เคยมั้ยครับ พอขี้เกียจก็ตำหนิ พอขยันก็โดนว่า ทำอะไรก็ผิด

นี่เป็นเรื่องตอนอยู่ที่ทำงานเดิมที่ผมเคยเล่าหลายต่อหลายครั้งนั่นแหละ ขอบอกก่อนนะครับว่าผมเป็นคนชอบรำลึกความหลังและชอบเล่าประสบการณ์ที่เจอมา รวมถึงอยากฟังความเห็น แลกเปลี่ยนความเห็นกับหลาย ๆ ท่าน ในกระทู้นี้ของดความเห็นประเภท "มันผ่านไปแล้วก็ลืมไปเถอะครับ" หรือ "คุณอย่าไปยึดติดกับอดีตอีกเลย" นะครับ

ขอเริ่มเรื่องความขี้เกียจก่อนแล้วกันครับ อย่างที่ผมเคยเล่าว่าตอนอยู่ที่ทำงานเดิมผมค่อนข้างจะว่าง เพราะนายญี่ปุ่นที่ผมประจำด้วยเขาไม่ค่อยเรียกใช้งาน คือมีเหมือนกันถ้าต้องแปลพวกเอกสาร ไปแปลในโรงงาน หรือต้องออกไปโรงงานข้างนอก ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็จะมีงานทำ แต่ถ้าไม่มีพวกนั้นแล้วล่ะก็ผมจะว่างมาก ๆ พอว่างปุ๊บผมก็จะนั่งเล่นเน็ต แต่การเล่นเน็ตของผมมันเล่นแบบสบายใจเหมือนอยู่บ้านมากไปหน่อย ก็เลยโดนนายญี่ปุ่นอีกคนที่นั่งข้าง ๆ เตือนและตำหนิ

ทีแรกผมก็ทำตามนั้น แต่มันว่างจริง ๆ สุดท้าย พอเวลาผ่านไป ผมก็ทำเหมือนเดิม จนโดนติไปเป็นรอบที่สอง รอบสองนี่ถึงขั้นที่เขาขู่จะตัดเน็ตเลย ไม่ใช่แค่ผม แต่เพื่อนล่ามอีกสองคนก็โดนด้วยเหมือนกัน ขนาดเพื่อนอีกสองคนนั่นเขามีงานมากกว่าผม และเล่นแบบแอบ ๆ อีกนะ คือผมว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เหตุที่ผมเล่นเน็ตก็เพราะว่าผมว่าง ถ้าผมเป็นนายญี่ปุ่นเห็นแบบนั้นผมจะรีบโยนงาน สั่งงานให้ทำทันที สุดท้ายผมก็เลยต้องไปนั่งหยิบพวกคู่มือมาแปลเล่น ๆ

พูดถึงเรื่องขยันบ้าง เรื่องนี้มันเกิดก่อนที่จะโดนตำหนิเรื่องเล่นเน็ต ตอนนั้นผมเพิ่งเข้าไปทำงานได้อาทิตย์ที่ 2 วันนั้นเพื่อนล่ามอีกสองคนที่เข้าพร้อมกันกับผมโดนสั่งให้ไปเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับการไวร์คัต (การตัดเหล็กที่ควบคุมเครื่องจักรและกำหนดจุดตัดด้วยคอมพิวเตอร์) เพราะเพื่อนสองคนนั้นต่อไปจะมีงานเกี่ยวกับไวร์คัต ส่วนผมไม่ได้มีคำสั่งให้ไปเรียนรู้ และนายโดยตรงก็มีงานเอกสารมาให้ผมแปล ส่วนตัวเขาออกไปที่โรงงานอื่น ผมก็เลยนั่งแปลจนเสร็จตั้งแต่ช่วงเช้า

พอถึงช่วงบ่ายมันก็ว่าง ผมก็เลยขอตามเพื่อนสองคนไปเรียนรู้เรื่องการไวร์คัตที่ว่าด้วย พี่ที่คุมเครื่องไวร์คัตเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อยู่ดี ๆ ล่ามรุ่นพี่เขาก็กวักมือเรียกผมให้ออกไปนอกห้อง คือตัวรุ่นพี่เขาไม่มีอะไรหรอก แต่เรื่องของเรื่องคือ นายญี่ปุ่นคนเดียวกับที่ตำหนิผมเรื่องเล่นเน็ตนั่นแหละเขาให้พี่เรียกผมออกไปว่า เขาก็ว่าผมแบบว่าทำไมไม่อยู่แปลงานที่นายโดยตรงสั่ง พอผมบอกว่าแปลเสร็จแล้ว เขาก็ตอบกลับมาว่าเสร็จแล้วก็ต้องอยู่ตรวจทานให้เรียบร้อยแล้วเผื่อนายโดยตรงกลับมาผมจะได้อยู่ซัพพอร์ตเขาได้

ตอนนั้นจิตใจผมยังไม่เข้มแข็งเท่าทุกวันนี้ (ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้มแข็งเท่าไร แต่ที่แน่ ๆ เข้มแข็งกว่าตอนอยู่ที่เดิม เพราะโดนมาเยอะ) ผมก็คิดมากเลยว่าแค่อาทิตย์ที่ 2 ก็โดนว่าซะแล้ว แล้วผมสงสัยไงว่า ผมเห็นว่าตัวเองเป็นเด็กใหม่ ก็เลยคิดว่าต้องเรียนรู้ ต้องตักตวงความรู้ให้เต็มที่ เลยตามเพื่อนอีกสองคนไปเรียนรู้งาน ไม่นึกว่านายโดยตรงของผมสั่งให้นายคนที่ว่าผมให้คอยดูผมด้วย เหมือนเขาโดนกลัวนายโดยตรงของผมว่า ผมก็รู้ว่าคนญี่ปุ่นค่อนข้างที่จะจริงจังเรื่องงาน เรื่องการแจ้ง ส่งต่อข้อมูลอะไรต่ออะไร แต่ก็ไม่นึกว่าขนาดนี้ ไม่มีการยืดหยุ่นอะไรเลย

ผมขี้เกียจแล้วมาตำหนิ มาว่าผมอันนั้นผมไม่ว่าเลย เพราะมันสมควรแล้ว แต่พอขยันแล้วยังมาว่าอีกนี่มัน... คือบอกกันดี ๆ ก็ได้ว่าเหตุผลมันเป็นแบบนี้ ๆ นะ ไม่ควรออกมาแบบนี้ ไม่ใช่เรียกไปว่า การพูดของเขาแบบดุเลยจริง ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่