กระทู้ให้กำลังใจก่อนรับปีใหม่ "วุฒิน้อยไม่ใช่ประเด็นในการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน"

กระทู้ที่ผมเขียนขี้นมานี้ขอเป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ให้กำลังใจสำหรับใครก็ตามที่คิดว่าวุฒิการศึกษาที่ตัวเองมีอยู่น้อยจนไม่คิดว่าคงสู้คนจบปริญญาตรี หรือโท ไม่ได้ ลองอ่านที่ผมเขียนซักนิดแล้วจะรู้ว่าช่องว่างในการทำงานยังมีอยู่ และประสบความสำเร็จได้ไม่ใกลเกินเอื้อม

อ้างอิงซักนิดจะกระทู้นึงในพันธ์ทิพที่โพสเอาไว้ว่า "แชร์ประสบการณ์ ถึงจะ เรียนไม่จบ แต่เพราะ ภาษาอังกฤษช่วยชีวิตไว้" ในกระทู้นี้เขียนได้ดีมาก ผมก็เป็นอีกคนนึงที่เรียนจบในระดับชั้นสูงสุดคือ ปวส.จากวิทยาลัยอาชีวศึกษา เชียงใหม่ สาขาธุรกิจคอมพิวเตอร์ ซึงเป็นสาขาที่หางานที่จะได้เงินเดือนสูงๆอยากเต็มที อย่างมาก็แค่พนักงานธุรการทั่วไป

หลังจากเรียนจบผมก็เข้าไปทำงานโรงงานแถวศรีราชาเป็นพนักงานในไลน์การผลิตเงินเดือน 7500 บาท (ยี่สิบปีที่แล้ว) ทำอยู่ได้ระยะหนึงไม่นานเท่าไหร่เพราะคิดว่าเป็นงานที่จำเจ ไม่ก้าวหน้า (อย่างมากอาศัยอายุงานที่มากหน่อยอาจจะขยับเป็นหัวหน้าไลน์ได้) จนกระทั่งเห็นประกาศในหนังสือพิมพ์ว่ามีโรงแรม 5 ดาวทีนึงในกรุงเทพรับสมัคร Tele sales ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ตำแหน่งนี้มันคืออะไร ทำอะไร และเกี่ยวกับ รร ตรงไน แต่ผมไม่รอครับ เดินเข้าไปสมัคร โดยถือวุฒิ ปวส.ที่มีอยู่เข้าไปสมัคร ซึ่งรู้ทั้งรู้ว่าเค้ารับวุฒิขั้นต่ำปริญญาตรี แต่ผมก็ลอง....

ด้วยทักษะภาษาอังกฤษ ณ ตอนนั้นยอมรับเลย กากกกกก มาก แต่ด้วยความมั่นใจและตอบคำตอบฝ่ายบุคคลและหัวหน้างานด้วยความมั่นใจ ทางเค้าเลยให้โอกาส และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เงินเดือนเริ่มต้นที่ 10,000 บาท บวกกับการทำงาน 5 วัน หยุด 2 วัน

ผมตั้งใจทำงานและเรียนรู้งานและด้วยความที่เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษในการ พูด อ่าน เขียน กันเป็นหลัก ซึ่งผมต้องเรียนรู้หนักกว่าคนอื่นมาก เพราะทักษะเราไม่เท่าเค้าแต่เราก็ไม่อายที่จะถามในสิ่งที่ไม่รู้ ผมทำที่นี่ได้ 2 ปี จนรู้ว่า งานโรงแรมนี่แหละที่จะทำให้เราก้าวหน้าโดยที่วุฒิการศึกษาไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับงานบริการ

ผมเลยลาออกจากที่นี่โดยเงินเดือนสุดท้ายที่ได้รับคือ 20,000 บาท และหางานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับทำ ซึ่งผมคิดว่าผมทำงานสายงาน sales รร ถ้าไม่รู้งาน operation ผมจะลำบากแน่เพราะไม่รู้อะไรเลย ผมยอมทีจะเริ่มต้นในตำแหน่งพนักงานต้อนรับถอยเงินเดือนตัวเองมาเริ่มต้นที่ 7500 บาท อีกครั้ง ผมเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับและเรียนรู้ทักษะทางภาษาเพิ่มขึ้นอีก จนเรียนรู้งานครบทุกหน้าที่ในแผนก และโยกตัวเองมาเป็นพนักงานเสริฟในอีกโรงแรมนึงเพื่อเรียนรู้งานในแผนก F&B จนผมได้รู้ทุกกระบวนการ จนผมคิดว่าผมรู้ในงานหลักๆ ของโรงแรม ซึ่ง สองแผนกนี้ถือว่าเป็นหัวใจของงานโรงแรม

ผมเลยตัดสินใจอีกครั้งที่จะข้ามไปสมัครเป็น ผู้จัดการแผนกต้อนรับส่วนหน้าเพื่อต้องการข้ามผ่านระดับเงินเดือน จนมีโรงแรมทางใต้ที่นึงให้โอกาสนี้ ผมก็ทำจนสุดความสามารถและก้าวข้ามตำแหน่งมาเรื่อยๆ สุดท้ายตอนอายุ 28 (ตอนนี้ จขกท อายุ 40 ปี) ผมก็ได้รับโอกาสเป็น ผู้จัดการโรงแรม (Hotel Manager) ในโรงแรมเล็กๆ ที่นึง ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ที่มีและทำให้เจ้าของชอบและมันใจในตัวเรา จนในที่สุดงานต่อมาจากที่นี่ตำแหน่งมันไม่ได้ลดถอยไปไหน จาก hotel manager ก็ก้าวขึ้นมาเป็น General Manager ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของงานโรงแรม ผมทำงานสายงานโรงแรมในตำแหน่งนี้ทั้งโรงแรมในเมืองไทยและได้โอกาสสำคัญในการรับตำแหน่งนี้ที่โรงแรมในต่างประเทศ

ณ ปัจจุบัน จขกท เองมีหน้าที่การงานใน บริษ้ทข้ามชาติในตำแหน่ง Country Head - Thailand ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทนี้ในประเทศไทย และมีโอกาสเดินทางไปประชุมหรือดูงานต่างประเทศ จนพาสปอร์ต 1 เล่มมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี และเป็นที่ปรึกษาของโรงแรมอีกไม่ต่ำกว่า 5 ที่ในเมืองไทย

ที่ผมเขียนเล่าประสบการณ์ทั้งหมดให้ฟัง เพื่อ อยากจะแชร์ให้คนที่เรียนน้อยและคิดว่าวุฒิที่ตัวเองถืออยู่มันต่ำต้อย คงไม่สามารถเทียบเคียงกับใครได้ให้ได้ลองคิดว่า ลองหาอาชีพเฉพาะทำอย่างเช่นงานโรงแรมที่ผมทำอยู่ เพราะงานเหล่านี้ดูประสบการณ์เป็นสำคัญ วุฒิแค่ส่วนประกอบว่าคุณมีการศึกษา และที่สำคัญ "ภาษาอังกฤษ" สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผมจะมาไม่ถึงจุดนี้ถ้าไม่ฝึกฝนให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ณ ทุกวันนี้ ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า ผมสามารถใช้ภาษาอังกฤษทั้งการพูด อ่าน เขียน ได้เท่ากับคนทีจบสูงๆ หรืออาจจะมากกว่า แต่ไม่อาจจะเท่ากับคนที่เรียนจบจากเมืองนอกมา และช่วยนกระดับความเป็นอยู่จากเงินเดือนหลักพันมาเป็นหลักแสนต้นๆ ในทุกวันนี้ และมีตำแหน่งการงานที่เดินด้วยความสง่าผ่าเผยอยู่ในสังคมที่ดี และที่สำคัญไม่คิดว่า "ตัวเองจบน้อยมาเป็นปมด้อยของตัวเอง"

ทักษะเป็นสิ่งที่เราฝึกฝนได้ครับ อย่าท้อ และอย่าหยุดที่จะขวายขวายครับ คนเราต้นทุนชีวิตไม่เท่ากันผมจบน้อยเพราะทางบ้านไม่มีเงินส่งเสียให้เรียนต่อ ทั้งๆที่ผมเรียนเกรดดีมาก (3.8 - 3.9) ทุกเทอม แต่มันต้องหยุดไว้แค่นั้นเพราะมันเป็นภาระที่ลูกชาวนาอย่างผมจะมีความสามารถ หลายครี้งที่ผมคิดจะเรียนต่อ แต่ ณ จุดที่ผมยืนอยู่นี้มันเลยเส้นเรื่องปริญญาไปแล้ว

ให้กำลังใจครับ น้องๆที่กำลังเรียนใกล้จบ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร พยามยามหาตัวเองให้เจอและเรียนรู้ที่จะทำงานให้ดีที่สุดและที่สำคัญ "ภาษาอังกฤษ" ฝึกเข้าไว้ครับ สำคัญที่สุดยิ่งตอนนี้ต่างชาติอยู่บ้านเราเยอะ "สังเกตุดูในประกาศรับสมัครงานที่เขียนไว้เสมอว่า คนที่พูดภาษาอังกฤษได้จะพิจารณาเป็นพิเศษ" แค่นี้ก็รู้แล้วครับว่า ภาษานั้นสำคัญและเป็นแต้มต่อในชีวิตที่เหลือจากนั้นก็เป็นตัวเราเองแหละครับว่าจะไขว่คว้าโอกาสได้มากน้อยแค่ไหน "และวิ่งเข้าหาโอกาสครับ เพราะมันไม่ได้วิ่งชนเรา"

ขอบคุณครับและผมขอแท็กตามที่แท็กไว้นะครับ อยากให้หลายๆคนที่ได้อ่านมีกำลังใจเพราะผมล้มมาหลายครั้งมากกว่าจะมีทุกวันนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่