ความเห็นของผมกับบทของพรหมลิขิต

ความเห็นติชมละครพรหมลิขิตในทุกสื่อ ผมได้อ่านมาแล้ว ในที่นี้ผมจะขอพูดความเห็นเกี่ยวกับบทในละครเรื่องนี้
1.การชูนางเอกด้วยการด้อยค่าตัวละครหญิงอื่นอย่างแม่กลิ่นและแม่แพรจีน
เนื่องจากผู้เขียนบทอาจเห็นว่านิยายของคุณรอมแพงราบเรียบไป ผู้เขียนบทจึงปรับบทให้แม่กลิ่นมีความร้ายแบบเสียสติเพื่อให้คนดูด่าและเอาใจช่วยนางเอก รวมถึงเปรียบเทียบพฤติกรรมกับนางเอกในเรื่องว่ามีความดีมากกว่า ส่วนบทแม่แพรจีนก็เช่นเดียวกัน ผู้เขียนบทปรับบทให้แม่แพรจีนดูร้ายแบบเอาแต่ใจเพื่อที่คนจะได้เอาใจช่วยรักต่างชนชั้นในครั้งนี้ แต่ผู้เขียนบทรวมถึงทีมงานลืมไปว่าที่บุพเพสันนิวาสสามารถเป็นละครในดวงใจของใครหลายคนได้เพราะความเคารพบทประพันธ์ ไม่ใช่การอยากชูคู่พระนางจนเลยเถิดแบบนี้
2.เรื่องนิสัยพระเอก
ผู้เขียนบทอาจไม่ชอบผู้ชายที่มีนิสัยแบบพระเอกในนิยายเพราะนิสัยพระเอกในนิยายไม่สามารถชูแนวคิดแบบเฟมินิสต์ได้ จึงปรับบุคลิกพระเอกให้ดูเป็นคนขี้งอนเพื่อให้เข้ากับบุคลิกนางเอกในเรื่องที่เป็นคนที่มีความเข้มแข็งในตัว เพราะคิดว่าคนดูจะประทับใจในความเป็นพ่อแง่ยิ้มอนครั้งนี้ แต่อย่างว่าอะไรที่มันเกินพอดีทุกอย่างย่อมไม่ดี ทำให้เกิดกระแสตีกลับแบบทุกวันนี้
3.แนวคิดส่วนตัวของผู้เขียนบทที่แทรกในบทละคร
การแทรกแนวคิดส่วนตัวของผู้เขียนบทเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่การแทรกแนวคิดส่วนตัวจนเกินพอดีจะมีผลกับบทละครได้ ในเรื่องพรหมลิขิตเช่นกันมีการยัดเยียดแนวคิดแบบสตรีนิยมในตัวละครหญิงจนเกินเส้นของความพอดี รวมถึงแนวคิดทางการเมืองของสองฝั่งตรงข้ามระหว่างฝั่งความคิดความเชื่อเก่ากับความเชื่อใหม่เข้าด้วยกัน ซึ่งแทนที่จะทำให้เกิดการถกเถียงกันระหว่างความเชื่อที่ต่างกลับทำให้คนดูเบื่อแทน 
4.มุขตลกที่ซ้ำกันเกินไป
ผู้จัด ผู้เขียนบทคงคิดว่าจะหากินกับบุพเพสันนิวาสต่อถึงใส่ฉากตลกที่เคย pop ในบุพเพสันนิวาสเข้ามาในละคร แต่สิ่งที่ต่างคือในบุพเพสันนิวาสการแทรกมุขตลกเป็นธรรมชาติกว่าเพราะเป็นมุขตลกที่อยู่ในระหว่างสถานการณ์ต่างๆของเรื่อง แต่ในพรหมลิขิตกลับเป็นมุขตลกที่จงใจใส่เข้ามาโดยผ่านทางตัวแสดงหลักก็ดี บ่าวไพร่ก็ดี ดูน่าเบื่อแต่พอดูได้เพราะการแสดงที่เป็นธรรมชาติของนักแสดง
5.เรื่องที่ควรจะขยี้ไม่ขยี้
เรื่องปมพันปีซึ่งเป็นสาเหตุของเรื่องควรขยี้ไม่ขยี้ เพราะจะเป็นเรื่องที่ต่อยอดไปถึงภาค1บุพเพและเป็นบุพกรรมของตัวละครทั้ง 4 ได้แก่พ่อเดช เกศสุรางค์ พ่อริด พุดตาน ต้องมาเกี่ยวข้องกัน รวมไปถึงฉากที่พิษณุโลกและพรีบพรีถ้าขยี้ดีๆจะส่งผลทำให้การท่องเที่ยวในพิษณุโลกและเพชรบุรีมีมากขึ้นและเข้าใจถึงปมตัวเอกของเรื่องได้มากขึ้น อยากถามผู้จัดและทีมงานมากทำไมพวกคุณถึงมีแนวคิดเฉไฉแบบนี้ คิดว่าภาคก่อนดังแล้วคุณจะปู้ยี้ปู้ยำภาคนี้ยังไงก็ได้เหรอ ขนาดฉากที่ไม่เกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องคุณยังเพิ่มได้ ทำไมฉากที่สมเหตุสมผลและเป็นเส้นเรื่องหลักถึงไม่เพิ่ม
6.ความเข้าใจในพรหมลิขิตที่ผิดไปจากผู้ประพันธ์ของคนเขียนบท
คนเขียนบทคงเข้าใจว่าคำว่าพรหมลิขิตคือใครที่เกิดมาเป็นคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน จึงเป็นที่มาของคำพูด destiny ของพระเอกที่มีความเข้าใจว่าทุกอย่างแล้วแต่ฟ้าลิขิต ฉากที่ดราม่าที่ผมตีความจากการอ่านหลายสื่อคือ พระเอกนางเอกในเรื่องเป็นคู่แท้ต่อกัน แม้แต่คำสั่งของราชาผู้เป็นดั่งสมมุติเทพก็ดี ก็ไม่สามารถขวางได้ ละครเรื่องนี้ต้องเละขนาดนี้เพราะคุณตีความคำว่าพรหมลิขิตตามความคิดของคุณ ไม่ใช่พรหมลิขิตตามแบบผู้ประพันธ์ ทำไมคุณไม่ปรึกษาคุณรอมแพงก่อนมาเขียนบทเรื่องนี้ 
ท้ายที่สุดนี้ผมในฐานะที่เป็นแฟนละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์อยากจะฝากบอกทีมงานทุกคนว่าที่คนยังดูพวกคุณเพราะนักแสดงที่แบกบทไว้ แม้ว่าจะคุณโป๊ป คุณเบลล่า คุณน้ำตาล คุณน้ำฟ้า คุณซีน คุณไต้ฝุ่น คุณพีพี คุณปีเตอร์แพน คุณเกรซ คุณอ้วน คุณจ๊ะจ๋า คุณรอนและอีกหลายคนที่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อ ผมขอบคุณพวกคุณมากๆที่ตั้งใจทำผลงานนี้ อดทนกับบทบ้งๆ เพื่อทำให้ผู้ชมมีความสุข รวมถึงคุณรอมแพงที่ตั้งใจเขียนบทประพันธ์นี้ด้วยความรัก ที่คนยังดูพวกคุณเยอะเพราะอยากให้กำลังใจนักแสดงและนักเขียนต่างหาก 
ปล พรหมลิขิตยังเทียบชั้นกับละครพีเรียตแนวเดียวกันอย่างหมอหลวงไม่ได้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่