ล่ารถจักรไอน้ำอังกฤษ ภาค 1: เมือง Swindon, UK ที่พิพิธภัณฑ์ STEAM: Museum of the Great Western Railway ประเทศอังกฤษ

นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกและการเดินทางออกตามล่ารถจักรไอน้ำอังกฤษตามความฝันครั้งแรกของเจ้าของกระทู้

ทำไมต้องเป็นรถจักรไอน้ำอังกฤษ?
เป็นคำถามที่ตอบยากครับ เพราะผมชอบดูรถไฟตั้งแต่เด็ก ของเล่นในวัยเด็กก็เป็นเซตรถไฟต่างๆ
จนกระทั่งเจ้าของกระทู้โตมาสู่ยุคเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ซึ่งได้มีโอกาศค้นข้อมูลเรื่องรถจักรไอน้ำจนไปเจอรูปๆนึง เป็นรูปหัวรถจักรไอน้ำคันสีเขียวลากตู้โดยสารสีน้ำตาลอำพันและครีม (ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Umber and cream ครับ) วิ่งไปตามชนบทเนินเขาสีเขียว จำได้ว่าตอนนั้นตั้งรูปนั้นให้เป็นรูป desktop คอมพิวเตอร์ตัวเองด้วยครับ ฮ่าๆๆๆๆ
จากนั้นก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวรถจักรคันนั้น ก็ได้ทราบมาว่าเป็นรถจักรไอน้ำที่อังกฤษ หลังจากนั้นเลยเน้นศึกษาแต่รถไฟอังกฤษเป็นหลัก
รถไฟอังกฤษยุคแรกๆจะดูมีความวินเทจมากเลยครับ ถูกใจเจ้าของกระทู้เป็นที่สุด

ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นรูปนี้ครับ ในภาพคือ หัวรถจักรไอน้ำ class A3 (Pacific) เลขหัวรถจักร 4472 ชื่อ Flying Scotman (ตามธรรมเนียมของอังกฤษ รถจักรไอน้ำ นอกจากมีชื่อรุ่นหรือ  class และเลขประจำหัวรถจักรหรือ Number แล้วยังมีชื่อให้กับแต่ละหัวด้วย ซึ่งก็ขึ้นกับรุ่นของรถจักรไอน้ำด้วย เป็นชื่อเมืองบ้าง ชื่อขุนนาง ท่านเซอร์ ชื่อเจ้าหญิง ต่างๆมากมาย เป็นชื่อเฉพาะเหมือนชื่อคนก็มีครับ ) ซึ่งกำลังลากตู้ Pullman car สี Umber&Cream อยู่นั่นเองครับ ( Pullman คือชื่อบริษัทรถตู้เสบียง หรือ restaurant car ในประเทศอังกฤษซึ่งเริ่มเข้ามาให้บริการตั้งแต่ ค.ศ.  1874  ที่การรถไฟสาย Midland Railway  (ค.ศ. 1844-1922)ก่อนจะเปิดบริการในการรถไฟสายอื่นจนครอบคลุมทั่วประเทศครับ)


ขอขยายความเรื่องสายการรถไฟในอังกฤษอีกนิดนึงก่อนพาไปชมพิพิธภัณฑ์กันครับ
ที่ประเทศอังกฤษในสมัยก่อนมีกิจการการรถไฟกว่า 120 บริษัทซึ่ง midland Railway ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ จนกระทั่งมีการปฏิรูปการรถไฟ Railway Act 1921 ในปี ค.ศ. 1921 ที่ให้รวมกิจการการรถไฟสายย่อยต่างๆเข้าด้วยกัน ซึ่งยุบรวมจนกระทั่งเหลือเพียง 4 การรถไฟหลัก ในชื่อ  Big Four คือ
1. การรถไฟสายใต้ SR: Southern Railway
2. การรถไฟสายตะวันตก GWR: Great Western Railway
3. การรถไฟ LMS: London, Midland and Scottish Railway
และ 4. การรถไฟ LNER: London and North Eastern Railway ครับ
จากนั้นจึงปฏิรูปเป็น British Railways ในปีค.ศ. 1948 ขอเล่าไว้แค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวยาว ไม่ได้ชมพิพิธภัณฑ์กันสักที แฮร่ๆๆๆ

การเดินทางทริปนี้ เกิดขึ้นในต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ในช่วงที่เจ้าของกระทู้กำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศรัสเซีย และได้รับการเชิญชวนจากเพื่อนชาวอังกฤษให้ไปพำนักที่บ้านเขาที่ Portsmouth ซึ่งอยู่ทางใต้ของอังกฤษครับ
ซึ่งผมได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ STEAM: Museum of the Great Western Railway ของการรถไฟ Great Western Railway ที่เมือง Swindon ซึ่งจากชื่อก็บอกแล้วนะครับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ของ Great Western Railway GWR


ประวัติ Great Western Railway คร่าวๆ
Great Western Railway เริ่มบริการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1838 โดยใช้ Broad gauge ที่ความกว้าง 7 ฟุต (ภายหลังปรับเป็น  7 ฟุต ¼ นิ้ว หรือ 2.140 เมตร ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ก็ได้เปลี่ยนเป็นรางมาตรฐานหรือ Stardard guage ขนาด 4 ฟุต 8 ½ นิ้ว หรือก็คือขนาด 1.435 เมตรนั่นเองครับ) ซึ่งตลอดการดำเนินกิจการรถไฟของ GWR  ก็ได้ฮวบรวมกิจการรถไฟสายอื่นมารวมด้วยตลอดจนถึงยุค Big Four ครับ ปัจจุบัน GWR ก็ยังคงให้บริการอยู่ครับ แต่นับเป็นผู้เดินรถ หรือ Operating company แทน (ในยุค British Railways เส้นทางรถไฟสายใหญ่โอนกลับเป็นของรัฐ ก่อนจะปฏิรูปช่วงค.ศ1994-1997 ให้กิจการการเดินรถกลับเป็นของบริษัทเอกชน) ใช้ชื่อว่า First Great Westerm แทน ซึ่งรวมอยู่ในกลุ่ม FirstGroup


เริ่มการเดินทางจาก Portsmouth….
รุ่งเช้าของวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2559 เจ้าของกระทู้นั่งรถไฟที่จองผ่าน www.nationalrail.co.uk ไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาถึงประเทศอังกฤษ (แต่ตั๋วไปรับเอาที่ตู้ที่สถานีนะจ๊ะ) ซึ่งนอกจากจะได้ราคาถูกแล้ว ในการเดินทางกับ First Great Western เราจะสามารถเลือกที่นั่งตั้งแต่ตอนจองได้ ซึ่งแน่นอนเราก็เลือกนั่งริมหน้าต่างไปเลยสวยๆ

บนชานชาลาสถานี Fratton ที่ Portsmouthครับ แต่นี่ไม่ใช่ขบวนที่ผมนั่งนะครับ รู้สึกขบวนนี้จะเข้า London ของผมขบวนถัดไปครับ จะได้นั่งรถไฟ Class อะไร รอติดตามนะครับ (ปกติไม่ได้สันทัดรถดีเซล รถไฟฟ้านะครับ แต่ก็รู้บ้าง)

ขึ้นมาบนรถแล้วครับ เราจะนั่งไป Bath Spa ก่อน จากนั้นจึงจะเปลี่ยนรถไฟไป Swindon ครับ
ตอนแรกก็ตกใจครับ ไม่นึกว่าการจองตั๋วและเลือกที่นั่งล่วงหน้าจะได้สิทธิ (ป้ายติดแจ้งการจองที่ที่นั่ง) รถที่นั่งจาก Fratton ไป Bath Spa เป็นรถที่สะอาดครับ เบาะสะอาดไม่มีกลิ่นอับ แถมมีแอร์บนรถไฟด้วย ขึ้นรถได้ไม่นานพนักงานตรวจตั๋วก็เดินมาจนถึงเราเลยครับ แต่ลุงคนตรวจตั๋วก็แอบจะดูตั๋วเราเป็นพิเศษว่านั่งถูกที่ไหม ก็ยื่นตัวให้ดูแล้วยืมสยามไปเลยครับ

วิวข้างทางช่วงที่เลย Southampton มา Bath spa แล้วครับ วิวชนบทอังกฤษมันช่างน่ารักถูกใจเจ้าของกระทู้ครับ นั่งดูวิวตลอดทางเลย ถ่ายมาบ้างไม่ถ่ายบ้าง เพราะรถสั่นครับ ภาพเบลอเยอะเลยครับ
วิวจากหน้าต่าง ตอนนี้รถไฟของเรากำลังชะลอเข้าสู่สถานี Bath Spa แล้วครับ ของจริงคือเมืองใหญ่ไล่ไปตามเนินเขาทุกด้านเลยครับ แหม แต่มุมนี้เหมือนเจ้าของกระทู้แอบมาส่องหลังบ้านเขาพอดีเลยฮะ
แต่น แต๊น! นี่ไงรถที่เรานั่งมาจาก Fratton คุ้นหน้าคุ้นตากันไหมครับ ใช่แล้วนี่คือ DMU หรือรถดีเซลราง Class 158 พี่น้องกับรถ Sprinter ของการรถไฟไทยบ้านเราครับ
อีกรูปครับ รถขาล่องอีกฝั่งก็ class 158 เหมือนกันครับ
เรามีเวลา 12 นาที ในการเปลี่ยนรถ เจ้าของกระทู้แอบชักภาพเมือง Bath Spa ไว้อีกสักหน่อย เสียดายที่ไม่ได้แวะเที่ยว แต่ก็ตามอ่านจากกระทู้อื่นเอาครับ อิอิ
ขึ้นรถไฟมาอีกฝั่งแล้วครับ นี่วิวอีกฝั่งของเมือง
จากนั้นไม่กี่นาที ผมก็มาถึง Swindon (มันห่างกันไม่กี่สถานีเองครับจาก Bath) เป็นเมืองเล็กๆ สถานีเล็กๆ แล้วผมก็ไม่ได้ถ่ายรูปเลยจากสถานีไปพิพิธภัณฑ์เพราะมัวแต่เดินหาทางไปพิพิธภัณฑ์อยู่ คิดว่าดูแมพอากู๋มาดีแล้วนะครับเนี่ย

แล้วก็มาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ครับ ตรงที่เป็นที่พิพิธภัณฑ์นี้ แต่ก่อนเป็นโรงซ่อมสร้างของ GWR ครับ หัวรถจักรของการรถไฟ GWR ส่วนใหญ่ก็ถูกหล่อชิ้นส่วนและประกอบขึ้นที่นี่ครับ ตรงส่วนนี้ประกอบไปด้วยอาคารหลายหลังเลยครับ บางส่วนก็กำลังปรับปรุงใหม่ ส่วนอาคารที่ตั้งพิพิธภัณฑ์นี่เป็นเพียงอาคารเดียวในหมู่อาคารทั้งหมดครับ
อ่อลืมบอกไปครับ ตอนจองตั๋วรถไฟมาพิพิธภัณฑ์นี้ ในเว็บไซต์มี option ที่เราจะซื้อตั๋วพิพิธภัณฑ์พ่วงมาในราคา 5 ปอนด์ รู้สึกจะถูกกว่าซื้อหน้าพิพิธภัณฑ์นิดเดียว แต่ก็ช่วยประหยัดได้ครับ



เจ้าของกระทู้ของทิ้งไว้แค่นี้ก่อน เดี่ยวจะมาต่อ พาเข้าไปชมในพิพิธภัณฑ์นะครับ......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่