[สอนใจ] ยอมรับว่าโง่จริง วอนอย่าด่าเยอะ เพราะเชื่อรพ.นั้นไปแล้ว

สวัสดีค่ะ
          เมื่ออาทิตย์ก่อน เรื่องนี้เกิดกับเรา เพื่อนและน้องแมว พวกเราไม่เคยเลี้ยงแมวค่ะ ไม่มีความรู้เรื่องแมวหรืออะไรเลย ได้แต่ถามคนที่เลี้ยงและหาอ่านตามเน็ต เรื่องนี้เลยเป็นบทเรียนสอนใจ เป็นการเสียค่าโง่แลกประสบการณ์มากๆ
          น้องเป็นแมวเด็ก อายุเกือบ 2 เดือนค่ะ จากวันที่ซื้ออีกประมาณ 1 อาทิตย์จะฉีดวัตซีนได้ พวกเราพาน้องมาจากเจเจค่ะ พอจะได้ยินชื่อเสียงของที่นี่มาบ้าง แต่อยากให้โฟกัสที่การทำงานของรพ.นะคะ ซึ่งรพ.ที่พาน้องไป คือ รพ. บนถนนเจริญราษฎร์ และรพ.แถวอารีย์ น้องเริ่มป่วยและเสียในเวลาไม่นานด้วยอาการแทรกซ้อน ที่รู้คือน้องเป็นหัดแมวและติดเชื้อในปอด ซึ่งสาเหตุจริงๆ ไม่มีใครรู้ และการที่รู้ว่าน้องเป็นอะไรช้า ยิ่งทำให้น้องมีโอกาสรอดน้อยลงด้วย ขอเล่าเป็นไทม์ไลน์นะคะ จะได้เข้าใจง่าย
--- เพิ่มเติม ทางรพ.เจริญราษฏร์ไม่ได้วินิจฉัยผิดค่ะ เพียงแต่วินิจฉัยในด้านบวกมากๆๆ แต่รพ. อารีย์วินิจฉัยว่าอาการน้อง 50-50 แล้ว (แค่การอ้าปากหายใจก็บ่งบอกว่าแย่แล้ว) ตามหัวกระทู้คือเราเชื่อไปแล้ว และไว้ใจรพ.แรก จึงชะล่าใจค่ะ
ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

6 ธ.ค. 59
          - ตอนเย็น พาน้องมาที่ห้อง น้องไม่มีอาการผิดปกติ ร่าเริง กินจุ
7 ธ.ค. 59
          - น้องร่าเริง กิน เล่น
8 ธ.ค. 59
          - น้องเล่นและกินปกติ
          - ตอนบ่าย เพื่อนพาไปตรวจร่างกายที่รพ.บนถนนเจริญราษฎร์ หมอเช็คร่างกาย โดยสังเกตจากอาการภายนอก มีการใช้เครื่องฟัง ให้ยาถ่ายพยาธิแบบเม็ด
          - ตอนเย็น น้องดูเหนื่อยและหลับยาว
          - กลางคืน น้องตื่นและเล่น Pur ปกติ
9 ธ.ค. 59
          - น้องเล่นและกินปกติ
          - ตอนสี่โมงเย็น เพื่อนอยู่ที่ห้องและเห็นว่าน้องกินทรายที่มีเบนโทไนต์เข้าไป
          - ตอนกลางคืน น้องอ้วกและถ่ายเหลว ไม่แน่ใจว่าน้องจะเป็นหัดแมวหรือเป็นเพราะกินทราย
          - น้อง Pur ปกติ
10 ธ.ค. 59
          - ตอนเช้า เราไปซื้อทรายแบบไม้มาเปลี่ยนให้น้อง หมอแนะนำว่าให้พามาตรวจ แต่ถ้าลองเปลี่ยนทรายแล้วน้องไม่อ้วกหรือถ่ายเหลวก็แสดงว่าเป็นเพราะทราย
          - น้องถ่ายปกติ ไม่อ้วก ร่าเริง เดินสำรวจทั่วห้อง
          - ไม่ Pur เสียงเริ่มหาย เริ่มจาม
11 ธ.ค. 59
          - น้องไม่มีเสียง ทำท่าขย้อนและจาม มีขี้ตาเยอะ ยิ่งเช็ดก็ยิ่งมา ตาซ้ายเคือง มีขยิบบางที ตาเริ่มอักเสบและบวม
12 ธ.ค. 59
          - ตอนสาย พาน้องไปหาหมอ หมอที่รพ.เจริญราษฎร์บอกว่าน้องเป็นหวัด ตรวจแล้วไม่มีไข้ ไม่มีการตรวจอย่างอื่น เพราะน้องไม่มีอาการอะไร หมอได้ให้ยาปฎิชีวนะ (เป็นหลอด) ยาน้ำขวดเหลืองและยาป้ายตา
          - หลังไปหาหมอ น้องง่วง น่าจะเป็นเพราะยา นั่งอยู่ก็หลับไปเลย แต่ยังเล่นบ้างและกินได้ปกติ
13 ธ.ค. 59
          - ช่วงเช้าป้อนยาและป้ายตาปกติ ตาน้องหายบวมแล้ว กินข้าวเช้าไปนิดเดียว เริ่มซึมและไม่กินอะไรเลยทั้งวัน
          - ช่วงสายเริ่มอ้าปากหายใจ
          - ตอนเที่ยงไม่ได้ป้ายตาหรือป้อนยาอะไรเพิ่ม เราโทรถามรพ. ที่เจริญราษฎร์ เขาแนะนำให้พาน้องไปหาหมอ แต่เราไปไม่ได้เพราะติดสอบตอนบ่าย
          - หลังเที่ยงไม่มีใครอยู่เฝ้าน้อง เพราะไปสอบกันหมด เพื่อนกลับมาตอนบ่ายสาม เห็นน้องน้ำลายฟูมปากแล้ว หายใจลำบาก
          - เพื่อนพาไปหาหมอที่รพ.เจริญราษฎร์ช่วงบ่ายสาม หมอบอกว่าน้ำท่วมปอด ด้วยการสังเกตอาการและใช้หูฟัง ไม่มีเครื่องมืออื่นๆ (จากที่เราเห็น) หมอดูดบางอย่างจากคอน้อง เราเล่าเรื่องที่น้องกินทรายเบนโทไนต์ให้ฟัง หมอบอกว่าเป็นไปได้ที่มีอะไรติดคอ และทำให้ระบบรวน และสำลักน้ำเข้าปอด หมอบอกว่าปอดเหลือพื้นที่ประมาณ 10% หมอได้ให้ออกซิเจน ยาพ่นและยาขับน้ำในปอด บอกว่าอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น พอถามว่าจะให้อาหารน้องยังไง หมอบอกเดี๋ยวเขาก็กินเอง สภาพน้องตอนนั้นคือจะหายใจยังลำบาก หมอให้กลับไปดูอาการ ถ้าไม่โอเคให้พามาหาหมอหรือไปรพ. 24 ชม. และแนะนำให้หาออกซิเจนให้น้องด้วย
          - พาน้องกลับห้องด้วยรถของเพื่อนอีกคน
          - น้องอยู่กับเพื่อนที่ห้อง เราแยกกับเพื่อนอีกคนไปหาซื้อถังออกซิเจน ด้วยความหวังที่ว่าถ้าน้องได้ออกซิเจนจะโอเค น้องจะหาย
ถ้าเราให้ออกซิเจนเองยังไงก็คุ้มกว่า เพราะน้ำท่วมปอดจะใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว (จากคำบอกเล่าของหมอ) ถ้าไปแอดมิทคงแพงกว่า คงสู้ราคาไม่ไหว
นั่นคือสิ่งที่เราคุยกับเพื่อนอีกคนตอนไปหาซื้อ
          - ระหว่างนั้นเพื่อนที่เฝ้าแมวเห็นว่าน้องจะแย่ เลยพาออกจากห้องไปหาหมอ ซึ่งหมอก็ยิ้มๆ บอกน้องแข็งแรงมาก จริงๆ ปอดมีพื้นที่หายใจแค่ 10% ยังไงก็เป็นแบบนี้ ปกตินอนไปแล้ว แต่น้องยังเดินไปได้นี่เก่งมากเลย
          - เรากลับไปหาน้องที่ห้องพร้อมถังออกซิเจน เตรียมกล่องทุกอย่างและให้ออกซิเจน
ออกซิเจนถังที่มีอยู่ได้ไม่นาน ก็เลยให้บ้างหยุดพักบ้างตามคำแนะนำจากหมอ เพราะถ้าให้มากปอดจะชื้น แต่พอหยุดให้น้องจะดิ้น ทนสงสารได้ไม่นานก็ให้อีก
          - ครั้งหนึ่งที่หยุดให้ออกซิเจน น้องดิ้น กระโดดจากกล่องออกไปหลบที่มุมห้อง
          - น้องน้ำลายฟูมปากอีกครั้ง โทรไปถามที่รพ.เจริญราษฏร์ หมอบอกว่าน้ำท่วมปอดก็ต้องหายใจลำบากอยู่แล้ว ถ้ากลัวก็พาไปรพ. 24 ชม. แต่น้องน่าจะอาการดีขึ้นเรื่อยๆ น้องแข็งแรงมากเลย ยังวิ่งยังเดินได้ พร้อมกับบอกให้ลองค่อยๆ ป้อนน้ำหวาน ให้น้องมีแรง แน่นอนว่าน้องไม่กิน เพราะหายใจยังจะไม่ได้
          - ช่วงเที่ยงคืนออกซิเจนก็ใกล้หมด ตัดสินใจไปอีกรพ.แถวอารีย์
          - หมอรพ. อารีย์ บอกน้องอาการหนักมาก โอกาสรอด 50-50 การที่อ้าปากหายใจแบบนี้คือจะแย่แล้ว น่าจะเป็นอาการเกี่ยวกับปอด แต่หมอต้องเอ็กซเรย์ก่อนว่าเป็นส่วนไหน ซึ่งตอนนั้นน้องกลัวมาก คงตรวจอะไรมากไม่ได้ ต้องแอดมิทให้ออกซิเจนและดูอาการที่รพ. หมอสงสัยว่าน้องจะเป็นหัด ถึงพวกเราจะยืนยันว่าน้องไม่มีอาการเลย สุดท้ายหมอก็ตรวจและเจอว่าน้องเป็นหัดจริงๆ
14 ธ.ค. 59
          - หมอฉีดยาสร้างภูมิคุ้มกันให้ ถ้าร่างกายน้องไหวก็จะค่อยๆ ดีขึ้น แต่น้องยังเด็กมาก
15 ธ.ค. 59
          - ช่วงสาย อาการน้องไม่ดีขึ้น หมอสอดท่อให้แล้วเจอว่าน้องติดเชื้อในปอด และไวรัสจากหัดก็น่าจะลามเข้าประสาทแล้ว
          - น้องเสียตอนสาย

          เป็นประสบการณ์จริงๆ ค่ะ ใครจะเลี้ยงอะไรก็ศึกษาให้ดีนะคะ หาความรู้หลายๆ ทาง อย่าเชื่ออะไรฝั่งเดียว นี่เป็นสเตตัสที่เพื่อนโพสต์ในเฟสค่ะ ใครคิดจะเลือกรพ.แถวเจริญราษฎร์ก็ชั่งใจให้ดีนะคะ ระวังจะเจอแบบที่เราเจอมา

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่