นับเป็นเวลาสองเดือนพอดีสำหรับการไว้ทุกข์แด่พระองค์ท่าน
และไหนๆก็เป็นเดือนเกิด เลยอยากจะหาโอกาสเข้าวัดทำบุญ
ตัวเราเองรู้จักวัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษกมานาน แถมยังเป็นวัดที่อยู่ใกล้ที่พักมากๆ แต่ยังไม่เคยเข้าไปซักที
หลายวันก่อนเลยมีโอกาสดีๆได้เข้าไป ไปแล้วรู้สึกประทับใจ เพราะนอกจากจะได้บุญ ได้พักผ่อนหย่อนใจแล้ว
ยังได้ความรู้เกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของพระองค์ท่าน พร้อมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจากใจจริง
วันนี้ก็เลยจะมารีวิว พาชมความสง่างามในความพอเพียงของวัดนี้กันค่ะ ขอรีวิวในภาษาของตัวเองนะคะ
หากใช้คำผิดพลาดหรือไม่เหมาะสมประการใดก็ขออภัยมาก่อน ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ^^
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ส่วนตัวเราเองก็เคยได้ยินชื่อวัดมานานแล้ว เข้าใจว่ามีความสำคัญคือ
เป็นวัดเดียวในรัชกาลที่ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น แต่พึ่งมาทราบภายหลังว่าภายในวัดมีโครงการในพระราชดำริมากมาย
ที่เอื้อประโยชน์ต่อคนในชุมชนรวมถึงคนกรุงเทพฯทุกคนอีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นจะค่อยๆอธิบายไปเรื่อยๆค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเล่าประวัติที่มาที่ไปคร่าวๆ จากการอ่านป้ายข้อมูลภายในวัด
ว่าแต่เริ่มเดิมทีนั้น ในหลวง รัชกาลที่๙ ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาบึงพระราม๙ เป็นแหล่งบำบัดน้ำเสีย
เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำเน่าเสียในกทม. ด้วยวิธีเติมอากาศลงไปในน้ำและปล่อยให้น้ำตกตะกอนแล้วปรับสภาพ
ก่อนระบายออกสู่ลำคลองตามเดิม จนมีคำกล่าวว่าบึงพระราม ๙ คือ “ไต” ของกรุงเทพมหานคร
สำหรับตัววัดนั้นโปรดให้สร้างด้วยความเรียบง่าย และประหยัด ได้ยินว่าแต่เดิมงบประมาณการสร้างวัดนี้อยู่ที่ 100 ล้าน เพื่อให้วัดออกมายิ่งใหญ่สมพระเกียรติ แต่เพราะทรงเห็นว่าที่ตรงนั้นเป็นเพียงที่เล็กๆ จึงโปรดให้สร้างเป็นวัดเล็กๆ ให้ใช้งบประมาณไม่เกิน 10 ล้านบาท
วัดที่แสนเรียบง่ายพอเพียงนี้จึงเกิดขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน และใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมต่างๆทางศีลธรรม
และจริยธรรมเพื่อการพัฒนาชุมชน และยังมีโรงเรียนอยู่ในวัด เป็นหลักสามประสานที่เรียกว่า บวร (บ้าน-วัด-โรงเรียน)
ที่หน้าทางเข้าเราก็จะเห็นภาพแบบนี้เป็นบรรยากาศแรก หน้ากุฏิพระ มีพระบรมฉายาลักษณ์แสดงความไว้อาลัย
ด้านล่างตกแต่งเป็นสวนหย่อม มีไฟประดับเป็นรูปเลข ๙ แต่เพราะมาตอนกลางวันเลยไม่ได้เห็นความสวยงามของการตกแต่งไฟ
แต่สวนหย่อมน่ารักมากค่ะ มีรูปปั้นปูนปลาสเตอร์สุนัขทรงเลี้ยงรอต้อนรับอยู่หน้าประตูทางเข้าเลย
เป็นอีกแลนด์มาร์คที่คนเข้ามาถ่ายรูปด้วยเยอะมาก มีอยู่ 9 สุนัขด้วยกัน มีชื่อกระกอบไว้ทุกสุนัขเลยค่ะ
อย่างคุณๆทั้งสองนี้ชื่ออาจไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ คุณทองอัฐและคุณทองเขียวค่ะ ถือเป็นความรู้ใหม่เรื่องชื่อของสุนัขทรงเลี้ยงด้วยเลย
มีคุณทองแดงนั่งไขว่ห้างสง่าอยู่ตรงกลางค่ะ
ส่วนคุณหลวงแจ่มถือเป็นขวัญใจเราเลยค่ะ เรื่องราวของคุณเค้าน่ารักน่าประทับใจมากๆ หาอ่านกันได้ทั่วไปค่ะ
บรรยากาศภายในก็ร่มรื่น ร่มเย็น และสะอาดตาแบบนี้ค่ะ
มีบึงน้ำอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยต้นไม้ ดอกไม้เยอะมากๆ คือมาแล้วรู้สึกเย็นทั้งกายและใจเลยค่ะ
เดินมาถึงพระอุโบสถจะเป็นสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยสวนสีเขียวๆสดชื่นดี รวมๆแล้วดูเป็นอุโบสถที่ร่วมสมัยและมินิม่อลมากๆ
วันที่เราไปเป็นวันที่ทางวัดเขามีงานอยู่ค่ะ (ไม่ทราบว่างานอะไร) เลยไม่ได้เข้าไปกราบพระประธานด้านใน
เพราะเห็นมีทีมโปรดัคชั่นกำลังถ่ายทำอยู่ ถือโอกาสกราบอยู่ด้านนอกค่ะ ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน
ส่วนภาพนี้ถ่ายมาเพราะแปลกใจและแปลกตาในตัวอักษรด้านบนประตูอุโบสถมากๆค่ะ
กลับมาหาความรู้เพิ่มเติมเลยทราบว่าเป็นคาถาที่เรียกว่า “คาถาเยธมฺมาฯ” ใช้อักษรอริยกะ
ซึ่งเป็นอักษรที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงประดิษฐ์ขึ้นค่ะ
ขออนุญาตอิงคำแปลมาจากเว็บไซต์ของทางวัดนะคะ
“พระมหาสมณเจ้าทรงมีพระวาทะอย่างนี้ คือ
ตรัสธรรมที่มีเหตุเป็นแดนเกิด
อนึ่ง ตรัสเหตุของธรรมเหล่านั้น
ตรัสความดับของธรรมเหล่านั้น
และตรัสอุบายเป็นเหตุดับ (ของธรรมเหล่านั้น)"
บรรยากาศรอบๆอุโบสถก็จะเขียวๆร่มรื่นแบบนี้ค่ะ ด้านข้างฝั่งขวามือก็จะมีศาลาหินอ่อนให้นั่งพักด้วย
นอกจากพระบรมฉายาลักษณ์แสดงความไว้อาลัยที่ตั้งอยู่เป็นจุดๆในวัดแล้ว
ก็ยังมีพระบรมราโชวาทสำคัญให้ได้รำลึกถึงพระองค์ท่าน
รวมถึงมีต้นศรีมหาโพธิ์ที่อุบาสก-อุบาสิการ่วมกันปลูกถวายพระองค์ท่านด้วยค่ะ ตอนนี้ต้นศรีมหาโพธิ์ก็มีอายุ 9 ปีเต็มแล้ว
แม้จะเป็นวัดเล็กๆ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยสาระความรู้ทุกตารางเมตรทุกพื้นที่ของวัดจริงๆค่ะ
อย่างป้ายนี้ก็จะอธิบายโครงการหญ้าแฝก มีประโยชน์ มีวิธีการอย่างไรบ้าง
แล้วก็พึ่งทราบว่า ต้นพุทธรักษาที่ปลูกอยู่ทั่ววัดรอบๆบริเวณบึงน้ำนั้น
เป็นวิธีกรองน้ำและดักตะกอนตามธรรมชาติค่ะ มีประโยชน์อย่างนี้นี่เอง
และนี่ก็คือกังหันน้ำชัยพัฒนาในบึงประดิษฐ์ที่สาธิตการบำบัดน้ำตามแนวพระราชดำริ
โดยแปลงสาธิตต่างๆเหล่านี้ก็จะเป็นเหมือนฐานความรู้ ให้เด็กๆในชุมชนและคนที่มาเยี่ยมเยียนวัดได้ศึกษากันค่ะ
ตอนเรามานี้เป็นเวลาเที่ยง กังหันยังไม่ได้เปิด หลวงพ่อท่านบอกว่าจะเปิดตอนเย็นๆค่ะ
ภายในวัดยังมีอาคารที่เป็นโรงทานเฉลิมพระเกียรติ ไว้รองรับในงานบุญต่างๆ
ส่วนผลมะม่วงสุกด้านหน้านั้นทานไม่ได้นะคะ แต่เหลืองน่าทานเชียว อิอิ
สำหรับที่ตั้งวัดพระรามเก้า ตั้งอยู่เลขที่ 999 ซอยพระราม 9 ซอย 19 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
โทรศัพท์ : 0 2318 5926-7, 0 2719 7676
เว็บไซต์ : www.rama9temple.org
สำหรับทั้งหมดของวัดก็จะมีประมาณนี้ค่ะ ไปมาแล้วรู้สึกสบายใจมาก อยากให้ลองมาเยี่ยมชมกัน
วันหยุดนี้พาครอบครัว เพื่อนฝูงหรือคนรักมาไหว้พระกันนะคะ
อื่นๆนอกเหนือจากนี้ก็ ห้องน้ำสะอาด เรื่องที่จอดรถมีลานให้บริการจอดฟรีด้านหน้าทางเข้าวัด
การเดินทาง ใครที่ขับรถมาก็ขับเส้นพระรามเก้ามาเรื่อยๆ เข้าซอย19ค่ะ หาไม่ยาก จะมีป้ายเวทีแบ็คดร็อปใหญ่ๆของวัดตั้งอยู่หน้าซอย
ส่วนใครที่มารถโดยสารก็จะมีรถเมล์สาย 137, 168 ผ่านค่ะ หรือขึ้นMRTสถานีพระรามเก้า แล้วต่อแท็กซี่มาเลยค่ะ สะดวกสุด
มีวินมอเตอร์ไซค์ทั้งหน้าซอยและหน้าวัด (แถวๆประตูโรงเรียนวัดฯ) ค่ะ
ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมรีวิวค่ะ^^
พาเที่ยววัดพระราม๙ "วัดของพ่อ" อิ่มบุญ อิ่มใจ ได้เห็นแก่นแท้ความพอเพียง
และไหนๆก็เป็นเดือนเกิด เลยอยากจะหาโอกาสเข้าวัดทำบุญ
ตัวเราเองรู้จักวัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษกมานาน แถมยังเป็นวัดที่อยู่ใกล้ที่พักมากๆ แต่ยังไม่เคยเข้าไปซักที
หลายวันก่อนเลยมีโอกาสดีๆได้เข้าไป ไปแล้วรู้สึกประทับใจ เพราะนอกจากจะได้บุญ ได้พักผ่อนหย่อนใจแล้ว
ยังได้ความรู้เกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของพระองค์ท่าน พร้อมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจากใจจริง
วันนี้ก็เลยจะมารีวิว พาชมความสง่างามในความพอเพียงของวัดนี้กันค่ะ ขอรีวิวในภาษาของตัวเองนะคะ
หากใช้คำผิดพลาดหรือไม่เหมาะสมประการใดก็ขออภัยมาก่อน ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ^^
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ส่วนตัวเราเองก็เคยได้ยินชื่อวัดมานานแล้ว เข้าใจว่ามีความสำคัญคือ
เป็นวัดเดียวในรัชกาลที่ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น แต่พึ่งมาทราบภายหลังว่าภายในวัดมีโครงการในพระราชดำริมากมาย
ที่เอื้อประโยชน์ต่อคนในชุมชนรวมถึงคนกรุงเทพฯทุกคนอีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นจะค่อยๆอธิบายไปเรื่อยๆค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเล่าประวัติที่มาที่ไปคร่าวๆ จากการอ่านป้ายข้อมูลภายในวัด
ว่าแต่เริ่มเดิมทีนั้น ในหลวง รัชกาลที่๙ ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาบึงพระราม๙ เป็นแหล่งบำบัดน้ำเสีย
เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำเน่าเสียในกทม. ด้วยวิธีเติมอากาศลงไปในน้ำและปล่อยให้น้ำตกตะกอนแล้วปรับสภาพ
ก่อนระบายออกสู่ลำคลองตามเดิม จนมีคำกล่าวว่าบึงพระราม ๙ คือ “ไต” ของกรุงเทพมหานคร
สำหรับตัววัดนั้นโปรดให้สร้างด้วยความเรียบง่าย และประหยัด ได้ยินว่าแต่เดิมงบประมาณการสร้างวัดนี้อยู่ที่ 100 ล้าน เพื่อให้วัดออกมายิ่งใหญ่สมพระเกียรติ แต่เพราะทรงเห็นว่าที่ตรงนั้นเป็นเพียงที่เล็กๆ จึงโปรดให้สร้างเป็นวัดเล็กๆ ให้ใช้งบประมาณไม่เกิน 10 ล้านบาท
วัดที่แสนเรียบง่ายพอเพียงนี้จึงเกิดขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน และใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมต่างๆทางศีลธรรม
และจริยธรรมเพื่อการพัฒนาชุมชน และยังมีโรงเรียนอยู่ในวัด เป็นหลักสามประสานที่เรียกว่า บวร (บ้าน-วัด-โรงเรียน)
ที่หน้าทางเข้าเราก็จะเห็นภาพแบบนี้เป็นบรรยากาศแรก หน้ากุฏิพระ มีพระบรมฉายาลักษณ์แสดงความไว้อาลัย
ด้านล่างตกแต่งเป็นสวนหย่อม มีไฟประดับเป็นรูปเลข ๙ แต่เพราะมาตอนกลางวันเลยไม่ได้เห็นความสวยงามของการตกแต่งไฟ
แต่สวนหย่อมน่ารักมากค่ะ มีรูปปั้นปูนปลาสเตอร์สุนัขทรงเลี้ยงรอต้อนรับอยู่หน้าประตูทางเข้าเลย
เป็นอีกแลนด์มาร์คที่คนเข้ามาถ่ายรูปด้วยเยอะมาก มีอยู่ 9 สุนัขด้วยกัน มีชื่อกระกอบไว้ทุกสุนัขเลยค่ะ
อย่างคุณๆทั้งสองนี้ชื่ออาจไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ คุณทองอัฐและคุณทองเขียวค่ะ ถือเป็นความรู้ใหม่เรื่องชื่อของสุนัขทรงเลี้ยงด้วยเลย
มีคุณทองแดงนั่งไขว่ห้างสง่าอยู่ตรงกลางค่ะ
ส่วนคุณหลวงแจ่มถือเป็นขวัญใจเราเลยค่ะ เรื่องราวของคุณเค้าน่ารักน่าประทับใจมากๆ หาอ่านกันได้ทั่วไปค่ะ
บรรยากาศภายในก็ร่มรื่น ร่มเย็น และสะอาดตาแบบนี้ค่ะ
มีบึงน้ำอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยต้นไม้ ดอกไม้เยอะมากๆ คือมาแล้วรู้สึกเย็นทั้งกายและใจเลยค่ะ
เดินมาถึงพระอุโบสถจะเป็นสีขาวสะอาดตา ล้อมรอบด้วยสวนสีเขียวๆสดชื่นดี รวมๆแล้วดูเป็นอุโบสถที่ร่วมสมัยและมินิม่อลมากๆ
วันที่เราไปเป็นวันที่ทางวัดเขามีงานอยู่ค่ะ (ไม่ทราบว่างานอะไร) เลยไม่ได้เข้าไปกราบพระประธานด้านใน
เพราะเห็นมีทีมโปรดัคชั่นกำลังถ่ายทำอยู่ ถือโอกาสกราบอยู่ด้านนอกค่ะ ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน
ส่วนภาพนี้ถ่ายมาเพราะแปลกใจและแปลกตาในตัวอักษรด้านบนประตูอุโบสถมากๆค่ะ
กลับมาหาความรู้เพิ่มเติมเลยทราบว่าเป็นคาถาที่เรียกว่า “คาถาเยธมฺมาฯ” ใช้อักษรอริยกะ
ซึ่งเป็นอักษรที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงประดิษฐ์ขึ้นค่ะ
ขออนุญาตอิงคำแปลมาจากเว็บไซต์ของทางวัดนะคะ
“พระมหาสมณเจ้าทรงมีพระวาทะอย่างนี้ คือ
ตรัสธรรมที่มีเหตุเป็นแดนเกิด
อนึ่ง ตรัสเหตุของธรรมเหล่านั้น
ตรัสความดับของธรรมเหล่านั้น
และตรัสอุบายเป็นเหตุดับ (ของธรรมเหล่านั้น)"
บรรยากาศรอบๆอุโบสถก็จะเขียวๆร่มรื่นแบบนี้ค่ะ ด้านข้างฝั่งขวามือก็จะมีศาลาหินอ่อนให้นั่งพักด้วย
นอกจากพระบรมฉายาลักษณ์แสดงความไว้อาลัยที่ตั้งอยู่เป็นจุดๆในวัดแล้ว
ก็ยังมีพระบรมราโชวาทสำคัญให้ได้รำลึกถึงพระองค์ท่าน
รวมถึงมีต้นศรีมหาโพธิ์ที่อุบาสก-อุบาสิการ่วมกันปลูกถวายพระองค์ท่านด้วยค่ะ ตอนนี้ต้นศรีมหาโพธิ์ก็มีอายุ 9 ปีเต็มแล้ว
แม้จะเป็นวัดเล็กๆ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยสาระความรู้ทุกตารางเมตรทุกพื้นที่ของวัดจริงๆค่ะ
อย่างป้ายนี้ก็จะอธิบายโครงการหญ้าแฝก มีประโยชน์ มีวิธีการอย่างไรบ้าง
แล้วก็พึ่งทราบว่า ต้นพุทธรักษาที่ปลูกอยู่ทั่ววัดรอบๆบริเวณบึงน้ำนั้น
เป็นวิธีกรองน้ำและดักตะกอนตามธรรมชาติค่ะ มีประโยชน์อย่างนี้นี่เอง
และนี่ก็คือกังหันน้ำชัยพัฒนาในบึงประดิษฐ์ที่สาธิตการบำบัดน้ำตามแนวพระราชดำริ
โดยแปลงสาธิตต่างๆเหล่านี้ก็จะเป็นเหมือนฐานความรู้ ให้เด็กๆในชุมชนและคนที่มาเยี่ยมเยียนวัดได้ศึกษากันค่ะ
ตอนเรามานี้เป็นเวลาเที่ยง กังหันยังไม่ได้เปิด หลวงพ่อท่านบอกว่าจะเปิดตอนเย็นๆค่ะ
ภายในวัดยังมีอาคารที่เป็นโรงทานเฉลิมพระเกียรติ ไว้รองรับในงานบุญต่างๆ
ส่วนผลมะม่วงสุกด้านหน้านั้นทานไม่ได้นะคะ แต่เหลืองน่าทานเชียว อิอิ
สำหรับที่ตั้งวัดพระรามเก้า ตั้งอยู่เลขที่ 999 ซอยพระราม 9 ซอย 19 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
โทรศัพท์ : 0 2318 5926-7, 0 2719 7676
เว็บไซต์ : www.rama9temple.org
สำหรับทั้งหมดของวัดก็จะมีประมาณนี้ค่ะ ไปมาแล้วรู้สึกสบายใจมาก อยากให้ลองมาเยี่ยมชมกัน
วันหยุดนี้พาครอบครัว เพื่อนฝูงหรือคนรักมาไหว้พระกันนะคะ
อื่นๆนอกเหนือจากนี้ก็ ห้องน้ำสะอาด เรื่องที่จอดรถมีลานให้บริการจอดฟรีด้านหน้าทางเข้าวัด
การเดินทาง ใครที่ขับรถมาก็ขับเส้นพระรามเก้ามาเรื่อยๆ เข้าซอย19ค่ะ หาไม่ยาก จะมีป้ายเวทีแบ็คดร็อปใหญ่ๆของวัดตั้งอยู่หน้าซอย
ส่วนใครที่มารถโดยสารก็จะมีรถเมล์สาย 137, 168 ผ่านค่ะ หรือขึ้นMRTสถานีพระรามเก้า แล้วต่อแท็กซี่มาเลยค่ะ สะดวกสุด
มีวินมอเตอร์ไซค์ทั้งหน้าซอยและหน้าวัด (แถวๆประตูโรงเรียนวัดฯ) ค่ะ
ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมรีวิวค่ะ^^