สวัสดีจ้า เรามือใหม่หัดรีวิวเน้อ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกจ้า ก่อนจะไปเที่ยวทุกครั้ง ไม่ว่าจะเที่ยวไหนก็ตามก็จะมาหาข้อมูลทุกอย่างในพันทิปก่อนทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่พัก, สายการบิน , สถานที่ท่องเที่ยว , ร้านอาหาร , รถเช่า เป็นต้น วันนี้ก็จะมารีวิวให้เพื่อนๆบ้าง ^^ เราเองเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว ในประเทศ และ ต่างประเทศ ได้หมดถ้าสดชื่น ชอบหาโปรโมชั่นที่พักถูกๆ โปรเครื่องบินถูกๆ
วันนี้จะมารีวิว ทริปเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 4วัน3คืน เมื่อวันที่ 12-15 ธ.ค 59 ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่3 ของการเที่ยวฮ่องกง
Let's Start ---> ครั้งนี้เดินทางด้วยสายการบินEmirates Economy Class A380-800 สายการบิน 5 ดาว สายการบินEmirates เป็นสายการบินอันดับ1ของโลก จากรางวัลAirline of the year ของskytraxปี2016
เช็คอินเสร็จแล้วก็เดินเข้าเกท E8 เครื่องบินA-380-800 เป็นเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ถ้าข้อมูลผิดพลาดขออภัย อาจจะมีมาใหญ่กว่านี้แต่ยังไม่รู้) เครื่องบินอื่นๆที่บินมาลงที่สุวรรณภูมิสามารถเข้าจอดช่องไหนก็ได้ แต่A-380 ต้องจอดที่ E8 เพราะเครื่องใหญ่มาก จอดช่องอื่นไม่ได้จ้า
เครื่องนี้บินมาจากดูไบ แวะพักเครื่องที่ไทยและบินต่อไปฮ่องกง ดูจากในรูปอาจจะใหญ่ไม่พอ ของจริงใหญ่มากๆ ผู้โดยสารน่าจะมากกว่า 700 คน เครื่องรุ่นนี้เป็นเครื่อง4เครื่องยนต์ เป็นเครื่องบิน 2 ชั้น ชั้นล่างก็Economy ชั้นบนเป็นFirst class ดูจากในรูปอลังการสมกับความร่ำรวยของUAE รวยขนาดที่ว่าตอนนี้emirates มีเครื่องA380 ประมาณ 80 กว่าลำ เครื่องบินปกติอีกเกือบ200 บินทั่วโลกเลย
ขึ้นเครื่องแล้ว จองที่นั่งไว้ริมหน้าต่าง 75k เพราะก่อนจองที่นั่งก็ได้หาข้อมูลมาจากพันทิปเหมือนกันว่าควรนั่งตรงไหนให้เห็นวิวสวยๆ จากข้อมูลบอกว่าต้องนั่งให้พ้นปีก เพราะถ้าติดปีกจะมองไม่เห็นวิวอะไรเลย สรุปว่ารอด พ้นมานิดหน่อย เพราะเขาบอกว่าปีกของเครื่องรุ่นนี้ ใหญ่มาก ใหญ่กว่าสนามเทนนิส1สนามซะอีก
หูฟัง เพื่อดูหนัง ฟังเพลง ดูทีวี ICE entertainment นี่แจ่มสุดๆ หนังเยอะมากกกกกก มากจริงๆ ทั้งขาไปและกลับไม่ได้นอน ดูหนัง เล่นเกมส์ ฟินมาก เขาว่ากันว่า entertainment ของemirates นั่งเครื่องบินวนรอบโลก 1 รอบ ก็คงจะดู ฟัง เล่น ไม่หมด อันนี้น่าจะจริง
ในซองice ก็จะมีสติ๊กเกอร์ ให้ติดบนเบาะนั่ง สำหรับคนที่อยากนอน ห้ามปลุก หรือให้ปลุกเมื่อเสิร์ฟอาหาร หรือร้านduty free
นั่งสักพักก็จะมีลูกเรือมาแจกผ้าร้อน ลูกเรือก็จะมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส สำหรับใครที่พาเด็กๆไป ลูกเรือก็จะแจกชุดวาดระบายสี ของเล่น และผ้าห่มตุ๊กตา น่ารักมาก
หลังจากนั้นก็จะแจกเมนูอาหาร เมนูก็ประมาณนี้ ก่อนเดินทางเราสามารถเลือกอาหารในเว็ปไซต์ได้ก่อนเลย มีเป็น10ประเภทให้เลือก ทั้งมังสวิรัต ซีฟู๊ด หรือคนที่รักสุขภาพ มีทุกแบบให้เลือก แต่เราเลือกเป็นstandard มีให้เลือกปลากับไก่ เราเลือกเป็นไก่ทั้ง2รอบเลย
ตอนแรกสิ่งที่กลัวสุดสำหรับการบินกับemiratesคืออาหาร คือกลัวไปเองว่าสายการบินเมืองแขก กลัวไปเองว่าอาหารจะไม่อร่อย ต้องมีกลิ่นเครื่องเทศ ไม่ชอบ ไม่กินนนน แต่ๆๆๆ ผิดคาด กล้าพูดว่าอร่อยกว่าสายการบินของเราเนอะ กินหมดเกลี้ยง จานแรก ทูน่ารมควัน อร่อยยย จานหลักก็เป็นไก่ย่างราดซอสมะเขือเทศ มีมันฝรั่งแก้เลี่ยน ของหวานก็มีเค้กช็อกโกแลต ส่วนเครื่องดื่มก็มีหมด น้ำส้มโค้กแปปซี่สไปร์ท แอปเปิ้ล เบียร์ ไวน์ขาวแดง เครื่องดื่มร้อนก็ชากาแฟ เสิร์ฟเต็มที่เลยจ้า
อันนี้เป็นรูปกล้องจากปีกด้านหลัง จะเห็นว่าเครื่องบินใหญ่มากจริงๆ ความกว้างเท่าตึกนึงเลย
ในส่วนของราคาตั๋วเครื่องบิน ไปเที่ยวไหนมาไหนบอกเลย โปรทั้งนั้น รอจังหวะดีๆ จะได้ของดี5ดาว ราคาถูก ทั้งที่พัก ตั๋ว เเละอื่นๆ รวมแต่ละทริป ถูกกว่าเที่ยวในไทยทั้งนั้นราคาตั๋วไปกลับสุทธิ คนละ 4570 บาท รวมทุกสิ่งกระเป๋าโหลด30 กิโล เลือกที่นั่งฟรี อาหารเครื่องดื่ม ทุกสิ่งบนเครื่องที่ได้รีวิวมา รอบนี้จองกับcheapticket
เทคนิคการจองคือ จอง3คนขึ้นไปจะได้ลดอีกคนละ300 บาท และเมื่อชำระเงินกับบัตร Mastercard จะฟรีค่าธรรมเนียม จ่ายกับบัตรอื่น7-8ร้อยบาทเลย
มาถึงฮ่องกงแล้ว นั่งรถไฟเพื่อไปออกอีกTerminal พอถึงทางออกเราก็ไปซื้อบัตร Octopus ก่อนเลย ราคา150$hk ใช้ได้100 มัดจำอีก50 ไว้เเลกเงินคืนได้ก่อนกลับ บัตรนี้สะดวกมากเลย ใครที่จะมาเที่ยวฮ่องกง เที่ยวง่ายไม่ยากเลย เพราะบ้านเมืองเค้าเป็นระบบ บัตรที่ควรมีคือบัตร Octopus หรือบัตร MTR แบบone day ลองคำนวนดูว่าควรซื้อบัตรไหนคุ้มกว่า สำหรับเรารอบนี้ซื้อบัตรoctopus บัตรสามารถเติมเงินได้ นั่งรถ รถไฟ ซื้อของ กินข้าว ได้หมดแทบทุกร้าน สะดวกสุดๆ ส่วนบัตรเหมารถไฟ ราคา65$ เหมา24 ชม เฉพาะmtr
ถึงที่พักเวลา 1 ทุ่ม ที่พักรอบนี้ได้นอนโรงแรมสบายๆอีกแล้ว ใครจะไปฮ่องกง แนะนำเลย Best western grand โรงแรม 29 ชั้น ย่านTsimshatsuiใครที่เคยไปก็น่าจะทราบว่าฮ่องกง ที่พักแพง ส่วนใหญ่ถ้าไปเที่ยวเองจะนอนโฮสเทล คืนนึงก็พันนิดๆ ถ้าเป็นโรงแรม 3500+
แนะนำที่นี่เพราะLocationดี ใกล้สถานีรถไฟ Jordan ExitD ทางออกโรงแรมออกได้2ถนน สะดวกมาก ในซอยก็ของกินเพียบ ตรงถนนHollywood อาหารนานาชาติเพียบ ไม่อดเเน่นอน ข้างๆก็มี7-11 มีbar ปากซอยก็มีร้านwaffle เจ้าเก่าแก่อยู่ด้วย ร้านน้ำมะม่วง ว่าง่ายๆอยู่กลางแหล่งกินและช็อปปิ้ง ออกได้ทั้งถนน Austin และ kimberley ห้องพักอยู่ชั้น18 ในฮ่องกงไม่ต้องแปลกใจว่าห้องพักแคบ เพราะเป็นเกาะ พื้นที่ใช้สอยน้อย ที่ดินแพงมากกกก เพราะฉะนั้นโรงแรมจะดาวมากหรือน้อยก็ไม่นิยมทำห้องใหญ่มาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกมีครบครัน
ห้องพักก็จองผ่านagoda 2355 บาท บังเอิญเจอโปรลดพอดี และมีส่วนต่อที่2ลดอีก800บาท จากการสะสมแต้มเข้าพัก และลดที่3 จากการใช้บัตรเครดิตจอง ลดเพิ่มอีก7% จากราคาหน้าเว็ปประมาณ 3800 บาทตือคืน ในห้องก็สบายดี แต่แคบไปหน่อยตามสไตล์ฮ่องกง แคบกว่านี้ก็เคยนอนมาแล้ว อิอิ ในห้องมีadapterให้ห้องละ1อัน เอาแต่ปลั๊กสามตาไปก็พอ นอนแบบไม่ต้องเปิดแอร์ เพราะอากาศหนาว
แอปที่ควรโหลดติดไว้ในมือถือคือ mtr mobile จะขึ้นสถานีไหนลงไหน บอกได้หมด จะเที่ยวไหนยังไงได้หมด มีบอกราคาด้วย จะได้วางแผนถูก อีกแอปก็คือ DiscoverHK จะบอกสถานที่ท่องเที่ยว วิธีการเดินทาง
วันแรกก็เดินช้อปปิ้ง หาของกิน ร้านวาฟเฟิล ชิ้นละ22$ ร้านนี้แป้งอร่อย หอมดี มีคนต่อคิวเยอะมาก
และต้องกินเมื่อมาฮ่องกงคือ น้ำมะม่วงปั่น อร่อยมาก เนื้อมะม่วงเต็มๆ หอม หวาน มัน อร่อย แก้วละ27$ อีกเมนูที่กินวันแรก และขอแนะนำคนที่จะไปเที่ยวว่าต้องลอง อร่อยกว่าน้ำมะม่วงปั่นอย่างเดียว ด้านล่างเป็นเจลลี่ว่านหาง ตรงกลางมะม่วงปั่น ด้านบนเป็นเหมือนกะทิ แล้วโรยด้วยเนื้อมะม่วง เวลาดูด ดูดจากล่างขึ้นบน เหมือนว่ากำลังกินข้าวเหนียวมะม่วง อร่อยมากๆ 10 ดาวไปเลยเมนูนี้
อาหารฮ่องกงโดยแท้ก็จะประมาณนี้ ข้าวหน้าเป็ด คะน้าน้ำมันหอย บะหมี่น้ำลูกชิ้น ค่าใช้จ่ายในมื้ออาหารในฮ่องกงค่อนข้างแพง ฮ่องกงค่าครองชีพสูง อาหารและน้ำ1มื้อต่อคนประมาณ300บาทไทย แต่ถ้าจะกินแนะนำกิน1จาน2คนเพราะจานใหญ่มาก กินไม่หมดแน่ๆ
วันแรกมาถึงก็ค่ำแล้ว ก็เดินหาของกินเรื่อยๆ เดินช้อปแบรนด์ต่างๆ เดินดูผู้คน บ้านเมืองยามค่ำคืน ตอนที่ไปอากาศก็เย็นสบายๆ 20-22c
เดี๋ยวมาต่อวันที่2จ้า...
[CR] รีวิว เที่ยวฮ่องกง มาเก๊า 4วัน3คืน บิน Emirates ราคาโปรโมชั่น
วันนี้จะมารีวิว ทริปเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 4วัน3คืน เมื่อวันที่ 12-15 ธ.ค 59 ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่3 ของการเที่ยวฮ่องกง
Let's Start ---> ครั้งนี้เดินทางด้วยสายการบินEmirates Economy Class A380-800 สายการบิน 5 ดาว สายการบินEmirates เป็นสายการบินอันดับ1ของโลก จากรางวัลAirline of the year ของskytraxปี2016
เช็คอินเสร็จแล้วก็เดินเข้าเกท E8 เครื่องบินA-380-800 เป็นเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ถ้าข้อมูลผิดพลาดขออภัย อาจจะมีมาใหญ่กว่านี้แต่ยังไม่รู้) เครื่องบินอื่นๆที่บินมาลงที่สุวรรณภูมิสามารถเข้าจอดช่องไหนก็ได้ แต่A-380 ต้องจอดที่ E8 เพราะเครื่องใหญ่มาก จอดช่องอื่นไม่ได้จ้า
เครื่องนี้บินมาจากดูไบ แวะพักเครื่องที่ไทยและบินต่อไปฮ่องกง ดูจากในรูปอาจจะใหญ่ไม่พอ ของจริงใหญ่มากๆ ผู้โดยสารน่าจะมากกว่า 700 คน เครื่องรุ่นนี้เป็นเครื่อง4เครื่องยนต์ เป็นเครื่องบิน 2 ชั้น ชั้นล่างก็Economy ชั้นบนเป็นFirst class ดูจากในรูปอลังการสมกับความร่ำรวยของUAE รวยขนาดที่ว่าตอนนี้emirates มีเครื่องA380 ประมาณ 80 กว่าลำ เครื่องบินปกติอีกเกือบ200 บินทั่วโลกเลย
ขึ้นเครื่องแล้ว จองที่นั่งไว้ริมหน้าต่าง 75k เพราะก่อนจองที่นั่งก็ได้หาข้อมูลมาจากพันทิปเหมือนกันว่าควรนั่งตรงไหนให้เห็นวิวสวยๆ จากข้อมูลบอกว่าต้องนั่งให้พ้นปีก เพราะถ้าติดปีกจะมองไม่เห็นวิวอะไรเลย สรุปว่ารอด พ้นมานิดหน่อย เพราะเขาบอกว่าปีกของเครื่องรุ่นนี้ ใหญ่มาก ใหญ่กว่าสนามเทนนิส1สนามซะอีก
หูฟัง เพื่อดูหนัง ฟังเพลง ดูทีวี ICE entertainment นี่แจ่มสุดๆ หนังเยอะมากกกกกก มากจริงๆ ทั้งขาไปและกลับไม่ได้นอน ดูหนัง เล่นเกมส์ ฟินมาก เขาว่ากันว่า entertainment ของemirates นั่งเครื่องบินวนรอบโลก 1 รอบ ก็คงจะดู ฟัง เล่น ไม่หมด อันนี้น่าจะจริง
ในซองice ก็จะมีสติ๊กเกอร์ ให้ติดบนเบาะนั่ง สำหรับคนที่อยากนอน ห้ามปลุก หรือให้ปลุกเมื่อเสิร์ฟอาหาร หรือร้านduty free
นั่งสักพักก็จะมีลูกเรือมาแจกผ้าร้อน ลูกเรือก็จะมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส สำหรับใครที่พาเด็กๆไป ลูกเรือก็จะแจกชุดวาดระบายสี ของเล่น และผ้าห่มตุ๊กตา น่ารักมาก
หลังจากนั้นก็จะแจกเมนูอาหาร เมนูก็ประมาณนี้ ก่อนเดินทางเราสามารถเลือกอาหารในเว็ปไซต์ได้ก่อนเลย มีเป็น10ประเภทให้เลือก ทั้งมังสวิรัต ซีฟู๊ด หรือคนที่รักสุขภาพ มีทุกแบบให้เลือก แต่เราเลือกเป็นstandard มีให้เลือกปลากับไก่ เราเลือกเป็นไก่ทั้ง2รอบเลย
ตอนแรกสิ่งที่กลัวสุดสำหรับการบินกับemiratesคืออาหาร คือกลัวไปเองว่าสายการบินเมืองแขก กลัวไปเองว่าอาหารจะไม่อร่อย ต้องมีกลิ่นเครื่องเทศ ไม่ชอบ ไม่กินนนน แต่ๆๆๆ ผิดคาด กล้าพูดว่าอร่อยกว่าสายการบินของเราเนอะ กินหมดเกลี้ยง จานแรก ทูน่ารมควัน อร่อยยย จานหลักก็เป็นไก่ย่างราดซอสมะเขือเทศ มีมันฝรั่งแก้เลี่ยน ของหวานก็มีเค้กช็อกโกแลต ส่วนเครื่องดื่มก็มีหมด น้ำส้มโค้กแปปซี่สไปร์ท แอปเปิ้ล เบียร์ ไวน์ขาวแดง เครื่องดื่มร้อนก็ชากาแฟ เสิร์ฟเต็มที่เลยจ้า
อันนี้เป็นรูปกล้องจากปีกด้านหลัง จะเห็นว่าเครื่องบินใหญ่มากจริงๆ ความกว้างเท่าตึกนึงเลย
ในส่วนของราคาตั๋วเครื่องบิน ไปเที่ยวไหนมาไหนบอกเลย โปรทั้งนั้น รอจังหวะดีๆ จะได้ของดี5ดาว ราคาถูก ทั้งที่พัก ตั๋ว เเละอื่นๆ รวมแต่ละทริป ถูกกว่าเที่ยวในไทยทั้งนั้นราคาตั๋วไปกลับสุทธิ คนละ 4570 บาท รวมทุกสิ่งกระเป๋าโหลด30 กิโล เลือกที่นั่งฟรี อาหารเครื่องดื่ม ทุกสิ่งบนเครื่องที่ได้รีวิวมา รอบนี้จองกับcheapticket
เทคนิคการจองคือ จอง3คนขึ้นไปจะได้ลดอีกคนละ300 บาท และเมื่อชำระเงินกับบัตร Mastercard จะฟรีค่าธรรมเนียม จ่ายกับบัตรอื่น7-8ร้อยบาทเลย
มาถึงฮ่องกงแล้ว นั่งรถไฟเพื่อไปออกอีกTerminal พอถึงทางออกเราก็ไปซื้อบัตร Octopus ก่อนเลย ราคา150$hk ใช้ได้100 มัดจำอีก50 ไว้เเลกเงินคืนได้ก่อนกลับ บัตรนี้สะดวกมากเลย ใครที่จะมาเที่ยวฮ่องกง เที่ยวง่ายไม่ยากเลย เพราะบ้านเมืองเค้าเป็นระบบ บัตรที่ควรมีคือบัตร Octopus หรือบัตร MTR แบบone day ลองคำนวนดูว่าควรซื้อบัตรไหนคุ้มกว่า สำหรับเรารอบนี้ซื้อบัตรoctopus บัตรสามารถเติมเงินได้ นั่งรถ รถไฟ ซื้อของ กินข้าว ได้หมดแทบทุกร้าน สะดวกสุดๆ ส่วนบัตรเหมารถไฟ ราคา65$ เหมา24 ชม เฉพาะmtr
ถึงที่พักเวลา 1 ทุ่ม ที่พักรอบนี้ได้นอนโรงแรมสบายๆอีกแล้ว ใครจะไปฮ่องกง แนะนำเลย Best western grand โรงแรม 29 ชั้น ย่านTsimshatsuiใครที่เคยไปก็น่าจะทราบว่าฮ่องกง ที่พักแพง ส่วนใหญ่ถ้าไปเที่ยวเองจะนอนโฮสเทล คืนนึงก็พันนิดๆ ถ้าเป็นโรงแรม 3500+
แนะนำที่นี่เพราะLocationดี ใกล้สถานีรถไฟ Jordan ExitD ทางออกโรงแรมออกได้2ถนน สะดวกมาก ในซอยก็ของกินเพียบ ตรงถนนHollywood อาหารนานาชาติเพียบ ไม่อดเเน่นอน ข้างๆก็มี7-11 มีbar ปากซอยก็มีร้านwaffle เจ้าเก่าแก่อยู่ด้วย ร้านน้ำมะม่วง ว่าง่ายๆอยู่กลางแหล่งกินและช็อปปิ้ง ออกได้ทั้งถนน Austin และ kimberley ห้องพักอยู่ชั้น18 ในฮ่องกงไม่ต้องแปลกใจว่าห้องพักแคบ เพราะเป็นเกาะ พื้นที่ใช้สอยน้อย ที่ดินแพงมากกกก เพราะฉะนั้นโรงแรมจะดาวมากหรือน้อยก็ไม่นิยมทำห้องใหญ่มาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกมีครบครัน
ห้องพักก็จองผ่านagoda 2355 บาท บังเอิญเจอโปรลดพอดี และมีส่วนต่อที่2ลดอีก800บาท จากการสะสมแต้มเข้าพัก และลดที่3 จากการใช้บัตรเครดิตจอง ลดเพิ่มอีก7% จากราคาหน้าเว็ปประมาณ 3800 บาทตือคืน ในห้องก็สบายดี แต่แคบไปหน่อยตามสไตล์ฮ่องกง แคบกว่านี้ก็เคยนอนมาแล้ว อิอิ ในห้องมีadapterให้ห้องละ1อัน เอาแต่ปลั๊กสามตาไปก็พอ นอนแบบไม่ต้องเปิดแอร์ เพราะอากาศหนาว
แอปที่ควรโหลดติดไว้ในมือถือคือ mtr mobile จะขึ้นสถานีไหนลงไหน บอกได้หมด จะเที่ยวไหนยังไงได้หมด มีบอกราคาด้วย จะได้วางแผนถูก อีกแอปก็คือ DiscoverHK จะบอกสถานที่ท่องเที่ยว วิธีการเดินทาง
วันแรกก็เดินช้อปปิ้ง หาของกิน ร้านวาฟเฟิล ชิ้นละ22$ ร้านนี้แป้งอร่อย หอมดี มีคนต่อคิวเยอะมาก
และต้องกินเมื่อมาฮ่องกงคือ น้ำมะม่วงปั่น อร่อยมาก เนื้อมะม่วงเต็มๆ หอม หวาน มัน อร่อย แก้วละ27$ อีกเมนูที่กินวันแรก และขอแนะนำคนที่จะไปเที่ยวว่าต้องลอง อร่อยกว่าน้ำมะม่วงปั่นอย่างเดียว ด้านล่างเป็นเจลลี่ว่านหาง ตรงกลางมะม่วงปั่น ด้านบนเป็นเหมือนกะทิ แล้วโรยด้วยเนื้อมะม่วง เวลาดูด ดูดจากล่างขึ้นบน เหมือนว่ากำลังกินข้าวเหนียวมะม่วง อร่อยมากๆ 10 ดาวไปเลยเมนูนี้
อาหารฮ่องกงโดยแท้ก็จะประมาณนี้ ข้าวหน้าเป็ด คะน้าน้ำมันหอย บะหมี่น้ำลูกชิ้น ค่าใช้จ่ายในมื้ออาหารในฮ่องกงค่อนข้างแพง ฮ่องกงค่าครองชีพสูง อาหารและน้ำ1มื้อต่อคนประมาณ300บาทไทย แต่ถ้าจะกินแนะนำกิน1จาน2คนเพราะจานใหญ่มาก กินไม่หมดแน่ๆ
วันแรกมาถึงก็ค่ำแล้ว ก็เดินหาของกินเรื่อยๆ เดินช้อปแบรนด์ต่างๆ เดินดูผู้คน บ้านเมืองยามค่ำคืน ตอนที่ไปอากาศก็เย็นสบายๆ 20-22c
เดี๋ยวมาต่อวันที่2จ้า...