ปีใหม่นี้ขอแบ่งปันความสุขด้วยของหวานทำเองง่ายๆได้ที่บ้าน แจกในงานปาร์ตี้ช่วงเทศกาลปีใหม่ และต้อนรับฤดูสตรอเบอร์รี่ที่กำลังมาถึงนี้
ส่วนผสมที่ต้องเตรียมสำหรับทำ สตรอเบอร์รี่เคลือบช็อกโกแลต
1. ช็อกโกแลตแท่งแนะนำ 50-70% dark chocolate เพราะจะได้ไม่หวานและขมจนเกินไป ครั้งนี้พวกเราใช้ดาร์กช็อกโกแลตของ Ritter Sport ที่มีส่วนผสมของโกโก้จาก Papua New Guinea เพื่อเพิ่มความซับซ้อนของรสชาติ และยังคงความหวานมัน แต่ไม่ขม
2. สตอเบอรี่สดๆฉ่ำๆ แนะนำชนิดที่เป็น organic ปลอดสารพิษ
วิธีทำ
1. เริ่มจากละลายช็อกโกแลตโดยวิธีการ double-boiler หรือ ไมโครเวฟ ระวังอย่าให้ไหม้
(แนะนำไม่ให้ละลายช็อกโกแลตเลยอุณหภูมิเกิน 46°C) เพราะจะไหม้ได้ หลังจากที่ช็อกโกแลตละลายได้ที่แล้วควรจะนำไม้พายมากวนและปาดไปมาสัก 5 นาทีในภาชนะ ให้ช็อกโกแลตเย็นตัวลงเหลือประมาณ 32°C เพื่อพร้อมใช้งานต่อไป
2. นำสตรอเบอร์รี่ที่ล้างเสร็จแล้วมาเช็ดจนแห้งสนิท เพราะช็อกโกแลตจะไม่เคลือบติดผลสตอเบอรี่หากมีน้ำเกาะ
3. จุ่มสตรอเบอร์รี่ทีละผลลงในช็อกโกแลต หมุนให้ช็อกโกแลตเคลือบจนรอบผล และวางพักไว้บนกระดาษ baking paper เพื่อป้องกันการแห้งติดภาชนะ
4.ทิ้งไว้ให้เย็น หรือถ้าใจร้อนก็นำเข้าตู้เย็นได้ รอจนช็อกโกแลตแข็งตัวก็พร้อมเสิร์ฟกินได้เลย!
ช็อกโกแลตที่เหลือนั้นสามารถนำมาทำ choco-dip cube หรือ choco-dip spoon เอาไว้ทานเล่นหรือนำไปผสมนมร้อนกลายเป็น hot chocolate สามารถอร่อยได้หลายแบบค่ะ
วิธีทำ choco-dip cube ให้เทช็อกโกแลตที่ละลายแล้วใส่ไปในพิมพ์ยางสำหรับทำขนมหรือน้ำแข็ง แล้ววางพักหรือนำไปแช่ตู้เย็น เพื่อให้แข็งตัว ส่วนวิธีทำ choco-dip spoon ก็ไม่ต่างกัน คือใช้ช้อนตักช็อกโกแลตที่ละลายไว้ในตอนแรก สามารถโรยถั่วหรือ cocoa nibs เพื่อเพิ่มความกรอบ
การทำขนมสไตล์ choco-dip เองจะช่วยให้เราสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลและคุณภาพของช็อกโกแลตที่ต้องการได้ โดยเฉพาะ single origin chocolate ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบส่วนผสมแค่ 2 อย่าง คือ ช็อกโกแลตและน้ำตาล ในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป
วิธีการทำนี้ลองทำได้ง่ายมากๆ ถ้าเพื่อนๆคนไหนทำเสร็จแล้วอย่าลืมเอามาอวดให้ดูกันในคอมเมนต์ด้านล่างกันนะคะ
สำหรับคนที่สนใจสารพัดเรื่องราวช็อกโกแลตและsingle origin review สามารถติดตามกันต่อได้ที่
http://beanblahblah.goat.me/ กันนะคะ
(DIY) วิธีทำขนมงานปาร์ตี้สุดเก๋ choco-dip สตรอเบอร์รี่
ส่วนผสมที่ต้องเตรียมสำหรับทำ สตรอเบอร์รี่เคลือบช็อกโกแลต
1. ช็อกโกแลตแท่งแนะนำ 50-70% dark chocolate เพราะจะได้ไม่หวานและขมจนเกินไป ครั้งนี้พวกเราใช้ดาร์กช็อกโกแลตของ Ritter Sport ที่มีส่วนผสมของโกโก้จาก Papua New Guinea เพื่อเพิ่มความซับซ้อนของรสชาติ และยังคงความหวานมัน แต่ไม่ขม
2. สตอเบอรี่สดๆฉ่ำๆ แนะนำชนิดที่เป็น organic ปลอดสารพิษ
วิธีทำ
1. เริ่มจากละลายช็อกโกแลตโดยวิธีการ double-boiler หรือ ไมโครเวฟ ระวังอย่าให้ไหม้
(แนะนำไม่ให้ละลายช็อกโกแลตเลยอุณหภูมิเกิน 46°C) เพราะจะไหม้ได้ หลังจากที่ช็อกโกแลตละลายได้ที่แล้วควรจะนำไม้พายมากวนและปาดไปมาสัก 5 นาทีในภาชนะ ให้ช็อกโกแลตเย็นตัวลงเหลือประมาณ 32°C เพื่อพร้อมใช้งานต่อไป
2. นำสตรอเบอร์รี่ที่ล้างเสร็จแล้วมาเช็ดจนแห้งสนิท เพราะช็อกโกแลตจะไม่เคลือบติดผลสตอเบอรี่หากมีน้ำเกาะ
3. จุ่มสตรอเบอร์รี่ทีละผลลงในช็อกโกแลต หมุนให้ช็อกโกแลตเคลือบจนรอบผล และวางพักไว้บนกระดาษ baking paper เพื่อป้องกันการแห้งติดภาชนะ
4.ทิ้งไว้ให้เย็น หรือถ้าใจร้อนก็นำเข้าตู้เย็นได้ รอจนช็อกโกแลตแข็งตัวก็พร้อมเสิร์ฟกินได้เลย!
ช็อกโกแลตที่เหลือนั้นสามารถนำมาทำ choco-dip cube หรือ choco-dip spoon เอาไว้ทานเล่นหรือนำไปผสมนมร้อนกลายเป็น hot chocolate สามารถอร่อยได้หลายแบบค่ะ
วิธีทำ choco-dip cube ให้เทช็อกโกแลตที่ละลายแล้วใส่ไปในพิมพ์ยางสำหรับทำขนมหรือน้ำแข็ง แล้ววางพักหรือนำไปแช่ตู้เย็น เพื่อให้แข็งตัว ส่วนวิธีทำ choco-dip spoon ก็ไม่ต่างกัน คือใช้ช้อนตักช็อกโกแลตที่ละลายไว้ในตอนแรก สามารถโรยถั่วหรือ cocoa nibs เพื่อเพิ่มความกรอบ
การทำขนมสไตล์ choco-dip เองจะช่วยให้เราสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลและคุณภาพของช็อกโกแลตที่ต้องการได้ โดยเฉพาะ single origin chocolate ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบส่วนผสมแค่ 2 อย่าง คือ ช็อกโกแลตและน้ำตาล ในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป
วิธีการทำนี้ลองทำได้ง่ายมากๆ ถ้าเพื่อนๆคนไหนทำเสร็จแล้วอย่าลืมเอามาอวดให้ดูกันในคอมเมนต์ด้านล่างกันนะคะ
สำหรับคนที่สนใจสารพัดเรื่องราวช็อกโกแลตและsingle origin review สามารถติดตามกันต่อได้ที่ http://beanblahblah.goat.me/ กันนะคะ