พรุ่งนี้แล้ว ที่เหล่าแฟนคลับ เฉินหลง จะได้พบกับตัวจริงอีกครั้ง ในรอบ 3 ปี โดยครั้งนี้ เขาได้ชวน ถังจี้หลี่ หรือ สแตนลีย์ ตง มาพบปะแฟนๆในประเทศไทยอีกด้วย เราลองมาทำความรู้จัก ชายวัยกลางคนผู้ร่วมงานที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติมาพร้อมๆกับ เฉินหลง ในฐานะ ผู้สร้าง และ ผู้กำกับการแสดง
สแตนลีย์ ตง ไต่เต้าจากสตั๊นท์แมน ผู้ควบคุมความต่อเนื่อง ตากล้อง ผู้กำกับคิวบู๊ ผู้ช่วยผู้กำกับ ผู้กำกับ และ เขียนบท เริ่มงานในฐานะผู้กำกับครั้งแรกในเรื่อง เชือด เชือด นิ่มนิ่ม 2 (Angels 2) ในปี 1989 โดยควบตำแหน่ง ผู้กำกับคิวบู๊ อีก 1 ตำแหน่ง
หลังจากนั้นในปี 1991 เขาได้ทำหน้าที่ อำนวยการสร้างครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่อง ป๊อง ป๊อง เมืองคนยุ่ง (THE STONE AGE WARRIORS) พร้อมทั้งเป็น ผู้กำกับคิวบู๊ และกำกับการแสดง หนังที่เข้าไปถ่ายทำในแอฟริกา และเป็นหนังผจญภัยที่สนุกมากๆเรื่องหนึ่ง
และจากเรื่องนี้เอง ถัดมาในปี 1992 เขาก็ได้ร่วมงานกับ เฉินหลง เป็นเรื่องแรกใน วิ่งสู้ฟัด 3 (Police Story 3 – Supercop) ในฐานะผู้กำกับ และ กำกับคิวบู๊ ก่อนที่จะมีผลงานร่วมกับเฉินหลงอีกหลายเรื่องต่อมา เช่น วิ่งสู้ฟัด ตอน ซือเจ๊ฟัดเอง (Project S) รับหน้าที่กำกับการแสดง เขียนบท กำกับคิวบู๊
ที่แม้ เฉินหลงจะไม่ได้นำแสดง แต่ก็เป็นผลงานสร้างของเขา และยังได้มาร่วมรับเชิญในหนังอีกด้วย
และหนังที่ถือว่า ประสบความสำเร็จ มากที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตของ เฉินหลง และ สแตนลีย์ ตง ก็คือ ใหญ่ฟัดโลก (Rumble In The Bronx) หนังที่สามารถขึ้นอันดับ 1 Box Office ของอเมริกาได้สำเร็จ ทำให้ฮอลลีวู้ดเริ่มหันเหความสนใจมาที่ตัวมังกรหนุ่มคนนี้ และถือเป็นหนังที่บุกเบิกตลาดฮอลลีวูดให้กับตัว เฉินหลง จนนำไปสู่การร่วมงานกับ นิวไลน์ ซีนีมา ใน Rush Hour ภาคแรก ในอีก 3 ปีต่อมา ความสำเร็จของ ใหญ่ฟัดโลก (Rumble In The Bronx) ไม่เพียงแค่ในอเมริกา แม้แต่ในเอเชียเองก็โด่งดังไม่แพ้กัน และในบ้านเรา เฉินหลง ก็เดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์ด้วยตัวเอง ที่ EGV สาขา ซีอนสแควร์ เมื่อปี 2538 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดดำเนินการของสาขานี้อีกด้วย
หลังความสำเร็จอันงดงาม สแตนลีย์ ตง และ เฉินหลง ก็กลับมาร่วมงานกันในหนังที่ควรใช้ชื่อไทยว่า วิ่งสู้ฟัด ภาค 4 (First Strike) แต่จากความโด่งดังสุดขีดของ ใหญ่ฟัดโลก ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกตั้งชื่อไทยเป็น ใหญ่ฟัดโลก ภาค 2 ไปซะอย่างนั้น ทำให้ หนังชุด วิ่งสู้ฟัด ในบ้านเราไม่มีภาค 4 ไปโดยปริยาย แต่ตัวหนังก็ยังคงสไตล์ วิ่งสู้ฟัด ทั้งงานสร้างที่ไปไกลถึง รัสเซีย ฉากอันตรายอย่างการไล่ล่ากันบนภูเขาหิมะ คิวบู๊ในอควาเรียมที่ใช้เลี้ยงปลาฉลามตัวจริงๆเป็นๆ
หลังจากอิ่มตัวกับหนังฮ่องกง ก็ได้เวลาของ ตง ที่จะโบยบินไปร่วมงานกับฮอลลีวู้ดบ้าง ในปี 1997 กับงานกำกับหนังคอมเมดี้อย่าง มิสเตอร์มากู คุณลุงจอมเฟอะ Mr.Magoo และ ใน ซีรีย์ Martial Law ที่ออกอากาศใน CBS โดยรับกำกับในบางตอนและได้ร่วมงานกับ หงจินเป่า ถือว่างานภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
ในปี 1998 สแตนลีย์ ตง รับงานเป็นหนึ่งในผู้ถูกสัมภาษณ์กับ JACKIE CHAN : MY STORY หนังสารคดีของเฉินหลงเอง เมื่อปี 2000 เขาจึงกลับมาทำหนังในฮ่องกงอีกครั้งกับเรื่อง เหิรเกินนรก (China Strike Force) และปี 2005 กลับมาร่วมงานกับ เฉินหลง อีกครั้งโดยรับหน้าที่ เขียนบท กำกับคิวบู๊ และ กำกับการแสดงใน ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา (The Myth) หนังย้อนยุคที่ถูกกล่าวขานถึงความโรแมนติคเรื่องหนึ่งของ เฉินหลง
ปี 2012 รับหน้าที่อำนวยการสร้างในหนังที่ เฉินหลง ทำหน้าที่กำกับเองอย่าง วิ่ง ปล้น ฟัด (Chinese Zodiac CZ12) ที่ว่ากันว่า เป็น ภาคต่อภาคที่ 3 ของ ใหญ่สั่งมาเกิด แต่สุดท้ายก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก และ มาถึงปีนี้ การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 8 ของเขาทั้งคู่ กับงานที่ดึงเอาตัวละคร แจ็ค ใน The Myth มาใช้บนโลเกชั่นคล้ายๆกัน แต่ยกระดับงานสร้างให้ดูทันสมัยและบทในยุคปัจจุบัน กับการผสานศาสตร์กังฟูและโยคะ น่าจะทำให้ Kung Fu Yoga – โยคะสู้ฟัด น่าสนใจมากขึ้นแน่นอน มารอดูกัน 26 มกราคม ในโรงภาพยนตร์
สรุป 8 เรื่องที่ร่วมงานกับ เฉินหลง
1992 – วิ่งสู้ฟัด 3 (Police Story 3 – Supercop) กำกับการแสดง กำกับคิวบู๊
1993 – วิ่งสู้ฟัด ตอน ซือเจ๊ฟัดเอง (Project S) กำกับการแสดง เขียนบท กำกับคิวบู๊
1995 – ใหญ่ฟัดโลก (Rumble In The Bronx) กำกับการแสดง กำกับคิวบู๊
1996 – ใหญ่ฟัดโลก 2 (First Strike) กำกับการแสดง เขียนบท กำกับคิวบู๊
1998 – JACKIE CHAN : MY STORY ร่วมแสดง
2005 – ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา (The Myth) กำกับการแสดง เขียนบท กำกับคิวบู๊
2012 – วิ่ง ปล้น ฟัด (Chinese Zodiac CZ12) อำนวยการสร้าง
2017 – โยคะสู้ฟัด (Kung Fu Yoga) กำกับการแสดง กำกับคิวบู๊
เนื้อ หนัง กระดูกคู่ สแตนลีย์ ตง และ เฉินหลง กับงานล่าสุด KUNG FU YOGA
สแตนลีย์ ตง ไต่เต้าจากสตั๊นท์แมน ผู้ควบคุมความต่อเนื่อง ตากล้อง ผู้กำกับคิวบู๊ ผู้ช่วยผู้กำกับ ผู้กำกับ และ เขียนบท เริ่มงานในฐานะผู้กำกับครั้งแรกในเรื่อง เชือด เชือด นิ่มนิ่ม 2 (Angels 2) ในปี 1989 โดยควบตำแหน่ง ผู้กำกับคิวบู๊ อีก 1 ตำแหน่ง
หลังจากนั้นในปี 1991 เขาได้ทำหน้าที่ อำนวยการสร้างครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่อง ป๊อง ป๊อง เมืองคนยุ่ง (THE STONE AGE WARRIORS) พร้อมทั้งเป็น ผู้กำกับคิวบู๊ และกำกับการแสดง หนังที่เข้าไปถ่ายทำในแอฟริกา และเป็นหนังผจญภัยที่สนุกมากๆเรื่องหนึ่ง
และจากเรื่องนี้เอง ถัดมาในปี 1992 เขาก็ได้ร่วมงานกับ เฉินหลง เป็นเรื่องแรกใน วิ่งสู้ฟัด 3 (Police Story 3 – Supercop) ในฐานะผู้กำกับ และ กำกับคิวบู๊ ก่อนที่จะมีผลงานร่วมกับเฉินหลงอีกหลายเรื่องต่อมา เช่น วิ่งสู้ฟัด ตอน ซือเจ๊ฟัดเอง (Project S) รับหน้าที่กำกับการแสดง เขียนบท กำกับคิวบู๊
ที่แม้ เฉินหลงจะไม่ได้นำแสดง แต่ก็เป็นผลงานสร้างของเขา และยังได้มาร่วมรับเชิญในหนังอีกด้วย
และหนังที่ถือว่า ประสบความสำเร็จ มากที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตของ เฉินหลง และ สแตนลีย์ ตง ก็คือ ใหญ่ฟัดโลก (Rumble In The Bronx) หนังที่สามารถขึ้นอันดับ 1 Box Office ของอเมริกาได้สำเร็จ ทำให้ฮอลลีวู้ดเริ่มหันเหความสนใจมาที่ตัวมังกรหนุ่มคนนี้ และถือเป็นหนังที่บุกเบิกตลาดฮอลลีวูดให้กับตัว เฉินหลง จนนำไปสู่การร่วมงานกับ นิวไลน์ ซีนีมา ใน Rush Hour ภาคแรก ในอีก 3 ปีต่อมา ความสำเร็จของ ใหญ่ฟัดโลก (Rumble In The Bronx) ไม่เพียงแค่ในอเมริกา แม้แต่ในเอเชียเองก็โด่งดังไม่แพ้กัน และในบ้านเรา เฉินหลง ก็เดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์ด้วยตัวเอง ที่ EGV สาขา ซีอนสแควร์ เมื่อปี 2538 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดดำเนินการของสาขานี้อีกด้วย
หลังความสำเร็จอันงดงาม สแตนลีย์ ตง และ เฉินหลง ก็กลับมาร่วมงานกันในหนังที่ควรใช้ชื่อไทยว่า วิ่งสู้ฟัด ภาค 4 (First Strike) แต่จากความโด่งดังสุดขีดของ ใหญ่ฟัดโลก ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกตั้งชื่อไทยเป็น ใหญ่ฟัดโลก ภาค 2 ไปซะอย่างนั้น ทำให้ หนังชุด วิ่งสู้ฟัด ในบ้านเราไม่มีภาค 4 ไปโดยปริยาย แต่ตัวหนังก็ยังคงสไตล์ วิ่งสู้ฟัด ทั้งงานสร้างที่ไปไกลถึง รัสเซีย ฉากอันตรายอย่างการไล่ล่ากันบนภูเขาหิมะ คิวบู๊ในอควาเรียมที่ใช้เลี้ยงปลาฉลามตัวจริงๆเป็นๆ
หลังจากอิ่มตัวกับหนังฮ่องกง ก็ได้เวลาของ ตง ที่จะโบยบินไปร่วมงานกับฮอลลีวู้ดบ้าง ในปี 1997 กับงานกำกับหนังคอมเมดี้อย่าง มิสเตอร์มากู คุณลุงจอมเฟอะ Mr.Magoo และ ใน ซีรีย์ Martial Law ที่ออกอากาศใน CBS โดยรับกำกับในบางตอนและได้ร่วมงานกับ หงจินเป่า ถือว่างานภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
ในปี 1998 สแตนลีย์ ตง รับงานเป็นหนึ่งในผู้ถูกสัมภาษณ์กับ JACKIE CHAN : MY STORY หนังสารคดีของเฉินหลงเอง เมื่อปี 2000 เขาจึงกลับมาทำหนังในฮ่องกงอีกครั้งกับเรื่อง เหิรเกินนรก (China Strike Force) และปี 2005 กลับมาร่วมงานกับ เฉินหลง อีกครั้งโดยรับหน้าที่ เขียนบท กำกับคิวบู๊ และ กำกับการแสดงใน ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา (The Myth) หนังย้อนยุคที่ถูกกล่าวขานถึงความโรแมนติคเรื่องหนึ่งของ เฉินหลง
ปี 2012 รับหน้าที่อำนวยการสร้างในหนังที่ เฉินหลง ทำหน้าที่กำกับเองอย่าง วิ่ง ปล้น ฟัด (Chinese Zodiac CZ12) ที่ว่ากันว่า เป็น ภาคต่อภาคที่ 3 ของ ใหญ่สั่งมาเกิด แต่สุดท้ายก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก และ มาถึงปีนี้ การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 8 ของเขาทั้งคู่ กับงานที่ดึงเอาตัวละคร แจ็ค ใน The Myth มาใช้บนโลเกชั่นคล้ายๆกัน แต่ยกระดับงานสร้างให้ดูทันสมัยและบทในยุคปัจจุบัน กับการผสานศาสตร์กังฟูและโยคะ น่าจะทำให้ Kung Fu Yoga – โยคะสู้ฟัด น่าสนใจมากขึ้นแน่นอน มารอดูกัน 26 มกราคม ในโรงภาพยนตร์
สรุป 8 เรื่องที่ร่วมงานกับ เฉินหลง
1992 – วิ่งสู้ฟัด 3 (Police Story 3 – Supercop) กำกับการแสดง กำกับคิวบู๊
1993 – วิ่งสู้ฟัด ตอน ซือเจ๊ฟัดเอง (Project S) กำกับการแสดง เขียนบท กำกับคิวบู๊
1995 – ใหญ่ฟัดโลก (Rumble In The Bronx) กำกับการแสดง กำกับคิวบู๊
1996 – ใหญ่ฟัดโลก 2 (First Strike) กำกับการแสดง เขียนบท กำกับคิวบู๊
1998 – JACKIE CHAN : MY STORY ร่วมแสดง
2005 – ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา (The Myth) กำกับการแสดง เขียนบท กำกับคิวบู๊
2012 – วิ่ง ปล้น ฟัด (Chinese Zodiac CZ12) อำนวยการสร้าง
2017 – โยคะสู้ฟัด (Kung Fu Yoga) กำกับการแสดง กำกับคิวบู๊