เหตุแห่งคุณงามความดีเกิดจากญาณ
ทางแห่งความดีนั้นเริ่มจากการดับกิเลสตัญหาและความเขลา
และเมื่อวิจรณญาณประกอบด้วยคุณธรรมที่เป็นความดีโลกและตนจึงสงบสุข
ส่วนความละโมบด้วยโลภนั้นจะเป็นทางอบายหรือทุคติ
ญาณอันบริสุทธิ์จึง"สร้างสรรค์"
แต่ญาณแห่งการลุถึงความดีนี้ ก็ยังมิใช่ความรู้จากผู้มีอิสระต่อโลกธาตุหรอกนะ
แต่การทำเหตุแห่งความดีให้ปรากฎก็ได้ชื่อว่าเป็นญาณ เป็นอารยะ
และการรู้ถึงมันก็คือญาณทัศนะ
ปลายทางแห่งมรรคานั้นมีคุณเป็นเอนกอนันต์และลึกซึ้ง
ดั่งเช่นการตัดความโลภย่อมส่งผลกระทบที่กว้างขวางตามมาด้วย
"ความดีจึงเป็นประโยชน์ การรู้ถึงความดีจึงเป็นญาณทัศนะ"อย่างนี้เป็นอาธิ
การถึงซึ่งญาณเป็นการก่อเกิด การรู้การก่อเกิดเป็นความเข้าใจ(ทัศนะ)
ญาณจึงได้ชื่อว่าเป็นสติปัญญาและเป็นความรู้ความเข้าใจต่อความจริง
ผู้เป็นอิสระจากโลกธาตุและสิ้นธุลีคือกิเลสด้วยญาณอันใดก็ตาม
นั้นเป็นการทำผลให้ปรากฎ จากนั้นจึงรู้แจ้งในผล
ญาณคือความรู้อันแจ่มแจ้ง การรู้แจ้งทำให้เกิดญาณ
ดังนั้นการเป็นอิสระจากโลกธาตุและสิ้นธุลีคือกิเลสก็เหมือนกับคุณความดี
ที่ประกอบด้วยญาณวิสัย หรือจะกล่าวว่าเหตุแห่งทั้งสองเกิดจากญาณ
องค์ความรู้ที่มีอยู่มากมายนั้นอาจจะเป็นเพียงญาณทัศนะต่อมรรคา
ที่ปริยายบริบทออกให้กว้าง
ญาณที่เป็นเหตุให้ลุถึง คือความบริสุทธ์เป็นแน่
ญาณย่อมส่งผลต่อการคิด การกระทำ มุมมองแลทัศนคติ
เราอาจแปรมันได้เพียงว่าเป็นความปราถนาดีและการสร้างสรรค์
ดังคนทั่วไปกล่าวว่าการทำความดี(แต่ก็ด้วยญาณที่เป็นพื้นฐานของคุณธรรม)
ญาณที่มีค่าเป็นเอนกเป็นเพราะว่าญาณย่อมส่งผลต่อการเรียนรู้ด้วย
การเรียนรู้ที่ปราศจากการมุ่งหวังเพื่อตนจะได้มีจะได้เป็น และมิได้อยู่เพื่อตัวเอง
ญาณจึงเป็นสิ่งกำหนดความแตกต่างของบุคคล
และอยู่ที่บุคคลได้ทำสิ่งนี้ให้ปรากฎ ให้สะอาด ให้แจ่มแจ้งเท่าไหร่นั้น
ญาณจึงเกี่ยวเนื่องและเป็นเหตุแห่งคุณธรรมโดยตรง
"ญาณ"เป็นอย่างไร ขอโอกาสอธิบายครับ
ทางแห่งความดีนั้นเริ่มจากการดับกิเลสตัญหาและความเขลา
และเมื่อวิจรณญาณประกอบด้วยคุณธรรมที่เป็นความดีโลกและตนจึงสงบสุข
ส่วนความละโมบด้วยโลภนั้นจะเป็นทางอบายหรือทุคติ
ญาณอันบริสุทธิ์จึง"สร้างสรรค์"
แต่ญาณแห่งการลุถึงความดีนี้ ก็ยังมิใช่ความรู้จากผู้มีอิสระต่อโลกธาตุหรอกนะ
แต่การทำเหตุแห่งความดีให้ปรากฎก็ได้ชื่อว่าเป็นญาณ เป็นอารยะ
และการรู้ถึงมันก็คือญาณทัศนะ
ปลายทางแห่งมรรคานั้นมีคุณเป็นเอนกอนันต์และลึกซึ้ง
ดั่งเช่นการตัดความโลภย่อมส่งผลกระทบที่กว้างขวางตามมาด้วย
"ความดีจึงเป็นประโยชน์ การรู้ถึงความดีจึงเป็นญาณทัศนะ"อย่างนี้เป็นอาธิ
การถึงซึ่งญาณเป็นการก่อเกิด การรู้การก่อเกิดเป็นความเข้าใจ(ทัศนะ)
ญาณจึงได้ชื่อว่าเป็นสติปัญญาและเป็นความรู้ความเข้าใจต่อความจริง
ผู้เป็นอิสระจากโลกธาตุและสิ้นธุลีคือกิเลสด้วยญาณอันใดก็ตาม
นั้นเป็นการทำผลให้ปรากฎ จากนั้นจึงรู้แจ้งในผล
ญาณคือความรู้อันแจ่มแจ้ง การรู้แจ้งทำให้เกิดญาณ
ดังนั้นการเป็นอิสระจากโลกธาตุและสิ้นธุลีคือกิเลสก็เหมือนกับคุณความดี
ที่ประกอบด้วยญาณวิสัย หรือจะกล่าวว่าเหตุแห่งทั้งสองเกิดจากญาณ
องค์ความรู้ที่มีอยู่มากมายนั้นอาจจะเป็นเพียงญาณทัศนะต่อมรรคา
ที่ปริยายบริบทออกให้กว้าง
ญาณที่เป็นเหตุให้ลุถึง คือความบริสุทธ์เป็นแน่
ญาณย่อมส่งผลต่อการคิด การกระทำ มุมมองแลทัศนคติ
เราอาจแปรมันได้เพียงว่าเป็นความปราถนาดีและการสร้างสรรค์
ดังคนทั่วไปกล่าวว่าการทำความดี(แต่ก็ด้วยญาณที่เป็นพื้นฐานของคุณธรรม)
ญาณที่มีค่าเป็นเอนกเป็นเพราะว่าญาณย่อมส่งผลต่อการเรียนรู้ด้วย
การเรียนรู้ที่ปราศจากการมุ่งหวังเพื่อตนจะได้มีจะได้เป็น และมิได้อยู่เพื่อตัวเอง
ญาณจึงเป็นสิ่งกำหนดความแตกต่างของบุคคล
และอยู่ที่บุคคลได้ทำสิ่งนี้ให้ปรากฎ ให้สะอาด ให้แจ่มแจ้งเท่าไหร่นั้น
ญาณจึงเกี่ยวเนื่องและเป็นเหตุแห่งคุณธรรมโดยตรง