ต่อจากกระทู้ที่แล้วนะครับ
[CR]Review=ไปเกาหลีหน้าหนาวสองคืน=ไปเองคนเดียว=เที่ยวครั้งแรก!!!(แบบละเอียดเว่อ)!!!Part1/2
https://ppantip.com/topic/35967102
วันที่ 2
วันนี้ตื่นประมาณเจ็ดโมง แต่งตัว ไปกินข้าวเช้าของที่พัก วันนี้ตื่นมามีหิมะตกพอดีครับ ตกบางๆ อากาศหนาวกว่าเมื่อวานนิดหน่อย
อาหารเช้าจะเริ่มเตรียมให้8.00-10.00 ก็เป็นอาหารเช้าง่ายๆ ซีเรียล นม ผลไม้ ไข่ต้ม ก็ตักกินตามสบาย ขนมปังปิ้ง แต่ต้องรักษาความสะอาดหน่อยเพราะมีโต๊ะไม่กี่ตัวแบ่งกันใช้
คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon Stream)
มาที่สถานีทงแดมุน ออกexit 8 ไปคลองชองเกชอนครับ
สมัยก่อนบอกเป็นคลองน้ำเน่า รัฐบาลทุ่มงบประมาณพัฒนาจนได้คลองน้ำใสสะอาดน่าเที่ยวชม
คลองนี้ยาวหลายกิโล คือผมเลือกมาดูในส่วนทางทงแดมุนครับ เพราะจะมาดูประตูทงแดมุนด้วย แต่ปรากฏว่าปิดปรับปรุงครับ จึงได้แต่ชมคลองอย่างเดียว
คลองส่วนนี้ยังดูมีตลิ่งธรรมชาติอยู่ครับ มีหญ้าขึ้นแล้วก็มีหิมะโปรยๆบางๆ เราก็เดินดูเอ้อระเหยไปเรื่อยเปื่อย ริมคลองเนี่ย เป็นสถานที่ยืนสูบบุหรี่ของคนแถวนั้นเค้าล่ะครับ ควันโขมงเชียว
เคียงบกกุง(Gyeongbokgung)
ชมน้ำชมท่าเรียบร้อยก็มาถึงพระราชวังบ้าง กว่าจะมาถึงก็สิบโมงกว่าละครับ วิธีการก็มาลงที่สถานี Gyeongbokgung Exit 5 จะมาโผล่ที่พิพิทธภัณฑ์ ซึ่งจะอยู่ด้านข้างของพระราชวัง
เราจะต้องเดินเข้าไปเพื่อนไปยังจุดซื้อตั๋วเข้าชมครับ หลังจากได้ตั๋วแล้ว ก็รอไกด์เลยคับ ซึ่งจะมีไกด์ภาษาอังกฤษรอบ 11.00 พอดี ก็ยืนรออีกนิดหน่อย แนะนำให้มากับไกด์นะครับ ได้ความรู้ดีมาก
“เคียงบกกุง”แปลว่า พระราชวังที่สวรรค์ประทาน ถ้าจะเอาแบบเท่ๆหน่อยก็คงประมาณ
“เทวประสิทธิมณเฑียร”
สร้างชึ้นในปี1395 ตั้งแต่เริ่มราชวงศ์โชซอน ด้านหลังนั้นเป็นภูเขาบูกักซาน ซึ่งบริเวณเชิงเขานั้นปัจจุบันก็เป็นที่ตั้งของทำเนียบประธานนาธิบดี
พระราชวังแห่งนี้ถูกทำลายครั้งแรกเมื่อญี่ปุ่นรุกรานในปี1592 จากนั้นได้รับการบูรณะ และถูกทำลายอีกครั้งในช่วงสงครามโลก
ที่หลงเหลือของดั้งเดิมมีเพียง10% อีก 90%นั้นถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด และขณะนี้ก็ยังสร้างอยู่เรื่อยๆ
Geunjeongjeon
เป็นอาคารท้องพระโรงที่ประดิษฐานของพระราชบังลังค์ ใช้ว่าราชการออกขุนนางและประกอบพระราชพิธีต่างๆ ถนนบริเวณลานหินด้านหน้า แบ่งเป็นสามเลน เลนกลางไว้สำหรับพระราชาเท่านั้น และข้างๆจะมีเสาหินเขียนเลขลำดับ เอาไว้กำกับเวลาขุนนางเข้าเฝ้า ถ้าขุนนางชั้นสูงก็จะอยู่หลักแถวหน้าๆหน่อย
บริเวณฐานไม้ที่รองรับหลังคา มีการประดับตกแต่งด้วยการลงสี เป็นรูปสัญลักษณ์มงคลต่างๆ ซึ่งการลงสีลักษณะนี้ ใช้เฉพาะการตกแต่งพระราชวัง และพระอารามสำคัญเท่านั้น แม้แต่ขุนนางชั้นสูงก็ไม่มีสิทธิตกแต่งบ้านด้วยการเขียนสีแบบนี้
ภายในท้องพระโรง ประดิษฐานพระราชบังลังค์ เบื้องหลังฉาก วาดเป็นรูปภูเขาห้ายอด พระจันทร์ และพระอาทิตย์
พระอาทิตย์และพระจันทร์เป็นตัวแทนแห่งหยิน-หยาง กลางวัน-กลางคืน
ยอดเข้าทั้งห้า หมายถึง ยอดเขาสำคัญทั้งห้าของคาบสมุทรเกาหลี เป็นสัญลักษณ์พระราชอำนาจของพระราชาเหนือดินแดนเกาหลีทั้งมวล
บนฝ้าเพดานท้องพระโรงมีรูปมังกรทอง เป็นสัญลักษณ์ของพระราชา
Sajeongjeon
เป็นพระตำหนักที่พระราชาใช้ทรงงาน ทรงพระอักษร อ่านฏีการาชการต่างๆ
ไกด์เกาหลีก็ชี้ให้ดูว่า ใต้อาคารต่างๆจะมีรูที่ใต้ถุน ไว้สำหรับใส่ถ่านหินทำความร้อน เพื่อเป็นheater ในฤดูหนาว
การที่บ้านเรือนของคนเกาหลีต้องถอดรองเท้าก่อนเข้า นอกจากจะเป็นการแสดงความเคารพแล้ว ก็ยังเป็นการสัมผัสความอุ่นจากพื้นได้โดยตรง
Gyeonghoeru
พระตำหนักกลางสระน้ำ ซึ่งในวันที่ผมไป กลายเป็นน้ำแข็งไปหมดและมีหิมะปกคลุม เป็นพระตำหนักที่พระราชาใช้ผ่อนคลายอิริยาบถ และใช้จัดงานเลี้ยงรับรองพระราชทูต
ต่อมาจะเข้าสู่พระราชฐานฝ่ายใน ก็คือเป็นที่อยู่พระพระมเหสีและเหล่าสนมนางใน
Gannyeongjeon
เป็นพระตำหนักของพระมเหสี โดยปกติแล้วตามธรรมเนียมเกาหลี พระมเหสีจะมิได้อยู่ร่วมตำหนักเดียวกับพระราชาตลอด โดยพระราชาจะเสด็จมาเป็นครั้งคราวเพื่อประทับกับมเหสีและเหล่าพระสนม
ปีกตะวันตกของตำหนักจะเป็นที่อยู่ปกติพระมเหสี เมื่อพระราชาเสด็จมาก็ย้ายมาอยู่ร่วมห้องทางอีกตะวันออก เป็นนัยว่าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการให้กำเนิดโอรส เมื่อโอรสเจริญพระชันษาแล้ว ก็ต้องย้ายออกจากวังไป เช่น องค์ชายรัชทายาทก็จะย้ายไปอยู่พระราชวังตะวันออก
ส่วนตำหนักของเหล่าสนมนางใน ก็จะอยู่ลดหลั่นกระจายตัวกันออกไปด้านข้างและด้านหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกทำลายไปหมดในช่วงสงคราม
ทีนี้ก็จะเป็นส่วนของพระราชอุทยาน
สระน้ำ Hyamgwonji
วันนี้ก็กลายเป็นน้ำแข็งไปหมด บริเวณกลางสระเป็นที่ตั้งของ ตำหนัก
Hyanwonjeong ก็จะเป็นตำหนักกลางน้ำที่อยู่ในเขตฝ่ายใน ลักษณะสถาปัตกรรมก็จะให้อารมณ์อ่อนช้อยแบบสตรี มากกว่าพระตำหนักกลางน้ำ Gyeonghoeru ที่ให้ความรู้สึกแบบบุรุษเพศมากกว่า
ข้างหลังอุทยานจะมีหมู่พระตำหนักอีกชุด เป็นตำหนักที่พระจักรพรรดิโคจง กษัตรย์องค์ท้ายๆของโชซอน สร้างขึ้นใหม่เพื่อว่าราชการที่นั่น เพื่อหลบเลี่ยงอำนาจของขุนนางหัวเก่าในวังหลวงที่สนับสนุนญี่ปุ่น
บริเวณนั้นก็เป็นที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารพระจักรพรรดินี Myeonseong โดยชาวญี่ปุ่น โดยใช้มีดแทงและนำพระศพมาเผาบริเวณนั้น เนื่องจากพระนางสนับสนุนให้มีการต่อต้านอำนาจของญี่ปุ่น
ด้านหลังถัดออกไปบริเวณเชิงเขาก็คือ ทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งไกด์บอกว่า ถ้ามาเสาร์อาทิตย์ช่วงนี้แนะนำให้ระวังหน่อย เพราะจะมีการประท้วงขับไล่แถวๆบริเวณพระราชวัง
[CR] Review=ไปเกาหลีหน้าหนาวสองคืน=ไปเองคนเดียว=เที่ยวครั้งแรก!!!(แบบละเอียดเว่อ)!!!Part2/2
[CR]Review=ไปเกาหลีหน้าหนาวสองคืน=ไปเองคนเดียว=เที่ยวครั้งแรก!!!(แบบละเอียดเว่อ)!!!Part1/2
https://ppantip.com/topic/35967102
วันนี้ตื่นประมาณเจ็ดโมง แต่งตัว ไปกินข้าวเช้าของที่พัก วันนี้ตื่นมามีหิมะตกพอดีครับ ตกบางๆ อากาศหนาวกว่าเมื่อวานนิดหน่อย
อาหารเช้าจะเริ่มเตรียมให้8.00-10.00 ก็เป็นอาหารเช้าง่ายๆ ซีเรียล นม ผลไม้ ไข่ต้ม ก็ตักกินตามสบาย ขนมปังปิ้ง แต่ต้องรักษาความสะอาดหน่อยเพราะมีโต๊ะไม่กี่ตัวแบ่งกันใช้
คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon Stream)
มาที่สถานีทงแดมุน ออกexit 8 ไปคลองชองเกชอนครับ
สมัยก่อนบอกเป็นคลองน้ำเน่า รัฐบาลทุ่มงบประมาณพัฒนาจนได้คลองน้ำใสสะอาดน่าเที่ยวชม
คลองนี้ยาวหลายกิโล คือผมเลือกมาดูในส่วนทางทงแดมุนครับ เพราะจะมาดูประตูทงแดมุนด้วย แต่ปรากฏว่าปิดปรับปรุงครับ จึงได้แต่ชมคลองอย่างเดียว
คลองส่วนนี้ยังดูมีตลิ่งธรรมชาติอยู่ครับ มีหญ้าขึ้นแล้วก็มีหิมะโปรยๆบางๆ เราก็เดินดูเอ้อระเหยไปเรื่อยเปื่อย ริมคลองเนี่ย เป็นสถานที่ยืนสูบบุหรี่ของคนแถวนั้นเค้าล่ะครับ ควันโขมงเชียว
เคียงบกกุง(Gyeongbokgung)
ชมน้ำชมท่าเรียบร้อยก็มาถึงพระราชวังบ้าง กว่าจะมาถึงก็สิบโมงกว่าละครับ วิธีการก็มาลงที่สถานี Gyeongbokgung Exit 5 จะมาโผล่ที่พิพิทธภัณฑ์ ซึ่งจะอยู่ด้านข้างของพระราชวัง
เราจะต้องเดินเข้าไปเพื่อนไปยังจุดซื้อตั๋วเข้าชมครับ หลังจากได้ตั๋วแล้ว ก็รอไกด์เลยคับ ซึ่งจะมีไกด์ภาษาอังกฤษรอบ 11.00 พอดี ก็ยืนรออีกนิดหน่อย แนะนำให้มากับไกด์นะครับ ได้ความรู้ดีมาก
“เคียงบกกุง”แปลว่า พระราชวังที่สวรรค์ประทาน ถ้าจะเอาแบบเท่ๆหน่อยก็คงประมาณ “เทวประสิทธิมณเฑียร”
สร้างชึ้นในปี1395 ตั้งแต่เริ่มราชวงศ์โชซอน ด้านหลังนั้นเป็นภูเขาบูกักซาน ซึ่งบริเวณเชิงเขานั้นปัจจุบันก็เป็นที่ตั้งของทำเนียบประธานนาธิบดี
พระราชวังแห่งนี้ถูกทำลายครั้งแรกเมื่อญี่ปุ่นรุกรานในปี1592 จากนั้นได้รับการบูรณะ และถูกทำลายอีกครั้งในช่วงสงครามโลก
ที่หลงเหลือของดั้งเดิมมีเพียง10% อีก 90%นั้นถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด และขณะนี้ก็ยังสร้างอยู่เรื่อยๆ
Geunjeongjeon
เป็นอาคารท้องพระโรงที่ประดิษฐานของพระราชบังลังค์ ใช้ว่าราชการออกขุนนางและประกอบพระราชพิธีต่างๆ ถนนบริเวณลานหินด้านหน้า แบ่งเป็นสามเลน เลนกลางไว้สำหรับพระราชาเท่านั้น และข้างๆจะมีเสาหินเขียนเลขลำดับ เอาไว้กำกับเวลาขุนนางเข้าเฝ้า ถ้าขุนนางชั้นสูงก็จะอยู่หลักแถวหน้าๆหน่อย
บริเวณฐานไม้ที่รองรับหลังคา มีการประดับตกแต่งด้วยการลงสี เป็นรูปสัญลักษณ์มงคลต่างๆ ซึ่งการลงสีลักษณะนี้ ใช้เฉพาะการตกแต่งพระราชวัง และพระอารามสำคัญเท่านั้น แม้แต่ขุนนางชั้นสูงก็ไม่มีสิทธิตกแต่งบ้านด้วยการเขียนสีแบบนี้
ภายในท้องพระโรง ประดิษฐานพระราชบังลังค์ เบื้องหลังฉาก วาดเป็นรูปภูเขาห้ายอด พระจันทร์ และพระอาทิตย์
พระอาทิตย์และพระจันทร์เป็นตัวแทนแห่งหยิน-หยาง กลางวัน-กลางคืน
ยอดเข้าทั้งห้า หมายถึง ยอดเขาสำคัญทั้งห้าของคาบสมุทรเกาหลี เป็นสัญลักษณ์พระราชอำนาจของพระราชาเหนือดินแดนเกาหลีทั้งมวล
บนฝ้าเพดานท้องพระโรงมีรูปมังกรทอง เป็นสัญลักษณ์ของพระราชา
Sajeongjeon
เป็นพระตำหนักที่พระราชาใช้ทรงงาน ทรงพระอักษร อ่านฏีการาชการต่างๆ
ไกด์เกาหลีก็ชี้ให้ดูว่า ใต้อาคารต่างๆจะมีรูที่ใต้ถุน ไว้สำหรับใส่ถ่านหินทำความร้อน เพื่อเป็นheater ในฤดูหนาว
การที่บ้านเรือนของคนเกาหลีต้องถอดรองเท้าก่อนเข้า นอกจากจะเป็นการแสดงความเคารพแล้ว ก็ยังเป็นการสัมผัสความอุ่นจากพื้นได้โดยตรง
Gyeonghoeru
พระตำหนักกลางสระน้ำ ซึ่งในวันที่ผมไป กลายเป็นน้ำแข็งไปหมดและมีหิมะปกคลุม เป็นพระตำหนักที่พระราชาใช้ผ่อนคลายอิริยาบถ และใช้จัดงานเลี้ยงรับรองพระราชทูต
ต่อมาจะเข้าสู่พระราชฐานฝ่ายใน ก็คือเป็นที่อยู่พระพระมเหสีและเหล่าสนมนางใน
Gannyeongjeon
เป็นพระตำหนักของพระมเหสี โดยปกติแล้วตามธรรมเนียมเกาหลี พระมเหสีจะมิได้อยู่ร่วมตำหนักเดียวกับพระราชาตลอด โดยพระราชาจะเสด็จมาเป็นครั้งคราวเพื่อประทับกับมเหสีและเหล่าพระสนม
ปีกตะวันตกของตำหนักจะเป็นที่อยู่ปกติพระมเหสี เมื่อพระราชาเสด็จมาก็ย้ายมาอยู่ร่วมห้องทางอีกตะวันออก เป็นนัยว่าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการให้กำเนิดโอรส เมื่อโอรสเจริญพระชันษาแล้ว ก็ต้องย้ายออกจากวังไป เช่น องค์ชายรัชทายาทก็จะย้ายไปอยู่พระราชวังตะวันออก
ส่วนตำหนักของเหล่าสนมนางใน ก็จะอยู่ลดหลั่นกระจายตัวกันออกไปด้านข้างและด้านหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกทำลายไปหมดในช่วงสงคราม
ทีนี้ก็จะเป็นส่วนของพระราชอุทยาน
สระน้ำ Hyamgwonji
วันนี้ก็กลายเป็นน้ำแข็งไปหมด บริเวณกลางสระเป็นที่ตั้งของ ตำหนักHyanwonjeong ก็จะเป็นตำหนักกลางน้ำที่อยู่ในเขตฝ่ายใน ลักษณะสถาปัตกรรมก็จะให้อารมณ์อ่อนช้อยแบบสตรี มากกว่าพระตำหนักกลางน้ำ Gyeonghoeru ที่ให้ความรู้สึกแบบบุรุษเพศมากกว่า
ข้างหลังอุทยานจะมีหมู่พระตำหนักอีกชุด เป็นตำหนักที่พระจักรพรรดิโคจง กษัตรย์องค์ท้ายๆของโชซอน สร้างขึ้นใหม่เพื่อว่าราชการที่นั่น เพื่อหลบเลี่ยงอำนาจของขุนนางหัวเก่าในวังหลวงที่สนับสนุนญี่ปุ่น
บริเวณนั้นก็เป็นที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารพระจักรพรรดินี Myeonseong โดยชาวญี่ปุ่น โดยใช้มีดแทงและนำพระศพมาเผาบริเวณนั้น เนื่องจากพระนางสนับสนุนให้มีการต่อต้านอำนาจของญี่ปุ่น
ด้านหลังถัดออกไปบริเวณเชิงเขาก็คือ ทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งไกด์บอกว่า ถ้ามาเสาร์อาทิตย์ช่วงนี้แนะนำให้ระวังหน่อย เพราะจะมีการประท้วงขับไล่แถวๆบริเวณพระราชวัง