วันที่ 6-1-60 เวลาประมาณ 12.15 น. เอาคร่าว ๆ
ไปนั่งกินข้าวในร้านข้าวแกงใต้ (ได้ยินเสียงมาแต่ไกล ๆ ว่าขายเค๊กกล้วยหอม แม่ผมทำเอง อร่อยมากช่วยเหลือผมด้วยผมป่วยต้องฟอกไต)
ระหว่างรอข้าว ไอ้เราก็เห็นเขาเดินทุกโต๊ะ ขายเค๊กกล้วยหอม ก็กะว่าเออเด๋วมาถึงโต๊ะ อาจจะช่วยซื้อ
พอพี่ท่านมาถึงโต๊ะ พร้อมกับประโยค เดิม คือ ช่วยผมซื้อเค๊กหน่อย ผมป่วยต้องฟอกไต (พร้อมกับเปิดเสื้อให้ดูว่าฟอกไต) พรีเซ้นต์ว่า
เค๊กกล้วยหอมไหมครับ อร่อย สดใหม่ แม่ผมทำเอง เราก็เออจะช่วยซื้อ ถามเขาว่าเท่าไหร่คะ พี่ท่านตอบ 40 ครับ สภาพที่เห็นเค๊กกล้วยหอมคือ
ขนาดเท่ากับ ที่ขายบิ๊กซี่ หรือ S&P ย้ำว่าเท่านั้น บรรจุอยู่ในแพคเกจ กล่องพาสติกสีขาว 2 ชิ้น แต่เราว่าแพงไปไง
น้องที่มากินข้าวด้วยกันถามว่าเท่าไหร่นะ เขาว่า 40 คุณพระ !!(ไม่ถูกนะเค๊ก 2 ชิ้น 40)
เรื่องรสชาดไม่กล้าพูดเพราะไม่เคยชิม (ในใจเรานึกกะว่าเออ ถ้า 20 จะช่วยซื้อ ปกติไม่กินเค๊กกล้วยหอมเพราะไม่ชอบกลิ่นมันค่ะ )
แต่พอพี่ท่านตอบกลับมาว่า 40 เราแอบอึ้ง คิดในใจ ห๊ะ 40 เลยเหรอ ถึงเป็นพนักงานออฟฟิต กุก็ไม่ได้ได้จะร่ำรวยไง... เลยบอกพี่คะงั้นไม่เอา
ไม่ต้องเชื่อที่บอกค่ะ....มีเสียสะท้อนกลับมาทันควัน (พี่คนขาย ผู้ชายที่บอกว่าฟอกไต)
พี่แกย้อนมาอย่างดังว่า วันหน้าถ้าไม่ซื้อนะ ไม่ต้องถามเลย ??????!!!!! คือไรคะหืม...
สิ่งที่ได้ยินคืออึ้งค่ะ โต๊ะข้าง ๆ หันมามอง คือบับ คิดในใจกูผิดใช่มะที่ถาม คือ ถ้าไม่ซื้ออย่าถามใช่ไหม ด้วยความที่ปากไว
ย้อนไปทันควันว่า อ้าว นี่ปากก...เหรอ (ยอมรับสันดานไม่ดีเช่นกัน) คือ พี่แกรีบเดินออกไปจากร้านพร้อมมองด้วยหางตาจนสุดค่ะ
คำถามคือ บางทีนี่ผิดมะ อยากช่วยนะ เท่าที่อยากช่วย แต่คุณย้อนว่าไม่ซื้ออย่าถาม ด้วยน้ำเสียงกระแทก-ดัน คือเลยว่าเออ... ใครไม่โดนกับตัวไม่รู้สึก เพราะคิดว่าเขาป่วย สงสาร ช่วยเขาซื้อ นี่ถ้าเขาจะพูดด้วยประโยคอื่นเช่น ไม่เป็นไรขอบคุณครับ คราวหน้าเรายังเออเอาวะ่ ช่วยเขาซื้อ แต่พอตอนนี้ คิดในใจว่า โอเครให้อภัยแต่ไม่ลืม คราวหน้ามาขายจะรีบตอบไปเลยว่าไม่ซื้อค่ะ กูจำ...
ใครอยู่แถวตึกพหลโยธินเพลสบ้าง เคยเจอคนมาขายเค๊กกล้วยหอมไหมคะ ที่บอกผมป่วย ฟอกไต เค๊กแม่ผมทำเองอร่อยมาก (อย่าดราม่าค่ะ)
ไปนั่งกินข้าวในร้านข้าวแกงใต้ (ได้ยินเสียงมาแต่ไกล ๆ ว่าขายเค๊กกล้วยหอม แม่ผมทำเอง อร่อยมากช่วยเหลือผมด้วยผมป่วยต้องฟอกไต)
ระหว่างรอข้าว ไอ้เราก็เห็นเขาเดินทุกโต๊ะ ขายเค๊กกล้วยหอม ก็กะว่าเออเด๋วมาถึงโต๊ะ อาจจะช่วยซื้อ
พอพี่ท่านมาถึงโต๊ะ พร้อมกับประโยค เดิม คือ ช่วยผมซื้อเค๊กหน่อย ผมป่วยต้องฟอกไต (พร้อมกับเปิดเสื้อให้ดูว่าฟอกไต) พรีเซ้นต์ว่า
เค๊กกล้วยหอมไหมครับ อร่อย สดใหม่ แม่ผมทำเอง เราก็เออจะช่วยซื้อ ถามเขาว่าเท่าไหร่คะ พี่ท่านตอบ 40 ครับ สภาพที่เห็นเค๊กกล้วยหอมคือ
ขนาดเท่ากับ ที่ขายบิ๊กซี่ หรือ S&P ย้ำว่าเท่านั้น บรรจุอยู่ในแพคเกจ กล่องพาสติกสีขาว 2 ชิ้น แต่เราว่าแพงไปไง
น้องที่มากินข้าวด้วยกันถามว่าเท่าไหร่นะ เขาว่า 40 คุณพระ !!(ไม่ถูกนะเค๊ก 2 ชิ้น 40)
เรื่องรสชาดไม่กล้าพูดเพราะไม่เคยชิม (ในใจเรานึกกะว่าเออ ถ้า 20 จะช่วยซื้อ ปกติไม่กินเค๊กกล้วยหอมเพราะไม่ชอบกลิ่นมันค่ะ )
แต่พอพี่ท่านตอบกลับมาว่า 40 เราแอบอึ้ง คิดในใจ ห๊ะ 40 เลยเหรอ ถึงเป็นพนักงานออฟฟิต กุก็ไม่ได้ได้จะร่ำรวยไง... เลยบอกพี่คะงั้นไม่เอา
ไม่ต้องเชื่อที่บอกค่ะ....มีเสียสะท้อนกลับมาทันควัน (พี่คนขาย ผู้ชายที่บอกว่าฟอกไต)
พี่แกย้อนมาอย่างดังว่า วันหน้าถ้าไม่ซื้อนะ ไม่ต้องถามเลย ??????!!!!! คือไรคะหืม...
สิ่งที่ได้ยินคืออึ้งค่ะ โต๊ะข้าง ๆ หันมามอง คือบับ คิดในใจกูผิดใช่มะที่ถาม คือ ถ้าไม่ซื้ออย่าถามใช่ไหม ด้วยความที่ปากไว
ย้อนไปทันควันว่า อ้าว นี่ปากก...เหรอ (ยอมรับสันดานไม่ดีเช่นกัน) คือ พี่แกรีบเดินออกไปจากร้านพร้อมมองด้วยหางตาจนสุดค่ะ
คำถามคือ บางทีนี่ผิดมะ อยากช่วยนะ เท่าที่อยากช่วย แต่คุณย้อนว่าไม่ซื้ออย่าถาม ด้วยน้ำเสียงกระแทก-ดัน คือเลยว่าเออ... ใครไม่โดนกับตัวไม่รู้สึก เพราะคิดว่าเขาป่วย สงสาร ช่วยเขาซื้อ นี่ถ้าเขาจะพูดด้วยประโยคอื่นเช่น ไม่เป็นไรขอบคุณครับ คราวหน้าเรายังเออเอาวะ่ ช่วยเขาซื้อ แต่พอตอนนี้ คิดในใจว่า โอเครให้อภัยแต่ไม่ลืม คราวหน้ามาขายจะรีบตอบไปเลยว่าไม่ซื้อค่ะ กูจำ...