ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ สัตว์ที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวอย่างไม่ได้มีเพียงแต่หนูทดลองเท่านั้น เพราะเลือดของสัตว์ที่มีชีวิตมานานกว่า 300 ล้านปีในทะเลคือสิ่งที่ถูกใช้ในการทดลองวัคซีนทุกชนิดในปัจจุบัน
“แมงดาทะเล” เป็นสัตว์ทะเลเก่าแก่ที่สืบทอดสายพันธุ์มาเนิ่นนานกว่า 300 ล้านปี นานเสียยิ่งกว่าไดโนเสาร์จนได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดชนิดหนึ่งในการดำรงเผ่าพันธุ์
แมงดาทะเลตัวเมียจะวางไข่ถึงครั้งละ 90,000 ฟอง จนกระทั่งมีเพียง 10 ฟองเท่านั้นที่ฟักออกมาเป็นตัวได้สมบูรณ์แข็งแรง
นอกจากจะเป็นสัตว์ที่เอาตัวรอดได้ดีที่สุดแล้ว แมงดาทะเลยังมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อวงการแพทย์ ในทุกๆ ปีแมงดาทะเลนับล้านตัวจะถูกจับมาเพื่อรีดเลือดสีฟ้าเข้มมาใช้ในการทดลองวัคซีนของมนุษย์เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของการต้านเชื้อแบคทีเรีย
เลือดสีฟ้าของแมงดาทะเลนั้นทำหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนไปทั่วร่างกายเช่นเดียวกับเลือดของมนุษย์ แต่ที่เลือดของมนุษย์เราเป็นสีแดงนั้นเกิดจากฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีธาตุเหล็กที่ทำให้สีสันออกมาเป็นสีแดงเข้ม ส่วนเลือดของแมงดาทะเลนั้นมีสารที่มีส่วนประกอบเป็นทองแดงคือเฮโมไซยานิน จึงทำให้เลือดของพวกมันมีลักษณะเป็นสีฟ้าเข้ม
แมงดาทะเลโตเต็มวัยจะถูกจับมารีดเลือดอย่างช้าๆ โดยใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะถูกปล่อยตัวกลับคืนสู่มหาสมุทรโดยมีผลข้างเคียงเล็กน้อย
หลายฝ่ายยืนยันว่าอาการของแมงดาทะเลหลังรีดเลือดเสร็จนั้นไม่ต่างอะไรกับการบริจาคเลือดของมนุษย์ เลือดที่สูญเสียไปจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนใหม่จนกลับมาเป็นปกติดังเดิม แต่อย่างไรก็ตามมีการสำรวจพบว่าแมงดาทะเล 10 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ไม่สามารถฟื้นตัวกลับคืนมาได้และตายไปในที่สุด นอกจากนี้แมงดาทะเลตัวเมียที่รอดชีวิตจากการทดลองยังมีอัตราการวางไข่ที่ลดลงอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นแมงดาทะเลยังถูกจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์จาก IUCN Red List ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญก็คือการจับมันมาเป็นตัวอย่างทดลองนั่นเอง
ประเด็นเกี่ยวกับการใช้สัตว์ทดลองเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีข้อถกเถียงกันอย่างมากในปัจจุบัน และถ้าหากเรายังไม่รักษาสิ่งแวดล้อม ตกปลาเกินความจำเป็น จับสัตว์มาเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่เพียงแค่แมงดาทะเลเท่านั้นแต่สัตว์ชนิดอื่นก็จะสูญพันธุ์ไปจนหมดเช่นเดียวกันในอนาคต
ที่มา: thedodo, grist, ภาพจาก: uhbiology, wired
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.meekhao.com/education/crabs-vaccine
หามาให้เพิ่มเติมนะคะ
แมงดาทะเลมีเลือดเป็นสีน้ำเงิน (hemocyanin) เนื่องจากมีทองแดงผสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งถูกนำมาใช้ประโยชน์ในวงการแพทย์ โดยการใช้เลือดแมงดาทะเลไปสกัดเป็นสารที่เรียกว่า Limulus amoebocyte lysate (LAL) ในการตรวจหาเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายที่อาจจะปนเปื้อนในวัคซีน หรือในอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ซึ่งหากใช้เลือดแมงดาทะเล หรือตัวทำปฎิกิริยานี้ ฉีดเข้าไป แล้วสารเหล่านั้นมีการเปลี่ยนสี หรือแข็งตัว ก็แปลว่า มีไวรัส เลือดของแมงดาจึงมีความสำคัญมาก เพราะมีคุณสมบัตินี้ มันก็เลยถูกจับมาใช้ในวงการทางการแพทย์ เพื่อทดลอง และในปัจจุบันพบว่ามีการนำไปผสมลงในวัคซีนเพื่อนำไปสู่กระบวนการการให้วัคซีนแก่ผู้ป่วย
ข้อมูล liekr, wikipedia
เรื่องราวของตัวประหลาด “เลือดสีฟ้า” ผู้อยู่เบื้องหลัง “วัคซีน” ที่คุณใช้
“แมงดาทะเล” เป็นสัตว์ทะเลเก่าแก่ที่สืบทอดสายพันธุ์มาเนิ่นนานกว่า 300 ล้านปี นานเสียยิ่งกว่าไดโนเสาร์จนได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดชนิดหนึ่งในการดำรงเผ่าพันธุ์
แมงดาทะเลตัวเมียจะวางไข่ถึงครั้งละ 90,000 ฟอง จนกระทั่งมีเพียง 10 ฟองเท่านั้นที่ฟักออกมาเป็นตัวได้สมบูรณ์แข็งแรง
นอกจากจะเป็นสัตว์ที่เอาตัวรอดได้ดีที่สุดแล้ว แมงดาทะเลยังมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อวงการแพทย์ ในทุกๆ ปีแมงดาทะเลนับล้านตัวจะถูกจับมาเพื่อรีดเลือดสีฟ้าเข้มมาใช้ในการทดลองวัคซีนของมนุษย์เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของการต้านเชื้อแบคทีเรีย
เลือดสีฟ้าของแมงดาทะเลนั้นทำหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนไปทั่วร่างกายเช่นเดียวกับเลือดของมนุษย์ แต่ที่เลือดของมนุษย์เราเป็นสีแดงนั้นเกิดจากฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีธาตุเหล็กที่ทำให้สีสันออกมาเป็นสีแดงเข้ม ส่วนเลือดของแมงดาทะเลนั้นมีสารที่มีส่วนประกอบเป็นทองแดงคือเฮโมไซยานิน จึงทำให้เลือดของพวกมันมีลักษณะเป็นสีฟ้าเข้ม
แมงดาทะเลโตเต็มวัยจะถูกจับมารีดเลือดอย่างช้าๆ โดยใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะถูกปล่อยตัวกลับคืนสู่มหาสมุทรโดยมีผลข้างเคียงเล็กน้อย
หลายฝ่ายยืนยันว่าอาการของแมงดาทะเลหลังรีดเลือดเสร็จนั้นไม่ต่างอะไรกับการบริจาคเลือดของมนุษย์ เลือดที่สูญเสียไปจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนใหม่จนกลับมาเป็นปกติดังเดิม แต่อย่างไรก็ตามมีการสำรวจพบว่าแมงดาทะเล 10 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ไม่สามารถฟื้นตัวกลับคืนมาได้และตายไปในที่สุด นอกจากนี้แมงดาทะเลตัวเมียที่รอดชีวิตจากการทดลองยังมีอัตราการวางไข่ที่ลดลงอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นแมงดาทะเลยังถูกจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์จาก IUCN Red List ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญก็คือการจับมันมาเป็นตัวอย่างทดลองนั่นเอง
ประเด็นเกี่ยวกับการใช้สัตว์ทดลองเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีข้อถกเถียงกันอย่างมากในปัจจุบัน และถ้าหากเรายังไม่รักษาสิ่งแวดล้อม ตกปลาเกินความจำเป็น จับสัตว์มาเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่เพียงแค่แมงดาทะเลเท่านั้นแต่สัตว์ชนิดอื่นก็จะสูญพันธุ์ไปจนหมดเช่นเดียวกันในอนาคต
ที่มา: thedodo, grist, ภาพจาก: uhbiology, wired [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หามาให้เพิ่มเติมนะคะ
แมงดาทะเลมีเลือดเป็นสีน้ำเงิน (hemocyanin) เนื่องจากมีทองแดงผสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งถูกนำมาใช้ประโยชน์ในวงการแพทย์ โดยการใช้เลือดแมงดาทะเลไปสกัดเป็นสารที่เรียกว่า Limulus amoebocyte lysate (LAL) ในการตรวจหาเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายที่อาจจะปนเปื้อนในวัคซีน หรือในอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ซึ่งหากใช้เลือดแมงดาทะเล หรือตัวทำปฎิกิริยานี้ ฉีดเข้าไป แล้วสารเหล่านั้นมีการเปลี่ยนสี หรือแข็งตัว ก็แปลว่า มีไวรัส เลือดของแมงดาจึงมีความสำคัญมาก เพราะมีคุณสมบัตินี้ มันก็เลยถูกจับมาใช้ในวงการทางการแพทย์ เพื่อทดลอง และในปัจจุบันพบว่ามีการนำไปผสมลงในวัคซีนเพื่อนำไปสู่กระบวนการการให้วัคซีนแก่ผู้ป่วย
ข้อมูล liekr, wikipedia