ประสบการณ์การฆ่าตัวตาย (อยากให้อ่าน)

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะขอนำเรื่องของเรามาเป็นตัวอย่างกรณีนึงนะคะ อาจจะยาวสักหน่อย แต่ว่าเราขอร้องให้คุณอ่านให้จบ

เริ่มเลยนะคะ

เราได้ฆ่าตัวตายในวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมานี่ค่ะ สถานที่คือเกาะแห่งนึงใกล้พัทยา เราได้ไปเข้าพักบ้านพักที่นั่น 3 คืน 4 วัน ในคืนที่ 3 เราได้เดินเท้าออกจากที่พักเวลาเกือบ 5 ทุ่มกับเพื่อนสนิทไปยังหาดซึ่งค่อนข้างไกลค่ะ แต่ว่าเราดันเจอคนตรวจพร้อมสุนัขจำนวนหนึ่ง เราเลยตัดสินใจเดินหลบเข้าไปทางพุ่มไม้รก ออกไปอีกนิดจะเจอเรือสปีดโบ๊ทจอดพักอยู่ เราได้กินยานอนหลับแต่พยายามใช้คัตเตอร์กรีดเส้นเลือดที่คอตัวเอง แต่ว่ายานอนหลับดันออกฤทธิ์ทำให้เรากรีดไม่ลึกพอ และมีคนมาพบเรา ซึ่งตอนนั้นมีอาการชักและหยุดหายใจ จนท ได้ช่วยปฐมพยาบาลขั้นต้น นำส่งที่พักพร้อมติดต่อครอบครัว และได้เข้ารับการรักษา แต่ไม่ได้ล้างท้องเพราะยามันเกิน 1 ชม แล้ว

เราคิดว่าวันนั้นเราต้องตายแน่ๆ เราเจอปัญหาในชีวิตมามากมาย

ปัญหาแรก คือการที่เรา "ไม่พูด"

พ่อแม่เราแยกทางกันตั้งแต่เรายังเล็ก เราต้องไปอยู่บ้านป้า ที่มีป้า ยาย ลุง ลูกของป้า และลูกคนละพ่อของแม่อยู่

เราโดนทำร้ายร่างกายโดยคุณยาย ทั้งตบ ตี กระทืบ ถีบตกบันได

ถ้อยคำเสียดสี แรด หนักแผ่นดิน คนอย่าง_เกิดมาก็ไม่มีใครต้องการ มันเกิดจากความผิดพลาดของคนเป็นแม่

ตอนประถมถึงมัธยมเราเรียนใกล้บ้านจึงกลับบ้านเร็ว พอขึ้นมัธยมปลายเราไปเรียนอีก จ แต่ไปกลับทุกวัน
เราเคยทะเลาะกับคุณยายหนักครั้งนึงเพราะเรื่องไม่ไปซื้อก๋วยเตี๋ยว เขาด่าว่าเรามันอกตัญญู ใช้ทำอะไรก็ไม่ทำ ไม่ใช่เราไม่ทำ แต่เราบอกว่า ขออีก 10 นาที เพราะตอนนั้นมันเที่ยงตรงของหน้าร้อน ใครจะอยากเดินตากแดดตั้งไกลไปซื้อ แถมเรายังนั่งพิมพ์งานอยู่อีก
เราไม่เคยบอกใคร ไม่พูด เราเก็บเงียบเพราะคิดว่า แม่เองก็เหนื่อยจากงานมากพอแล้ว อย่ามากังวลอะไรกับเราเลย

ปัญหาที่สอง คือ "การโดนใส่ร้าย"

เรื่องทั่วไปของเด็กเมื่อย้ายโรงเรียน ก็จะมีเกิดเพื่อนสนิท เพื่อนในกลุ่มต่างกันออกไป คนในกลุ่มเราตอนแรกมี 5 คน เราทำงานทุกอย่าง 5 ชิ้นตลอด เพราะเราแคร์เพื่อนมาก แต่จู่ๆวันนึงเราก็โดนใส่ร้ายจากคนในกลุ่ม ทำให้เราไม่มีเพื่อน


ปัญหาที่สาม คือ "สุขภาพ"

แม่เราจะให้เงินยายเป็นเดือนเพื่อให้ยายแบ่งให้เราทุกวัน วันละ 100 บาท แต่เรากลับไม่ได้เพราะทะเลาะกับเขา ตอนนั้นเราต้องทั้งเรียนทั้งทำงานไปพร้อมๆกัน นอนตี3ตื่นตี5ทุกวัน จนในที่สุดร่างกายเราก็พัง และเรากลายเป็นโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว

เมื่อก่อน เราเป็นคนหัวอ่อน แคร์รอบข้างมากๆ ใช้น้ำตาแก้ปัญหา แต่หลังจากขึ้นม.ปลาย เราไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าใครอีกเลย เราจะกอดตัวเองและร้องไห้พูดพร่ำซ้ำๆว่าไม่เป็นไร เราฆ่าตัวตาย3ครั้งตอนนั้นด้วยการกรีดข้อมือ (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ากรีดแนวตรงจึงกรีดเฉียงแบบในละคร) ครั้งที่สองคือการทานยาพารา50เม็ด ปรากฏว่าปีนั้นเราไม่เป็นไข้เลย ครั้งที่สามคือกินน้ำยาล้างสนิมอลูมิเนียม (เราเป็นแผลในกระเพาะแทน)

เราเครียดมาก หาทางออกของชีวิตไม่ได้ ประจวบเหมาะกับแม่พูดออกมาว่า ถ้ากูไม่มีลูดตั้งแต่แรก กูคงมีเงินเก็บ เที่ยวเล่น สบาย เลยทำให้เราตัดสินใจทันทีว่าอยากตาย
เพื่อนสนิทของเรา(รู้จักกันมา 7 ปี เพิ่งมาสนิทกันช่วง3-4ปีให้หลัง)ก็มีปัญหากับครอบครัวและคิดจะตายเหมือนกัน
ปัญหาที่สาม คือ การ”ไม่ฟัง”
เราเข้าใจว่าไม่ว่าวัยไหนก็มีปัญหากันทั้งนั้น แต่การมองว่าปัญหาของคนอายุน้อยกว่าเป็นเรื่องเล็ก คือสิ่งที่ผิด นั่นทำให้แผลมันใหญ่ขึ้น และไม่มีทางรักษา
หากลูกๆของคุณต้องการคำปรึกษาหรือเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง เราขอ อย่าขัด อย่าเถียง อย่าเอาเหตุผลเราเข้าไปแทรก ให้เขาพูดให้เสร็จก่อน

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เชื่อมั้ย เรายังคงมั่นใจว่าเราจะฆ่าตัวตาย เพราะการฆ่าตัวตายของเราครั้งนี้ทำให้แม่ยอมฟัง และยอมให้เราแสดงความคิดเห็นมากขึ้น
เมื่อก่อนเราต้องการการเอาใจใส่ ความรักที่แสดงออก แต่ตอนนี้เราไม่ได้ต้องการมันแล้ว เราต้องการแค่พื้นที่ส่วนตัวของเรา ที่ที่ไม่มีใครเข้ามาทำร้ายเราได้อีกเท่านั้น

ขอร้องเถอะค่ะ ช่วยฟังสิ่งที่เด็กจะพูดกันสักนิดเถอะนะคะ แม้ในสายตาคุณมันอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เขายังเป็นเด็กที่ยังไม่เคยผ่านเรื่องเหล่านั้นมา ….จิตใจของเขายังไม่เข้มแข็งพอที่จะลุกขึ้นสู้ตัวกำลังตัวเอง ไม่แน่ว่าคุณอาจจะไม่โชคดีที่ลูกคุณรอดกลับมาแบบนี้ก็ได้


สุดท้ายนี้อยากจะขอโทษแม่ของตัวเราเองมากๆที่ทำให้แม่เสียใจขนาดนั้นลงไป เราไม่เคยเห็นน้ำตาแม่มาก่อน แม่ไม่เคยมองหน้าเรานานขนาดนี้มาก่อน เราอยากขอบคุณที่แม่ไม่โกรธลูกคนนี้

(เรากราบขอโทษแม่เรียบร้อยแล้วค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่