ต้นปี 59 ได้ลางาน 3 เดือน ที่วัดถ้ำสหาย จังหวัดอุดร บวชครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากบวชครั้งแรก มีอาการเมื่อนั่งสมาธิแล้วจิตจะไปรวมที่หน้าผาก กลางหว่างคิ้ว เมื่อ พุธ โธ จะเหมือนชีพจรเต้น ตุ๊บๆๆๆๆ ชัดเจนที่หน้าผาก เมื่อเอาจิตไปวางไว้ จะรวมแน่นๆๆๆขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจิตไปวางไว้ตรงนั้น จะหายจากเวทนา จิตจะรวมแน่น แต่ไม่ถึงขั้นสงบเหมือนตอนบวชเมื่อ 7 ปีที่แล้ว อาการนี้เกิดขึ้นหลังจากจิตรวมสงบ สว่างที่หน้าผากตอนบวชครั้งที่แล้วตอนนั้นบวชที่โคราช 2 เดือน ภาวนาพุทธ โธ มันทิ้งพุทธ โธ ทิ้งลมหายใจไปเอง เกิดเป็นดวงแก้วใสสว่างที่หน้าผาก จิตวางเฉย นิ่งๆ หลังออกสมาธิหูมันได้ยินทุกอย่างชัดเจนแม้เสียงหัวใจเราเต้นตุ๊บๆ ดังแสบแก้วหูมากและเป็นต่อเนื่องมาตลอด 7 ปี
ไม่รู้ว่าอาการอะไร บวชครั้งที่ 2 จึงต้องการมาหาคำตอบ หลังบวชได้ 1 เดือนก็ยังคงมีอาการดังกล่าว จึงตั้งใจถามหลวงปู่ ขณะก้มกราบหลวงปู่ยังไม่ทันถามท่าน ท่านตอบมาก่อนว่า "จะถามทำไม พุทธ โธ นั่นแหละ หัดปล่อยวางเสียบ้าง
อย่ายึดติดให้มาก" ผมเลยรู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นมันผิด เย็นวันนั้นจึงไปเดินจงกรม ภาวนาพุทธ โธ อยู่ดีนิมิตร ดวงแก้วใสเกิดขึ้นที่หน้าผาก ผมไม่สนใจ ภาวนาพุทธ โธ ตามลม หายใจต่อไป จึงพุทธ โธ ดวงแก้วจึงรวมแน่นที่หน้าผาก แน่นเรื่อยๆ จนแตกดังแพร้ง แล้วหายไปเลย ไม่เกิดอาการตุ๊บๆๆ ที่หน้าผากขึ้นอีกเลย คืนนั้นนอน นิมิตรในฝันจำได้ชัดเจนว่า เต็มยางรถยนต์แล้วยางบวมระเบิดใส่หน้า ฝันสีขาวซีกใหญ่หลุดมา 2 ซีก เลือดเต็มหน้าไปหมด
คืนต่อมาตั้งใจนั่งภาวนา พุทธ โธ จะไม่ยอมทิ้ง นั่งไป 2 ชม. หลังจากไม่มีตุ๊บๆ ที่หน้าผาก อาการปวดเมื่อยตามตัวก็มา หลังจากไม่เคยเจอมา 7 ปี แต่ฝืนนั่งภาวนา พุทธ โธ ต่อไป คิดว่าขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังนั่งได้ข้ามวัน ข้ามคืน เรานั่งแค่ 2 ชม. จะไม่ไหวแล้วหรือ นั่งต่อไปสักพักจิตจดจ่อกับ พุทธ โธ สักพัก มันททิ้งภาวนาไปเอง จากที่นั่งตัวงอๆตัวค่อยๆตั้งตรงเหมือนไม้บรรทัด มันเกิดขึ้นเร็วมาก จิตที่จดจ่อพุทธ โธ มันรวมเป็นหนึ่งเหมือนผ่านรูเข็ม เหมือนผ่านทะลุอุโมงมืดสนิท แล้วเหมือนไปอยู่อีกมิติ มีแต่ความมืดสนิท ตรงกลางมีดวงแก้วสว่าง ไสว ไม่มีกาย ไม่มีเวลา ไม่มีทิศทาง เหนือ ใต้ ออก ตก ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความรู้สึกสุข ทุกข์ ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความคิดใดๆ เข้ามาในห้วงนี้ได้ มีแต่สติ สักแต่ว่ารู้กับดวงสว่างไสว อย่างกลางห้วงที่มืดสนิทนั้น ห้วงนั้นกว้าง
หญ่ไม่มีประมาณจนไม่มีตำแหน่งและทิศทาง นั่งไปสักพัก ลมหายใจก็ซัดเข้ามาในห้วงความสงบ เหมือนน้ำซัดเขื่อนจนพังทลาย ความรู้สึกสุขมากๆ ก็เกิดขึ้นหลังจากรู้สึกว่ามีลมหายใจอีกครั้ง จิตใจแช่ม ชื่น เบิกบานมากๆ มีแต่สุขติดมาจนข้ามคืน แล้วรีบแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้วหลาย แล้วมาเดินจงกรมต่อ พิจารณาสักพักคิดว่าเราปฏิบัติผิดมาตลอด เราโดนอวิชชา คือ ความไม่รู้มันหลอก พิจารณาใคร คือ อวิชชา ก็คือ ตัวเรานั่นเอง
อยากสอบถามนักปฏิบัติเคยมีอาการสมาธิแบบผมหรือป่าวครับ มาถูกทางไหม หลังจากสึกเป็นฆราวาสไม่เคยนั่งได้สงบเหมือนตอนบวชพระอีกเลย อาจเพราะวานที่ทำเครียดมากๆ ขอบคุณครับ
ใครมีอาการสมาธิแบบนี้บ้างครับ เรียกว่าอะไร มาถูกทางไหม
ไม่รู้ว่าอาการอะไร บวชครั้งที่ 2 จึงต้องการมาหาคำตอบ หลังบวชได้ 1 เดือนก็ยังคงมีอาการดังกล่าว จึงตั้งใจถามหลวงปู่ ขณะก้มกราบหลวงปู่ยังไม่ทันถามท่าน ท่านตอบมาก่อนว่า "จะถามทำไม พุทธ โธ นั่นแหละ หัดปล่อยวางเสียบ้าง
อย่ายึดติดให้มาก" ผมเลยรู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นมันผิด เย็นวันนั้นจึงไปเดินจงกรม ภาวนาพุทธ โธ อยู่ดีนิมิตร ดวงแก้วใสเกิดขึ้นที่หน้าผาก ผมไม่สนใจ ภาวนาพุทธ โธ ตามลม หายใจต่อไป จึงพุทธ โธ ดวงแก้วจึงรวมแน่นที่หน้าผาก แน่นเรื่อยๆ จนแตกดังแพร้ง แล้วหายไปเลย ไม่เกิดอาการตุ๊บๆๆ ที่หน้าผากขึ้นอีกเลย คืนนั้นนอน นิมิตรในฝันจำได้ชัดเจนว่า เต็มยางรถยนต์แล้วยางบวมระเบิดใส่หน้า ฝันสีขาวซีกใหญ่หลุดมา 2 ซีก เลือดเต็มหน้าไปหมด
คืนต่อมาตั้งใจนั่งภาวนา พุทธ โธ จะไม่ยอมทิ้ง นั่งไป 2 ชม. หลังจากไม่มีตุ๊บๆ ที่หน้าผาก อาการปวดเมื่อยตามตัวก็มา หลังจากไม่เคยเจอมา 7 ปี แต่ฝืนนั่งภาวนา พุทธ โธ ต่อไป คิดว่าขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังนั่งได้ข้ามวัน ข้ามคืน เรานั่งแค่ 2 ชม. จะไม่ไหวแล้วหรือ นั่งต่อไปสักพักจิตจดจ่อกับ พุทธ โธ สักพัก มันททิ้งภาวนาไปเอง จากที่นั่งตัวงอๆตัวค่อยๆตั้งตรงเหมือนไม้บรรทัด มันเกิดขึ้นเร็วมาก จิตที่จดจ่อพุทธ โธ มันรวมเป็นหนึ่งเหมือนผ่านรูเข็ม เหมือนผ่านทะลุอุโมงมืดสนิท แล้วเหมือนไปอยู่อีกมิติ มีแต่ความมืดสนิท ตรงกลางมีดวงแก้วสว่าง ไสว ไม่มีกาย ไม่มีเวลา ไม่มีทิศทาง เหนือ ใต้ ออก ตก ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความรู้สึกสุข ทุกข์ ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความคิดใดๆ เข้ามาในห้วงนี้ได้ มีแต่สติ สักแต่ว่ารู้กับดวงสว่างไสว อย่างกลางห้วงที่มืดสนิทนั้น ห้วงนั้นกว้าง
หญ่ไม่มีประมาณจนไม่มีตำแหน่งและทิศทาง นั่งไปสักพัก ลมหายใจก็ซัดเข้ามาในห้วงความสงบ เหมือนน้ำซัดเขื่อนจนพังทลาย ความรู้สึกสุขมากๆ ก็เกิดขึ้นหลังจากรู้สึกว่ามีลมหายใจอีกครั้ง จิตใจแช่ม ชื่น เบิกบานมากๆ มีแต่สุขติดมาจนข้ามคืน แล้วรีบแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้วหลาย แล้วมาเดินจงกรมต่อ พิจารณาสักพักคิดว่าเราปฏิบัติผิดมาตลอด เราโดนอวิชชา คือ ความไม่รู้มันหลอก พิจารณาใคร คือ อวิชชา ก็คือ ตัวเรานั่นเอง
อยากสอบถามนักปฏิบัติเคยมีอาการสมาธิแบบผมหรือป่าวครับ มาถูกทางไหม หลังจากสึกเป็นฆราวาสไม่เคยนั่งได้สงบเหมือนตอนบวชพระอีกเลย อาจเพราะวานที่ทำเครียดมากๆ ขอบคุณครับ