เรื่องนี้ผมไม่ได้มาก่อนเคยได้ยินคนพูดถึงแวบๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร บังเอิญว่าไปหาดูพวกตัวละครต่างเรื่องมาเปรียบเทียบสู้เล่นๆ แล้วเจอตัวละครของเรื่องนี้เข้าเลยสนใจตามไปดู
Trailer นี้เป็นตัวที่ทำให้ผมตัดสินใจดู ตัวละครโดดเด่นและมีเสน่ห์ เสียงพากษ์ใช้ได้ มุกโจ๊กดูไปยิ้มไป และคิวบู๊ต่อสู้ทำได้ดีมากครับ
ซีซันแรกของเรื่องนี้ทำออกมาได้ขึ้นหิ้งมากสำหรับผม แม้จะเป็นตอนสั้นๆ แต่ดูสนุก OP 30 วินาทีไม่ได้สั้นเกินไปแต่อย่างใดทำออกมาได้ครอบคลุมและไม่สปอยล์เนื้อหาดีซึ่งก็พอฟังเพลงติดหูอยู่ครับ ED เรียบง่าย เนื้อหาดูง่ายชวนติดตาม คิวบู๊ยังคงยอดเยี่ยม บทฮายังคงทำให้อมยิ้มได้เช่นเคย
(เรื่องนี้ค่ายเมะโพสขึ้นยูทูปเองทั้งซีรีย์)
อย่างไรก็ดีซีซัน 2 นั้นเรื่องเริ่มอืดๆ กร่อยๆ ลงแม้ว่าจะได้ทุนมามากขึ้นจนทำเป็นตอนละ 15 นาทีมีเพลงเปิดเพลงปิดยาวตามเมะทั่วไปแล้ว แต่ว่าความรู้สึกในการดูนั้นกลับสนุกสู้ซีซันแรกไม่ได้
สำหรับผมซีซัน 3 คือหายนะของเรื่องนี้ ผมไม่รู้ว่าทีมสร้างคิดอะไรกันอยู่แต่ว่าซีซันนี้พวกเขาได้ตัดสินใจทำลายเสน่ห์ของเรื่องจากซีซัน 1 ทิ้งทั้งหมด ทั้งตัวร้ายมาดยียวดที่โดนตัดบทไปดื้อๆ ดัวร้ายที่ดูลึกลับ(เอลซ่าแดง) ก็โดนลดบทลงมาเป็นตัวร้ายเก็กๆ ดูเป็นนางร้ายทั่วไป ซีซันนี้ดึงระดับพลังการต่อสู้ขึ้นมาสูงพรวดพราดในทันทีซึ่งมันเหมือนจู่ๆ เอาแฮรี่พอร์เตอร์ตอนปี 1 ปี 2 มาเจอโวลเดอมอร์ตัวเป็นเลย ที่ทำเอาผมกุมขมับคือพวกมอนส์นี่ไม่คิดจะมีตัวใหม่ๆ เลยเหรอแบบว่ารีไซเคิลมาจากซีซัน 1 หมดเลย บทช่วงท้ายซีซันนี้เหมือนเมะญี่ปุ่นที่โดนเร่งจบมาก
ซีซัน 4 เหมือนจะพยายามเล่นโทนดาร์กๆ หนักๆ ราวกับว่าพยายามทำให้ตัวละครนั้นดูเหมือนมีการพัฒนาเติบโตทางบุคคลิกขึ้นซึ่งต้องดูต่อไปว่าทางทีมงานจะทำได้ดีขนาดไหนแต่เท่าที่ผมเห็นแฟนอาร์ตส่วนมากยังคงวาดตัวละครในบุคคลิกในซีซัน 1 - 2 อยู่
สรุป RWBY นั้นเริ่มต้นเป็นเมะดีดูง่าย คอนเซปชัดเจน ตัวละครมีเสน่ห์ คุณภาพงานดีแต่เหมือนกับว่าทำไปแล้วเบื่องานของตัวเองกัน ความอาร์ตเริ่มองค์ลงประทับทรง จากที่ผมดูตั้งแต่ต้นจนจบก็เริ่มกดข้ามๆ ตั้งแต่ซีซัน 3 ซึ่งสำหรับผมแล้วค่อนข้างน่าเสียดาย หลังจากจบซีซันแรกแล้วนี่ผมวางรายชื่อเอาไว้ในเรื่องขึ้นหิ้งน่าดูของผมแต่พอจบซีซัน 3 แล้วถึงกับต้องยกลงไปอยู่กับเมะทั่วไปที่ดูจบแล้วก็จบๆ ลืมๆ ไป
[spoil, หลังเขา] RWBY เขย่าหิ้งตัวเองจนพัง
Trailer นี้เป็นตัวที่ทำให้ผมตัดสินใจดู ตัวละครโดดเด่นและมีเสน่ห์ เสียงพากษ์ใช้ได้ มุกโจ๊กดูไปยิ้มไป และคิวบู๊ต่อสู้ทำได้ดีมากครับ
ซีซันแรกของเรื่องนี้ทำออกมาได้ขึ้นหิ้งมากสำหรับผม แม้จะเป็นตอนสั้นๆ แต่ดูสนุก OP 30 วินาทีไม่ได้สั้นเกินไปแต่อย่างใดทำออกมาได้ครอบคลุมและไม่สปอยล์เนื้อหาดีซึ่งก็พอฟังเพลงติดหูอยู่ครับ ED เรียบง่าย เนื้อหาดูง่ายชวนติดตาม คิวบู๊ยังคงยอดเยี่ยม บทฮายังคงทำให้อมยิ้มได้เช่นเคย
(เรื่องนี้ค่ายเมะโพสขึ้นยูทูปเองทั้งซีรีย์)
อย่างไรก็ดีซีซัน 2 นั้นเรื่องเริ่มอืดๆ กร่อยๆ ลงแม้ว่าจะได้ทุนมามากขึ้นจนทำเป็นตอนละ 15 นาทีมีเพลงเปิดเพลงปิดยาวตามเมะทั่วไปแล้ว แต่ว่าความรู้สึกในการดูนั้นกลับสนุกสู้ซีซันแรกไม่ได้
สำหรับผมซีซัน 3 คือหายนะของเรื่องนี้ ผมไม่รู้ว่าทีมสร้างคิดอะไรกันอยู่แต่ว่าซีซันนี้พวกเขาได้ตัดสินใจทำลายเสน่ห์ของเรื่องจากซีซัน 1 ทิ้งทั้งหมด ทั้งตัวร้ายมาดยียวดที่โดนตัดบทไปดื้อๆ ดัวร้ายที่ดูลึกลับ(เอลซ่าแดง) ก็โดนลดบทลงมาเป็นตัวร้ายเก็กๆ ดูเป็นนางร้ายทั่วไป ซีซันนี้ดึงระดับพลังการต่อสู้ขึ้นมาสูงพรวดพราดในทันทีซึ่งมันเหมือนจู่ๆ เอาแฮรี่พอร์เตอร์ตอนปี 1 ปี 2 มาเจอโวลเดอมอร์ตัวเป็นเลย ที่ทำเอาผมกุมขมับคือพวกมอนส์นี่ไม่คิดจะมีตัวใหม่ๆ เลยเหรอแบบว่ารีไซเคิลมาจากซีซัน 1 หมดเลย บทช่วงท้ายซีซันนี้เหมือนเมะญี่ปุ่นที่โดนเร่งจบมาก
ซีซัน 4 เหมือนจะพยายามเล่นโทนดาร์กๆ หนักๆ ราวกับว่าพยายามทำให้ตัวละครนั้นดูเหมือนมีการพัฒนาเติบโตทางบุคคลิกขึ้นซึ่งต้องดูต่อไปว่าทางทีมงานจะทำได้ดีขนาดไหนแต่เท่าที่ผมเห็นแฟนอาร์ตส่วนมากยังคงวาดตัวละครในบุคคลิกในซีซัน 1 - 2 อยู่
สรุป RWBY นั้นเริ่มต้นเป็นเมะดีดูง่าย คอนเซปชัดเจน ตัวละครมีเสน่ห์ คุณภาพงานดีแต่เหมือนกับว่าทำไปแล้วเบื่องานของตัวเองกัน ความอาร์ตเริ่มองค์ลงประทับทรง จากที่ผมดูตั้งแต่ต้นจนจบก็เริ่มกดข้ามๆ ตั้งแต่ซีซัน 3 ซึ่งสำหรับผมแล้วค่อนข้างน่าเสียดาย หลังจากจบซีซันแรกแล้วนี่ผมวางรายชื่อเอาไว้ในเรื่องขึ้นหิ้งน่าดูของผมแต่พอจบซีซัน 3 แล้วถึงกับต้องยกลงไปอยู่กับเมะทั่วไปที่ดูจบแล้วก็จบๆ ลืมๆ ไป