เสน่ห์ตัวละครจากนวนิยายสู่ละครโทรทัศน์ | พรหมลิขิต

ขอตั้งตัวเป็นกลางในกระทู้นี้ และขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการวิจารณ์ตัวละครในฐานะแฟนละครที่ติดตาม และเป็นผู้ที่เคยอ่านนวนิยายเรื่องนี้

พรหมลิขิต เป็นเรื่องราวภาคต่อที่ต่อเนื่องมาจากบุพเพสันนิวาส เป็นเนื้อเรื่องที่ขยายและไปเติมเต็มปมต่าง ๆ ในบุพเพสันนิวาสให้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น ปมเรื่องฝาแฝด ปมเรื่องการพลัดพรากจากความรัก ปมเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ตามนิยาย ถือว่าเป็นการปิดจักรวาลบุพเพสันนิวาส และพรหมลิขิตได้เป็นอย่างดี ต้องขอชื่นชมคุณรอมแพง ที่ร้อยเรียงเรื่องราวที่ต่อเนื่องกันได้อย่างยอดเยี่ยม จริง ๆ เรื่องนี้ คุณรอมแพงวาวพล็อตไว้ก่อนที่บุพเพสันนิวาสจะโด่งดัง แต่เมื่อเกิดกระแสในวงกว้าง ผู้ชมและผู้จัดก็เรียกร้องให้ร้อยเรียงภาคต่อโดยใช้นักแสดงท่านเดิม คุณรอมแพงก็ปรับเปลี่ยนพล็อตเรื่องนิดหน่อย แต่แปลกใจที่การปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก ๆ ช่างหาเหตุผลมารองรับได้เป็นอย่างดี นักประพันธ์ยอดเยี่ยมคงเรียกได้เต็มปาก ในตัวนวนิยาย ในภาคนี้จะมีปมที่ใหญ่กว่าบุพเพสันนิวาส มีการข้ามภพข้ามชาติ ความเป็นมาของเรื่องราวทั้งหมด ค่อนข้างที่จะเป็นสเกลใหญ่ที่ภาคนี้จะต้องสร้างสรรค์เพื่อคลายทุกข้อสงสัยในบุพเพสันนิวาส ซึ่งถ้าหากเทียบกันกับนิยายทั้งสองเล่ม พรหมลิขิตค่อนข้างที่จะราบเรียบ ไม่หวือหวามากนักเมื่อเทียบกับบุพเพสันนิวาส แต่ยังอ่านได้เรื่อย ๆ และผูกใจคนอ่านไปจนจบ แต่...ฉบับละครโทรทัศน์ เมื่อต้องนำมาผลิตเป็นภาพเคลื่อนไหวออกอากาศ แน่นอนมันต้องมีการปรับบทประพันธ์ออกไปให้มันเหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ ประมาณ 80 % ก็ยังคงรักษาโครงหลักของเรื่องนี้ไว้ได้ แล้วอีก 20 % ไปไหน ผิดพลาดตรงจุดใด ?

บุพเพสันนิวาส เป็นละครที่ชักจูงใจ ผูกติดคนดูให้เฝ้าอยู่กับหน้าจออย่างละสายตามิได้ แต่บทละครพรหมลิขิต เป็นการเล่าเรื่องอย่างราบเรียบดังเช่นนวนิยาย จะดูก็ได้ ดูเพลิน ๆ แต่ไม่ถึงกับต้องจดจ่อ หรือพลาดตรงไหนไปก็ไม่เป็นไร อาจจะมีฉากที่หวือหวามาบ้างบางช่วง แต่โดยส่วนใหญ่ก็จะวนลูป ในภาคนี้จะเน้นถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านทั่วไป วนเวียนเหมือนกำลังดูชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ตื่นเช้ามา ปลูกผัก ทำอาหาร งอนกันไป งอนกันมา ตามง้อ แล้ววนลูปอยู่เหมือนเดิม ตัวร้ายก็วีนไป วีนไป วีนมา นางเอกจะตบ แต่ก็ไม่ได้ตบ งอนยาย แล้วกลับมาหาเรื่องนางเอก แล้ววนลูปเข้าสู่จุดเดิม เหมือนเป็นจุดที่พยายามยัดใส่เข้ามาเพื่อให้มันเพียงพอต่อระยะเวลาออกอากาศ คิดอะไรไม่ออก บอกนังกลิ่น แล้วพยายามยัดเหตุผลว่าหล่อนเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน ทั้งที่จริงแล้วมันคือน้ำ น้ำที่ลอยโคลงเคลงอยู่ไม่มีอะไรเลย การตีความของผู้เขียนบทผิดพลาดมาก ๆ นังกลิ่นคือนางร้ายทั่วไปที่ไม่มีชั้นเชิงอะไรเลย คงจะพอเข้าใจว่าทำไมต้องเอาถึงระดับนางเอกมาเล่น เพราะถ้าเป็นนางร้ายทั่วไป คงจะไม่พาวเวอร์พอและจมไปเลย เป็นบทที่น่ารำคาญมาก ๆ แตกต่างจากนิยาย ที่เล่าให้บทนังกลิ่น เป็นตัวละครที่โผล่มาแต่ละที่ คือเหมือนเจ้ากรรมนายเวรจริง ๆ ไม่น่ารำคาญ มีทั้งมุมที่น่าสงสาร และไม่เกลียดเหมือนในละครขนาดนี้ จริง ๆ บทนังกลิ่น เหตุการณ์ต่าง ๆ มันก็เหมือนในนิยายนั่นแหละ แต่เสน่ห์ของการเล่ามันไม่เหมือนกัน รู้สึกว่านังกลิ่นทั้งเวอร์ชั่นนิยาย และเวอร์ชั่นละครแตกต่างกันอยู่พอควร แต่ในนิยายมันยังตีความออกมาเป็นมนุษย์คนนึงอ่ะค่ะ ที่มีทั้งความดี ความชั่ว อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ถึงขนาดละครที่ตีความออกมาเป็นนางร้ายฉบับไทย  ๆ เลย ออกมาแต่ละที รู้สึกเบื่อ รำคาญ อยากให้โดนตบบ้าง

ต่อกันที่บทแม่หญิงแพรจีน ที่ละครตีความได้ผิดเพี้ยนไปจากตัวนิยายมาก ๆ ในนิยาย แม่หญิงแพรจีนไม่ได้ร้ายถึงขนาดนี้นะคะ แล้วก็ไม่ได้อยากได้พระเอกจนตัวสั่นขนาดนี้ มีมุมน่ารัก ๆ มีเข้าหาพุดตาน และระยะหลังก็มาอยู่กับแก้งค์เดียวกับพุดตาน มีแม่ปราง พุดตาน แม่แก้ว แล้วก็แพรจีน แล้วตอนหลังเมื่อรู้ว่าแม่พุดตานได้เป็นเมียพระราชทาน ก็ไม่รู้สึกเสียใจเท่าไหร่ ก็ปลง ๆ ไป คือเหมือนกับว่าจะได้ไม่ได้ก็ไม่รู้สึกอะไร เป็นฟิลแบบเหมือนพ่อแม่จับคลุมถุงชนอ่ะค่ะ แต่ละครไม่มีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้เลย คือตีความออกมาว่าแม่แพรจีนอยากออกเรือนกับพ่อริด และรู้ว่าพ่อริดกับพุดตานแอบชอบกัน จึงไม่ค่อยชอบแม่พุดตาน แล้วก็ยังมีกิริยาก้าวร้าวต่อคุณหญิงการะเกดอีกด้วย เรียกได้ว่าแทบจะเป็นคนละคนไปเลย เสียดายบทนี้เหมือนกัน

สุดท้ายที่ตัวละครเอกอย่างพ่อริด และพุดตาน ในนิยายก็มีบ้างที่งอนกัน แต่ไม่ถึงกับขนาดนี้อ่ะค่ะ พ่อริดก็ยังถือว่าไม่เอาแต่ใจหรือว่าขี้งอนในขนาดละครเลย ยังพอมีมุมที่เป็นผู้ชายแข็งแกร่ง และแอบร้ายนิด ๆ อยู่บ้าง พอมีเล่ห์เหลี่ยม เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แต่ละครคือตีความให้เป็นคุณหนูเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ แล้วก็รำคาญที่จะต้องงอนไปงอนมาขนาดนี้

ประการสุดท้ายที่พรหมลิขิตแตกต่างไปจากบุพเพสันนิวาส ก็คือการเล่าเรื่อง เสน่ห์ตรงนี้กลับหายไป ปมบางปมที่ต้องขยี้ กลับทิ้งไป จุดไหนที่ต้องปล่อยผ่าน แต่ก็ให้ความสำคัญ เล่าเรื่องอย่างราบเรียบ จะดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เสียดาย การปรับบท ก็เพื่อที่จะให้มันสอดคล้องกับบริบทของละคร แต่ก็น่าเสียดายนะคะ เพราะนิยายเรื่องนี้มันถูกเขียนขึ้นมาอย่างกลมกล่อม และเขียนขึ้นเพื่อจะเป็นละครโดยเฉพาะแล้ว ยิ่งปรับ มันก็ยิ่งเพี้ยนอ่ะค่ะ เสียดาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พรหมลิขิตก็ไม่ได้ถือว่าบทแย่หรือพังพินาศอะไรเลย ยังถือเป็นละครเกรด A ด้วยซ้ำ แต่ถ้าให้เทียบกับภาคก่อนหน้า คือมันไม่สมบูรณ์แบบเท่าเท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่