจ้าง” จากฝั่งไทยหลายท่าน อย่างเช่นพลตรีจำลอง ศรีเมือง ที่เข้าไปร่วมขบวนด้วยเพราะช่วงนั้นเงินดอลลล่าห์สะพัดปลิวว่อนทั่วสองฟากฝั่งน้ำโขง และหนังสือนี้เป็นผลพ่วงหนึ่งที่ตามมาหลังการไปเยือนประเทศลาวครั้งแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ America in Laos and the Birth of a Military CIA คือสงครามลับในลาวและการถือกำเนิดของหน่วยปฏิบัติการทางทหารของซีไอเอ ตอนนี้ผมอ่านได้ค่อนเรื่องแล้ว ตื่นเต้น..และมีซอกมุมอะไรหลายอย่างที่น่าทึ่ง ตอนนี้ยังไม่มีแปลเป็นภาษาไทย....
“คำสาป” ของท้าว
ศรีโคตะบองที่ได้สาปประเทศลาวเอาไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วนั้นจะจริงเท็จอย่างไร...ก็ยังคงเป็นตำนานเล่าขานให้คนในพื้นที่ๆ ลาบลุ่มแม่น้ำโขงได้เล่าขานกันมาสืบถึงลูกหลาน “คำสาป” ที่สาปให้ประเทศลาวให้รุ่งเรืองได้ก็แค่เท่า
ช้างพับหู แค่งูแล่บลิ้นนั้น ปัจจุบันนี้...คำสาปนั้นได้ถูกถอนไปแล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา.....ประเทศลาวดูเหมือนกำลังจะพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ทีละนิดๆ ส่วนจะเกี่ยวกับการถอนคำสาปที่ทำอย่างเอิกเริกเมื่อยี่สิบกว่าที่ผ่านมาหรือไม่นั้นต้องใชวิจารณญานกันเอา
ย้อนกลับไปที่การเยือนประเทศลาวของบารัคไม่นานมานี้ หลังการเยือนครั้งนั้นบารัคได้ให้ความสนใจกรณีสงครามลับนี้เป็นพิเศษ ถึงกับเสนอเรื่องให้สภาครองเกรสยกขึ้นมาสืบสวนเหตุการณ์ในครั้งนั้นอีกครั้ง ตั้งแต่ปี2506 เป็นต้นมาที่เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามลับในลาวไม่เคยถูกเผยสู่สาธารณะแบบเป็นทางการจากสหรัฐเลย โดยส่วนตัวผมมองว่าการพ่ายแพ้สงครามเวียดนามอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่สหรัฐ ไม่ยอมปริปากพูดเรื่องสงครามลับในลาว ซึ่งเป็นสงครามที่มีการทิ้งลูกระเบิดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสงครามมนุษยชาติ จำนวนระเบิดที่หย่อนลงประเทศลาว มากกว่าระเบิดที่ทิ้งในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองรวมกัน!! และอีกสาเหตุหนึ่งคงจะเป็นด้วยว่าลาวและสหรัฐไม่เคยประกาศสงครามกันเลย การทิ้งระบิดจำนวนสองล้านตันในประเทศลาวโดยไม่ได้ประกาศสงครามกัน.......สหรัฐจึงผิดเต็มๆ (ตามหลักสากล) ไม่แปลก...ที่สหรัฐพยายามปิดปากเงียบในเรื่องนี้มาตลอด และหลายทศวรรษที่ผ่านมาสหรัฐพยายามสร้างภาพความเป็น “นักบุญ” ช่วยเหลือประเทศที่ยากจนต่างๆ ทั่วโลก แต่กับประเทศลาวสหรัฐเลี่ยงที่จะพูดหรือพูดให้น้อยที่สุดมาตลอด
ประเทศลาวถ้าเปรียบเสมือนร่างกาย....ดูเหมือนว่าร่างกายร่างนี้จะบอบช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า แทบจะไม่มีเวลาสร้างความเป็นปึกแผ่น และหากใครมีความเชื่อในไสยศาสตร์ ก็จะเห็นว่าคำสาป “ท้าวสีโครตสาปเวียง” นั้นใกล้จริงทีเดียวคือในหลายร้อยปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่คำสาปนั้นหลุดออกจากปากของท้าวศรีโครตมา ลาวก็มีแต่บอบช้ำ ประเทศแบ่งแยก เป็นเมืองขึ้นของต่างประเทศต่างๆ นี่ถ้าหาก “นางเขียวค้อม” ภรรยาท้าวศรีโครตไม่อ้อนวอนขอสามีให้บอกรหัสในการ “คำถอนสาป”ไว้ก่อนตาย ป่านนี้ประเทศลาวก็อาจจะคงเจริญได้แค่ช้างพับหู งูแล่บลิ้นตามตำนาน “ท้าวศรีโครตสาปเวียง” เท่านั้น
อนุสาวรีย์ท้าวศรีโครต ผู้สาปเมืองเวียงจันท์
ความบอบช้ำครั้งแล้วครั้งเล่าที่ประเทศลาวได้รับ จากการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งตกเป็นเมืองขึ้นของทั้ง พม่า สยาม หรือแม้แต่ประเทศจากดินแดนอันไกลโพ้นอย่างฝรั่งเศส และที่เลวร้ายที่สุดก็เห็นจะเป็น “สงครามลับ” ที่อเมริกาขนระเบิดมาทิ้งจำนวนสองล้านตันนี่แหละครับ สารคดีบีบีซีประเมินว่า ยังมีลูกระเบิดที่ยังฝังอยู่ในดินประเทศลาวอยู่หลายแสนตัน เข่นฆ่าคนลาวปีละ 300 คน และต้องใช้เวลาถึง 600 ปีถึงจะกู้ระเบิดหมด แต่ถ้าหากอเมริกายื่นมาเข้ามาช่วยด้วยเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยคงจะใช้เวลาไม่เกินสองร้อยปี หลังจากมีการพยายามและรณรงค์จากนานาชาติเรียกร้องให้สหรัฐเข้ามารับผิดชอบตรงนี้ และแนวโน้มสูงที่สหรัฐจะเข้ามาช่วยเหลือลาวในหลายๆ ด้าน ซึ่งท่าทีนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน ที่สหรัฐเคยตั้งเงื่อนไขว่าให้ทางการลาวช่วยค้นหาทหารจีไอที่หายตัวไปในระหว่างสงครามให้เพื่อแลกเปลี่ยนการช่วยเหลือ
แผนที่ประเทศลาวกับพื้นที่ๆ โดนสหรัฐทิ้งระเบิดจำนวนสองล้านตัน
จะด้วยสำนึกผิดหรือเกรงว่าประเทศจีนจะชิงส่วนนี้ไปเสียก่อน(และนั่นก็ถือว่าเป็นการตบหน้าสหรัฐตรงๆ ด้วย)ก็ไม่รู้ การบินมาเยือนลาวต่อจากจีนเป็นการส่งสัญญาณบอกจีนเป็นนัยๆ ว่าสหรัฐจะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือลาวทั้งเรื่องเศรษฐกิจและที่สำคัญก็คือการฟื้นฟูประเทศ โดยใช้ Landmine เป็นใบเบิกทางเข้ามาช่วยเหลือในการกู้ระเบิดที่สหรัฐเองนั่นแหละได้ทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงปลายสงครามเวียดนาม การเข้ายื่นมาเข้ามาในลาว(เพื่อสกัดกั้นการรุกคืบทางเศรษกิจของจีนในมุมมองผม(วัชรานนท์))นั้น สหรัฐสามารถอ้างข้อเรียกร้องจากนานาชาติที่ให้เข้ามารับผิดชอบตรงนี้ได้อย่างชอบธรรม ทั้งนักวิเคราะห์ไทยและเทศแทบจะวิจารณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า สหรัฐกำลังจะพยายามดึงลาวออกจากเงาครอบงำของจีนและเวียดนาม จริงเท็จแค่ไหนก็ต้องติดตามกันดู แต่ที่แน่ๆ ชั่วโมงนี้.....ลาวมีแต่ได้กับได้
ปีที่แล้วผมได้รับเกียรติจากสถานทูตลาวในลอนดอนให้ไปร่วมงานเปิดสถานทูตลาว-อังกฤษ ที่เคยระงับความสัมพันธ์มาหกสิบกว่าปีแล้ว ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของลาวและอังกฤษ มีโอกาสได้นั่งคุยกับพณฯ ท่านทูตและเจ้าหน้าที่ของอังกฤษ สองฝ่ายมั่นใจว่าสัมพันธไมตรีจะกระชับขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผมจำไม่ผิด รัฐบาลอังกฤษและสหภาพยุโรปไม่เก็บภาษีหรือเก็บภาษีขาเข้าจากประเทศลาวในระดับที่ต่ำมาก นั่นเป็นการช่วยเหลือทางเศรษกิจและกระตุ้นการลงทุนในลาวจากภาคพื้นยุโรป ส่วนการให้ความช่วยเหลือในการกู้ระเบิดน้ัน นานาชาติอย่างยุโรป แคนาดา ออสเตรเลียได้ให้ความช่วยเหลือลาวมาเป็นสิบๆ ปีกแล้ว ยิ่งตอนหลังมีสหรัฐเสริมเข้าไปอีก ประเทศลาวอาจจะไม่รุ่งเรืองเท่าช้างพับหู เท่างูแล่บลิ้นเหมือนคำสาปอีกต่อไปแล้ว
สถานทูตลาว ประจำกรุงลอนดอน ลาว-อังกฤษเริ่มเปิดสัมพันธไมตรีกันอีกครั้งหลังจากที่หยุดไปหกสิบกว่าปี
พณ เอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอนคน
ภริยาท่านเอกอัครราชทูต กำลังสาละวนตกแต่งเครื่องบายศรีสู่ขวัญด้วยตัวท่านเอง
ครอบครัวของท่านทูต
...."เบิ่งลาว” ควันหลงหลังการเยือนประเทศลาวครั้งแรกของ(อดีต)ประธานาธิบดีสหรัฐ...../ วัชรานนท์
“คำสาป” ของท้าวศรีโคตะบองที่ได้สาปประเทศลาวเอาไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วนั้นจะจริงเท็จอย่างไร...ก็ยังคงเป็นตำนานเล่าขานให้คนในพื้นที่ๆ ลาบลุ่มแม่น้ำโขงได้เล่าขานกันมาสืบถึงลูกหลาน “คำสาป” ที่สาปให้ประเทศลาวให้รุ่งเรืองได้ก็แค่เท่าช้างพับหู แค่งูแล่บลิ้นนั้น ปัจจุบันนี้...คำสาปนั้นได้ถูกถอนไปแล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา.....ประเทศลาวดูเหมือนกำลังจะพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ทีละนิดๆ ส่วนจะเกี่ยวกับการถอนคำสาปที่ทำอย่างเอิกเริกเมื่อยี่สิบกว่าที่ผ่านมาหรือไม่นั้นต้องใชวิจารณญานกันเอา
ย้อนกลับไปที่การเยือนประเทศลาวของบารัคไม่นานมานี้ หลังการเยือนครั้งนั้นบารัคได้ให้ความสนใจกรณีสงครามลับนี้เป็นพิเศษ ถึงกับเสนอเรื่องให้สภาครองเกรสยกขึ้นมาสืบสวนเหตุการณ์ในครั้งนั้นอีกครั้ง ตั้งแต่ปี2506 เป็นต้นมาที่เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามลับในลาวไม่เคยถูกเผยสู่สาธารณะแบบเป็นทางการจากสหรัฐเลย โดยส่วนตัวผมมองว่าการพ่ายแพ้สงครามเวียดนามอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่สหรัฐ ไม่ยอมปริปากพูดเรื่องสงครามลับในลาว ซึ่งเป็นสงครามที่มีการทิ้งลูกระเบิดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสงครามมนุษยชาติ จำนวนระเบิดที่หย่อนลงประเทศลาว มากกว่าระเบิดที่ทิ้งในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองรวมกัน!! และอีกสาเหตุหนึ่งคงจะเป็นด้วยว่าลาวและสหรัฐไม่เคยประกาศสงครามกันเลย การทิ้งระบิดจำนวนสองล้านตันในประเทศลาวโดยไม่ได้ประกาศสงครามกัน.......สหรัฐจึงผิดเต็มๆ (ตามหลักสากล) ไม่แปลก...ที่สหรัฐพยายามปิดปากเงียบในเรื่องนี้มาตลอด และหลายทศวรรษที่ผ่านมาสหรัฐพยายามสร้างภาพความเป็น “นักบุญ” ช่วยเหลือประเทศที่ยากจนต่างๆ ทั่วโลก แต่กับประเทศลาวสหรัฐเลี่ยงที่จะพูดหรือพูดให้น้อยที่สุดมาตลอด
ประเทศลาวถ้าเปรียบเสมือนร่างกาย....ดูเหมือนว่าร่างกายร่างนี้จะบอบช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า แทบจะไม่มีเวลาสร้างความเป็นปึกแผ่น และหากใครมีความเชื่อในไสยศาสตร์ ก็จะเห็นว่าคำสาป “ท้าวสีโครตสาปเวียง” นั้นใกล้จริงทีเดียวคือในหลายร้อยปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่คำสาปนั้นหลุดออกจากปากของท้าวศรีโครตมา ลาวก็มีแต่บอบช้ำ ประเทศแบ่งแยก เป็นเมืองขึ้นของต่างประเทศต่างๆ นี่ถ้าหาก “นางเขียวค้อม” ภรรยาท้าวศรีโครตไม่อ้อนวอนขอสามีให้บอกรหัสในการ “คำถอนสาป”ไว้ก่อนตาย ป่านนี้ประเทศลาวก็อาจจะคงเจริญได้แค่ช้างพับหู งูแล่บลิ้นตามตำนาน “ท้าวศรีโครตสาปเวียง” เท่านั้น
อนุสาวรีย์ท้าวศรีโครต ผู้สาปเมืองเวียงจันท์
ความบอบช้ำครั้งแล้วครั้งเล่าที่ประเทศลาวได้รับ จากการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งตกเป็นเมืองขึ้นของทั้ง พม่า สยาม หรือแม้แต่ประเทศจากดินแดนอันไกลโพ้นอย่างฝรั่งเศส และที่เลวร้ายที่สุดก็เห็นจะเป็น “สงครามลับ” ที่อเมริกาขนระเบิดมาทิ้งจำนวนสองล้านตันนี่แหละครับ สารคดีบีบีซีประเมินว่า ยังมีลูกระเบิดที่ยังฝังอยู่ในดินประเทศลาวอยู่หลายแสนตัน เข่นฆ่าคนลาวปีละ 300 คน และต้องใช้เวลาถึง 600 ปีถึงจะกู้ระเบิดหมด แต่ถ้าหากอเมริกายื่นมาเข้ามาช่วยด้วยเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยคงจะใช้เวลาไม่เกินสองร้อยปี หลังจากมีการพยายามและรณรงค์จากนานาชาติเรียกร้องให้สหรัฐเข้ามารับผิดชอบตรงนี้ และแนวโน้มสูงที่สหรัฐจะเข้ามาช่วยเหลือลาวในหลายๆ ด้าน ซึ่งท่าทีนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน ที่สหรัฐเคยตั้งเงื่อนไขว่าให้ทางการลาวช่วยค้นหาทหารจีไอที่หายตัวไปในระหว่างสงครามให้เพื่อแลกเปลี่ยนการช่วยเหลือ
แผนที่ประเทศลาวกับพื้นที่ๆ โดนสหรัฐทิ้งระเบิดจำนวนสองล้านตัน
จะด้วยสำนึกผิดหรือเกรงว่าประเทศจีนจะชิงส่วนนี้ไปเสียก่อน(และนั่นก็ถือว่าเป็นการตบหน้าสหรัฐตรงๆ ด้วย)ก็ไม่รู้ การบินมาเยือนลาวต่อจากจีนเป็นการส่งสัญญาณบอกจีนเป็นนัยๆ ว่าสหรัฐจะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือลาวทั้งเรื่องเศรษฐกิจและที่สำคัญก็คือการฟื้นฟูประเทศ โดยใช้ Landmine เป็นใบเบิกทางเข้ามาช่วยเหลือในการกู้ระเบิดที่สหรัฐเองนั่นแหละได้ทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงปลายสงครามเวียดนาม การเข้ายื่นมาเข้ามาในลาว(เพื่อสกัดกั้นการรุกคืบทางเศรษกิจของจีนในมุมมองผม(วัชรานนท์))นั้น สหรัฐสามารถอ้างข้อเรียกร้องจากนานาชาติที่ให้เข้ามารับผิดชอบตรงนี้ได้อย่างชอบธรรม ทั้งนักวิเคราะห์ไทยและเทศแทบจะวิจารณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า สหรัฐกำลังจะพยายามดึงลาวออกจากเงาครอบงำของจีนและเวียดนาม จริงเท็จแค่ไหนก็ต้องติดตามกันดู แต่ที่แน่ๆ ชั่วโมงนี้.....ลาวมีแต่ได้กับได้
ปีที่แล้วผมได้รับเกียรติจากสถานทูตลาวในลอนดอนให้ไปร่วมงานเปิดสถานทูตลาว-อังกฤษ ที่เคยระงับความสัมพันธ์มาหกสิบกว่าปีแล้ว ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของลาวและอังกฤษ มีโอกาสได้นั่งคุยกับพณฯ ท่านทูตและเจ้าหน้าที่ของอังกฤษ สองฝ่ายมั่นใจว่าสัมพันธไมตรีจะกระชับขึ้นเรื่อยๆ ถ้าผมจำไม่ผิด รัฐบาลอังกฤษและสหภาพยุโรปไม่เก็บภาษีหรือเก็บภาษีขาเข้าจากประเทศลาวในระดับที่ต่ำมาก นั่นเป็นการช่วยเหลือทางเศรษกิจและกระตุ้นการลงทุนในลาวจากภาคพื้นยุโรป ส่วนการให้ความช่วยเหลือในการกู้ระเบิดน้ัน นานาชาติอย่างยุโรป แคนาดา ออสเตรเลียได้ให้ความช่วยเหลือลาวมาเป็นสิบๆ ปีกแล้ว ยิ่งตอนหลังมีสหรัฐเสริมเข้าไปอีก ประเทศลาวอาจจะไม่รุ่งเรืองเท่าช้างพับหู เท่างูแล่บลิ้นเหมือนคำสาปอีกต่อไปแล้ว
สถานทูตลาว ประจำกรุงลอนดอน ลาว-อังกฤษเริ่มเปิดสัมพันธไมตรีกันอีกครั้งหลังจากที่หยุดไปหกสิบกว่าปี
พณ เอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอนคน
ภริยาท่านเอกอัครราชทูต กำลังสาละวนตกแต่งเครื่องบายศรีสู่ขวัญด้วยตัวท่านเอง
ครอบครัวของท่านทูต