ขอเล่าเรื่องประสบการณ์ทริปสุดประทับใจของเคทกันต่อเลยนะคะ
วันที่ 3 มูร์มังส์ก เมืองขั้วโลกเหนือของรัสเซีย ติดกับประเทศฟินแลนด์ มีแสงเหนือ aurora สวยงามไม่แพ้ใคร แถมคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า และราคาไม่แพงเหมือนเมืองอื่นๆที่มีแสงเหนือ แค่นี้ก็ฟินพอแล้วค่ะ มาเล่ากันต่อ หลังจากที่คณะเดินทางไปถึงที่สนามบินมูร์มังส์ก สัมผัสได้ทันทีถึงความหนาวเย็น เมื่อดูอุณหภูมิ -7 องศาเซลเซียส เบาะๆ ที่สำคัญเราได้รับการต้อนรับด้วยหิมะโปรยปราย ขาวโพลนหนา เดินรองเท้าจมลงไปเลยทีเดียวเชียว เจ๋งไหมล่ะคะ
มาดูบรรยากาศความรู้สึกของพวกเราเมื่อถึงมูร์มังสก์ ตอนตี 4.40 น.กันนะคะ ขออภัยเสียงมีบ้างไม่มีบ้าง คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง 555
มาที่มูร์มังส์กนี้พวกเราซื้อแพคเกจจาก Mr.Oleg เจ้าของเพจ Visit Murmansk ที่มีชื่อเสียงสำหรับพวกเราชาวเอเชียรวมถึงคนไทยด้วย เนื่องจาก Oleg เค้าให้บริการแบบครบวงจรเจ้าเดียวเลยค่ะ คือมีทั้งรับ-ส่งสนามบิน ห้องพักโรงแรม 4 ดาวพร้อมอาหารเช้า บริการนำเที่ยวตามสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงพาล่าแสงเหนือด้วย แถมที่คุณเคทติดต่อได้ราคาดีงามพระราม 8 มากๆ คือราคารวมทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วนี้แค่ 13,000 บาท รายการมีอะไรบ้างโปรดติดตามเป็นข้อๆไปนะคะ
เล่าต่อค่ะ สิ่งที่เคทประทับใจมากๆในการบริการของ Mr. Oleg แห่ง Visit Murmansk มีดังนี้
1. มารับพวกเราที่สนามบินพร้อมเคลียร์กับ ตม. โดยที่พวกเราไม่ต้องเขียนใบ immigration ต่างๆให้วุ่นวาย เลิศไหมล่ะคะ ไม่ต้องใจหายใจคว่ำกับ ตม.หน้าโหดสัส เหมือนที่มอสโก เหอๆๆๆ
2. ขอเช็คอินตอนตี 5 ให้พวกเราที่เหนื่อย โกรกได้พักผ่อนกายา เพื่อรอเตรียมตัวไปซิตี้ทัวร์ในภาคบ่าย
3. โรงแรมที่จองให้พัก ชื่อ Azimut เป็นโรงแรม 4 ดาวที่มีระดับและอยู่ใจกลางเมืองสะดวกสบาย รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เกตหลายแห่งให้เลือกใช้บริการ แถมมีอาหารเช้าอร่อยล้ำให้พวกเราเก็บโปรตีนก่อนการเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกเช้า
4. ทุกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปมีการนัดหมายไว้เรียบร้อย ในการไปเที่ยวจึงไม่ปะปนกับกรุ๊ปอื่นๆ อันนี้ดีงามมากๆ เพราะไปมาหลายประเทศก็ต้องแย่งกันทำกิจกรรม แย่งกันถ่ายภาพ รอคิวโน่นนี่ แต่ที่นี่พวกเรากลุ่มเดียวกันเท่านั้น อะไรจะดีไปกว่านี้อีกล่ะคะ ใช่ไหม
5. ตรงต่อเวลาดีมาก แบบนัดตรงเวลาเป๊ะ เลทไม่ได้เลย อันนี้ฝากไว้เผื่อใครไปหลังจากนี้ให้ทราบไว้ว่าเค้านัดเวลาต้องตรงเวลาเท่านั้นไม่งั้นกิจกรรมก็จะเลทและถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆทำให้การเที่ยวช้าขึ้นค่ะ
ว่ากันมายาว กลับมาที่การเดินทางของพวกเรา ที่จะขอแชร์บรรยากาศหน้าโรงแรมที่มีลานหิมะสวยงามมาให้ชมกันต่อเลยนะคะ
ลูกชายเคทขอฝากหิมะให้ทุกคนนะคะ ขำๆ แต่คิดถึงหิมะแล้วมีความสุขจริงๆค่ะ
ภายในห้องพัก ก็สะอาดสะอ้าน มีเตียงไว้ 2 เตียงค่ะ
หลังจากที่พวกเราเข้าถึงห้องก็รีบอาบน้ำแล้วเข้านอนเพื่อเอาแรงที่เหนื่อยมาตลอด 24 ชั่วโมงของการเดินทางไกลค่ะ ต้องขอบคุณ Mr.Oleg จริงๆล่ะค่ะ ที่ช่วยเช็คอินให้พวกเราได้นอนพักผ่อน เรียกว่านอนหลับเป็นตายเลยล่ะค่ะ ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง 9 โมงเช้ารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากๆ ลงมาหาอาหารเช้าของโรงแรมทาน เหมือนกับได้นอนมาทั้งคืนเลยค่ะ มาดูหน้าตาอาหารเช้าโรงแรมกันนะคะ
เคทมีรีวิวอาหารเช้าให้เพื่อนๆในเฟสบุคไลฟ์ เอามาฝากกันไว้นะคะ
https://www.youtube.com/watch?v=_yRNj18GHq4&feature=youtu.be
หลังจากทานอาหารอิ่มหนำแล้ว พวกเราก็อยากรีบไปช้อปปิ้งหารองเท้ากันหิมะไว้ใส่กันหนาวและผจญในหิมะหนาๆได้อย่างไม่ต้องกลัวไม่สบายกันที่ห้างฯตรงข้ามกับโรงแรม ตามที่ Mr.Oleg ได้แนะนำไว้ว่ามีร้านขายรองเท้า ถุงมือ และอื่นๆกันหนาวสวยๆไม่แพงมากมายค่ะ
แต่ก่อนที่จะไปชมของในห้างที่อยู่ตรงข้าม Azimut นั้นต้องเดินผ่านลานหิมะ เจ้าลูกชายตัวดีก็อดไม่ได้ที่จะเล่นสไลเดอร์ และหิมะ ก็น่าสนุกดีนะคะ มาลองชมบรรยากาศการไลฟ์บนเฟสบุคกันค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=l2z2AC98VcM
ถ้าใครสนใจจะหาเครื่องกันหนาว กันหิมะจริงๆแนะนำว่าให้ตรงมาซื้อที่มูร์มังส์กนี้ค่ะ เดินทั้งมอสโกไม่เจอเจ้าดีๆเหมือนที่นี่เลยค่ะ พวกเราทุกคนสอยรองเท้ากันคนละคู่ เคทกับลูกชายซื้อถุงมือกันหิมะ ใช้ได้ดีมากๆเลยทีเดียวค่ะ มาลองดูตัวอย่างของในร้านที่พวกเราแทบเหมาปิดร้านกันค่ะ
ของพวกนี้คุณภาพดีราคาไม่แพงจริงๆค่ะ พอช้อปอย่างอิ่มหนำแล้วก็ถึงเวลานัดออกซิตี้ทัวร์ต่อกันเลยนะคะ
ที่แรกที่ไป คือ MEMORIAL “DEFENDERS OF THE SOVIET ARCTIC DURING THE GREAT PATRIOTIC WAR” ( “ALYOSHA”) เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อสดุดีทหารโซเวียต พวกเราไปถึงประมาณบ่าย 2 ค่ะ สวยงามมากๆจริงๆเลยค่ะ
สถานที่ต่อมาที่เราได้ไปเที่ยวชม คือ MONUMENT “ZHDUSCHAIA” เป็นคล้ายๆตำนานการรอคอยในหลายๆสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ชายทะเล อันนี้ก็เป็นผู้หญิงที่เฝ้ารอการกลับมาของกะลาสีค่ะ พอดีกล้องเริ่มรวนเลยไม่มีรูปถ่ายตรงนี้เลยค่ะ
ต่อมาเราก็ไปดูโบสถ์ St. George สวยงามมากๆทีเดียวค่ะ
ชมด้านในโบสถ์กันค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=bvm-M80x0o0
https://www.youtube.com/watch?v=WTxWFeCr8yI
แล้วก็มาถึงสถานที่ที่เป็นพระเอกของพวกเราใน ซิตี้ทัวร์ครั้งนี้ แบบไม่เจอเรียกว่าพลาดอย่างมหันต์ คือ เรือตัดน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์เลนนิน
จริงๆแล้วพวกเรามาถึงเวลาที่เรือปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้ว แต่ด้วยความสามารถและความสัมพันธ์พิเศษของ guide สาว Mila สามารถไปขอให้มีการเปิดให้พวกเราได้เข้าไปดูหลังเวลา 17.00 น. ค่ะ นับว่าโชคดีมากๆเลยนะคะ
มาชมกันเลยค่ะ จริงๆประวัติของเรือลำนี้ค่อนข้างยิ่งใหญ่และแสดงให้เห็นวิวัฒนาการล้ำสมัยของรัสเซีย คือสรุปคร่าวๆ เรือพลังงานนิวเคลียร์นี้เปิดเครื่องครั้งเดียวสามารถให้พลังงานไปถึง 7 ปี วิทยากรหนุ่มบรรยายซะละเอียดยิบตั้งแต่ประวัติความเป็นมาจนถึงว่าปัจจุบันถึงแม้ว่าไม่ได้ออกไปตัดน้ำแข็งแล้ว ก็ยังมีทีมทำงานเพื่อทำนุบำรุงเรือให้ใช้การได้เสมอ แถมยังบอกอีกว่ากัปตันคนแรกของเรือยังคอยกลับมาหาทีมงานเสมอ และเปิดเครื่องให้พวกเราชมซะด้วย ไปชมเป็นวีดีโอเลยแล้วกันนะคะ ขาดช่วงบ้างอะไรบ้างก็อย่าถือสากันนะคะ
และแล้วก็มาถึงเวลาแห่งการล่าแสงเหนือแล้วตั้งแต่เวลา 21.00 น. ซึ่งเราต้องเดินทางออกจากเมืองมูร์มังส์กเพื่อไปตามเส้นทางที่มีแสงเหนือ ค่อนข้างมืดและยาวนานค่ะ พอมาถึงทางไกด์จะนำโต๊ะ เก้าอี้ กระติกน้ำร้อน ที่ขาดไม่ได้ คือ ว้อดก้า เพื่อให้พวกเราได้จิบเพื่อคลายความหนาว เราทุกคนพยายามลงไปตั้งขาตั้งหน้ารถ แล้วรอที่จะถ่ายแสงเหนือตามแผนที่วางไว้ สิ่งที่คุณเคทเจอคือกล้องไม่ติด แฟลชพกพาที่ซื้อมาเพื่อถ่ายภาพแสงเหนือก็ดับไปหลังจากเปิดใช้ได้แค่ 15 นาที และแล้ว หิมะก็ตกปรอยปรายลงมา จนถึงเวลา 23.00 น. ทางรถตู้ก็ต้องรีบบึ่งกลับรถเพื่อไปรับอีกกรุ๊ปนึงเพื่อมาดูแสงเวลา 12.00 น. (เที่ยงคืน) กัน พวกเราก็ผิดหวังแต่ก็ยังมีโอกาสแก้ตัวอีกวันรุ่งขึ้นก็กลับไปยัง รร. และพักผ่อนเพื่อเอาแรงเที่ยวต่อวันรุ่งขึ้นค่ะ
มาติดตามทริปตามล่าหาแสงเหนือ รัสเซีย วันที่ 3 ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ
https://ppantip.com/topic/36079603
[CR] ทริปตามล่าหาแสงเหนือ รัสเซีย เที่ยวสบายสไตล์คุณเคท ตอน 2
วันที่ 3 มูร์มังส์ก เมืองขั้วโลกเหนือของรัสเซีย ติดกับประเทศฟินแลนด์ มีแสงเหนือ aurora สวยงามไม่แพ้ใคร แถมคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า และราคาไม่แพงเหมือนเมืองอื่นๆที่มีแสงเหนือ แค่นี้ก็ฟินพอแล้วค่ะ มาเล่ากันต่อ หลังจากที่คณะเดินทางไปถึงที่สนามบินมูร์มังส์ก สัมผัสได้ทันทีถึงความหนาวเย็น เมื่อดูอุณหภูมิ -7 องศาเซลเซียส เบาะๆ ที่สำคัญเราได้รับการต้อนรับด้วยหิมะโปรยปราย ขาวโพลนหนา เดินรองเท้าจมลงไปเลยทีเดียวเชียว เจ๋งไหมล่ะคะ
มาดูบรรยากาศความรู้สึกของพวกเราเมื่อถึงมูร์มังสก์ ตอนตี 4.40 น.กันนะคะ ขออภัยเสียงมีบ้างไม่มีบ้าง คุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง 555
มาที่มูร์มังส์กนี้พวกเราซื้อแพคเกจจาก Mr.Oleg เจ้าของเพจ Visit Murmansk ที่มีชื่อเสียงสำหรับพวกเราชาวเอเชียรวมถึงคนไทยด้วย เนื่องจาก Oleg เค้าให้บริการแบบครบวงจรเจ้าเดียวเลยค่ะ คือมีทั้งรับ-ส่งสนามบิน ห้องพักโรงแรม 4 ดาวพร้อมอาหารเช้า บริการนำเที่ยวตามสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงพาล่าแสงเหนือด้วย แถมที่คุณเคทติดต่อได้ราคาดีงามพระราม 8 มากๆ คือราคารวมทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วนี้แค่ 13,000 บาท รายการมีอะไรบ้างโปรดติดตามเป็นข้อๆไปนะคะ
เล่าต่อค่ะ สิ่งที่เคทประทับใจมากๆในการบริการของ Mr. Oleg แห่ง Visit Murmansk มีดังนี้
1. มารับพวกเราที่สนามบินพร้อมเคลียร์กับ ตม. โดยที่พวกเราไม่ต้องเขียนใบ immigration ต่างๆให้วุ่นวาย เลิศไหมล่ะคะ ไม่ต้องใจหายใจคว่ำกับ ตม.หน้าโหดสัส เหมือนที่มอสโก เหอๆๆๆ
2. ขอเช็คอินตอนตี 5 ให้พวกเราที่เหนื่อย โกรกได้พักผ่อนกายา เพื่อรอเตรียมตัวไปซิตี้ทัวร์ในภาคบ่าย
3. โรงแรมที่จองให้พัก ชื่อ Azimut เป็นโรงแรม 4 ดาวที่มีระดับและอยู่ใจกลางเมืองสะดวกสบาย รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เกตหลายแห่งให้เลือกใช้บริการ แถมมีอาหารเช้าอร่อยล้ำให้พวกเราเก็บโปรตีนก่อนการเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกเช้า
4. ทุกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปมีการนัดหมายไว้เรียบร้อย ในการไปเที่ยวจึงไม่ปะปนกับกรุ๊ปอื่นๆ อันนี้ดีงามมากๆ เพราะไปมาหลายประเทศก็ต้องแย่งกันทำกิจกรรม แย่งกันถ่ายภาพ รอคิวโน่นนี่ แต่ที่นี่พวกเรากลุ่มเดียวกันเท่านั้น อะไรจะดีไปกว่านี้อีกล่ะคะ ใช่ไหม
5. ตรงต่อเวลาดีมาก แบบนัดตรงเวลาเป๊ะ เลทไม่ได้เลย อันนี้ฝากไว้เผื่อใครไปหลังจากนี้ให้ทราบไว้ว่าเค้านัดเวลาต้องตรงเวลาเท่านั้นไม่งั้นกิจกรรมก็จะเลทและถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆทำให้การเที่ยวช้าขึ้นค่ะ
ว่ากันมายาว กลับมาที่การเดินทางของพวกเรา ที่จะขอแชร์บรรยากาศหน้าโรงแรมที่มีลานหิมะสวยงามมาให้ชมกันต่อเลยนะคะ
ลูกชายเคทขอฝากหิมะให้ทุกคนนะคะ ขำๆ แต่คิดถึงหิมะแล้วมีความสุขจริงๆค่ะ
ภายในห้องพัก ก็สะอาดสะอ้าน มีเตียงไว้ 2 เตียงค่ะ
หลังจากที่พวกเราเข้าถึงห้องก็รีบอาบน้ำแล้วเข้านอนเพื่อเอาแรงที่เหนื่อยมาตลอด 24 ชั่วโมงของการเดินทางไกลค่ะ ต้องขอบคุณ Mr.Oleg จริงๆล่ะค่ะ ที่ช่วยเช็คอินให้พวกเราได้นอนพักผ่อน เรียกว่านอนหลับเป็นตายเลยล่ะค่ะ ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง 9 โมงเช้ารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากๆ ลงมาหาอาหารเช้าของโรงแรมทาน เหมือนกับได้นอนมาทั้งคืนเลยค่ะ มาดูหน้าตาอาหารเช้าโรงแรมกันนะคะ
เคทมีรีวิวอาหารเช้าให้เพื่อนๆในเฟสบุคไลฟ์ เอามาฝากกันไว้นะคะ
https://www.youtube.com/watch?v=_yRNj18GHq4&feature=youtu.be
หลังจากทานอาหารอิ่มหนำแล้ว พวกเราก็อยากรีบไปช้อปปิ้งหารองเท้ากันหิมะไว้ใส่กันหนาวและผจญในหิมะหนาๆได้อย่างไม่ต้องกลัวไม่สบายกันที่ห้างฯตรงข้ามกับโรงแรม ตามที่ Mr.Oleg ได้แนะนำไว้ว่ามีร้านขายรองเท้า ถุงมือ และอื่นๆกันหนาวสวยๆไม่แพงมากมายค่ะ
แต่ก่อนที่จะไปชมของในห้างที่อยู่ตรงข้าม Azimut นั้นต้องเดินผ่านลานหิมะ เจ้าลูกชายตัวดีก็อดไม่ได้ที่จะเล่นสไลเดอร์ และหิมะ ก็น่าสนุกดีนะคะ มาลองชมบรรยากาศการไลฟ์บนเฟสบุคกันค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=l2z2AC98VcM
ถ้าใครสนใจจะหาเครื่องกันหนาว กันหิมะจริงๆแนะนำว่าให้ตรงมาซื้อที่มูร์มังส์กนี้ค่ะ เดินทั้งมอสโกไม่เจอเจ้าดีๆเหมือนที่นี่เลยค่ะ พวกเราทุกคนสอยรองเท้ากันคนละคู่ เคทกับลูกชายซื้อถุงมือกันหิมะ ใช้ได้ดีมากๆเลยทีเดียวค่ะ มาลองดูตัวอย่างของในร้านที่พวกเราแทบเหมาปิดร้านกันค่ะ
ของพวกนี้คุณภาพดีราคาไม่แพงจริงๆค่ะ พอช้อปอย่างอิ่มหนำแล้วก็ถึงเวลานัดออกซิตี้ทัวร์ต่อกันเลยนะคะ
ที่แรกที่ไป คือ MEMORIAL “DEFENDERS OF THE SOVIET ARCTIC DURING THE GREAT PATRIOTIC WAR” ( “ALYOSHA”) เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อสดุดีทหารโซเวียต พวกเราไปถึงประมาณบ่าย 2 ค่ะ สวยงามมากๆจริงๆเลยค่ะ
สถานที่ต่อมาที่เราได้ไปเที่ยวชม คือ MONUMENT “ZHDUSCHAIA” เป็นคล้ายๆตำนานการรอคอยในหลายๆสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ชายทะเล อันนี้ก็เป็นผู้หญิงที่เฝ้ารอการกลับมาของกะลาสีค่ะ พอดีกล้องเริ่มรวนเลยไม่มีรูปถ่ายตรงนี้เลยค่ะ
ต่อมาเราก็ไปดูโบสถ์ St. George สวยงามมากๆทีเดียวค่ะ
ชมด้านในโบสถ์กันค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=bvm-M80x0o0
https://www.youtube.com/watch?v=WTxWFeCr8yI
แล้วก็มาถึงสถานที่ที่เป็นพระเอกของพวกเราใน ซิตี้ทัวร์ครั้งนี้ แบบไม่เจอเรียกว่าพลาดอย่างมหันต์ คือ เรือตัดน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์เลนนิน
จริงๆแล้วพวกเรามาถึงเวลาที่เรือปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้ว แต่ด้วยความสามารถและความสัมพันธ์พิเศษของ guide สาว Mila สามารถไปขอให้มีการเปิดให้พวกเราได้เข้าไปดูหลังเวลา 17.00 น. ค่ะ นับว่าโชคดีมากๆเลยนะคะ
มาชมกันเลยค่ะ จริงๆประวัติของเรือลำนี้ค่อนข้างยิ่งใหญ่และแสดงให้เห็นวิวัฒนาการล้ำสมัยของรัสเซีย คือสรุปคร่าวๆ เรือพลังงานนิวเคลียร์นี้เปิดเครื่องครั้งเดียวสามารถให้พลังงานไปถึง 7 ปี วิทยากรหนุ่มบรรยายซะละเอียดยิบตั้งแต่ประวัติความเป็นมาจนถึงว่าปัจจุบันถึงแม้ว่าไม่ได้ออกไปตัดน้ำแข็งแล้ว ก็ยังมีทีมทำงานเพื่อทำนุบำรุงเรือให้ใช้การได้เสมอ แถมยังบอกอีกว่ากัปตันคนแรกของเรือยังคอยกลับมาหาทีมงานเสมอ และเปิดเครื่องให้พวกเราชมซะด้วย ไปชมเป็นวีดีโอเลยแล้วกันนะคะ ขาดช่วงบ้างอะไรบ้างก็อย่าถือสากันนะคะ
และแล้วก็มาถึงเวลาแห่งการล่าแสงเหนือแล้วตั้งแต่เวลา 21.00 น. ซึ่งเราต้องเดินทางออกจากเมืองมูร์มังส์กเพื่อไปตามเส้นทางที่มีแสงเหนือ ค่อนข้างมืดและยาวนานค่ะ พอมาถึงทางไกด์จะนำโต๊ะ เก้าอี้ กระติกน้ำร้อน ที่ขาดไม่ได้ คือ ว้อดก้า เพื่อให้พวกเราได้จิบเพื่อคลายความหนาว เราทุกคนพยายามลงไปตั้งขาตั้งหน้ารถ แล้วรอที่จะถ่ายแสงเหนือตามแผนที่วางไว้ สิ่งที่คุณเคทเจอคือกล้องไม่ติด แฟลชพกพาที่ซื้อมาเพื่อถ่ายภาพแสงเหนือก็ดับไปหลังจากเปิดใช้ได้แค่ 15 นาที และแล้ว หิมะก็ตกปรอยปรายลงมา จนถึงเวลา 23.00 น. ทางรถตู้ก็ต้องรีบบึ่งกลับรถเพื่อไปรับอีกกรุ๊ปนึงเพื่อมาดูแสงเวลา 12.00 น. (เที่ยงคืน) กัน พวกเราก็ผิดหวังแต่ก็ยังมีโอกาสแก้ตัวอีกวันรุ่งขึ้นก็กลับไปยัง รร. และพักผ่อนเพื่อเอาแรงเที่ยวต่อวันรุ่งขึ้นค่ะ
มาติดตามทริปตามล่าหาแสงเหนือ รัสเซีย วันที่ 3 ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ https://ppantip.com/topic/36079603
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น