ธนาคารโลก เตือนประเทศไทยอย่าเร่งกระตุ้นจีดีพีมากเกินไป เพราะมีความเสี่ยงสูง แนะรัฐบาลเลือกโครงการลงทุนที่เกิดผลเชื่อมโยงกับภูมิภาค
ในการสัมมนาร่วมระหว่างธนาคารโลกและทีดีอาร์ไอ แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและประเทศไทยในปีพ.ศ. 2560 นายชูเดีย แชตตี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.1 เท่ากับปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำอยู่ในอันดับรั้งท้ายของกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออก ซึ่งเป็นรอง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยเห็นว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่ำ แต่รัฐบาลไทยไม่ควรเร่งอัตราการเติบโตมากเกินไป และไม่ควรทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่แท้จริง เพราะมีความเสี่ยงสูง จึงควรกระตุ้นแบบมีประสิทธิภาพ ลงทุนในโครงการที่ดีและเกิดผลประโยชน์ เช่น โครงการด้านการขนส่ง ควรเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค และ ควรปรับปรุงกฎระเบียบการลงทุนให้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะภาคบริการ แม้ว่าอันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจของไทย (Doing Business) ดีขึ้น 3 อันดับ จากอันดับ 49 มาอยู่ที่ 46 ของโลก แต่ยังด้อยกว่ามาเลเซีย
ด้าน ทีดีอาร์ไอ ระบุ เศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.2 สูงกว่าปีนี้ที่ขยายตัวร้อยละ 3 จากปัจจัยบวกด้านการส่งออก ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0-1 จากปีนี้ที่ติดลบเล็กน้อย หรือทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ และตลาดหลักกลับมาฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น หลังปีนี้ถูกผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ราคาข้าวตกต่ำ และภาวะความโศกเศร้าของประชาชน
โดยในปีหน้าเครื่องจักรสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คือ การส่งออก และการบริโภคในประเทศ ขณะที่การลงทุนของภาครัฐจะมีส่วนช่วยได้บ้าง เนื่องจากเงินลงทุนภาครัฐมีส่วนช่วยเศรษฐกิจเพียง ร้อยละ 5-6
ส่วน มาตรการชอปช่วยชาติ ที่คาดว่าจะออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า มีผลต่อจีดีพีไม่ถึงร้อยละ 1 แต่จะสร้างบรรยากาศในการบริโภคให้คึกคักมากขึ้น เนื่องจากสัดส่วนผู้ที่เสียภาษีมีเพียง 4 ล้านคน จากประชาชนทั้งประเทศ 60 ล้านคน
JJNY : World Bank เตือนไทยอย่ากระตุ้น GDP มากไป
ในการสัมมนาร่วมระหว่างธนาคารโลกและทีดีอาร์ไอ แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและประเทศไทยในปีพ.ศ. 2560 นายชูเดีย แชตตี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.1 เท่ากับปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำอยู่ในอันดับรั้งท้ายของกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออก ซึ่งเป็นรอง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยเห็นว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่ำ แต่รัฐบาลไทยไม่ควรเร่งอัตราการเติบโตมากเกินไป และไม่ควรทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่แท้จริง เพราะมีความเสี่ยงสูง จึงควรกระตุ้นแบบมีประสิทธิภาพ ลงทุนในโครงการที่ดีและเกิดผลประโยชน์ เช่น โครงการด้านการขนส่ง ควรเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค และ ควรปรับปรุงกฎระเบียบการลงทุนให้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะภาคบริการ แม้ว่าอันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจของไทย (Doing Business) ดีขึ้น 3 อันดับ จากอันดับ 49 มาอยู่ที่ 46 ของโลก แต่ยังด้อยกว่ามาเลเซีย
ด้าน ทีดีอาร์ไอ ระบุ เศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.2 สูงกว่าปีนี้ที่ขยายตัวร้อยละ 3 จากปัจจัยบวกด้านการส่งออก ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0-1 จากปีนี้ที่ติดลบเล็กน้อย หรือทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ และตลาดหลักกลับมาฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น หลังปีนี้ถูกผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ราคาข้าวตกต่ำ และภาวะความโศกเศร้าของประชาชน
โดยในปีหน้าเครื่องจักรสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คือ การส่งออก และการบริโภคในประเทศ ขณะที่การลงทุนของภาครัฐจะมีส่วนช่วยได้บ้าง เนื่องจากเงินลงทุนภาครัฐมีส่วนช่วยเศรษฐกิจเพียง ร้อยละ 5-6
ส่วน มาตรการชอปช่วยชาติ ที่คาดว่าจะออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า มีผลต่อจีดีพีไม่ถึงร้อยละ 1 แต่จะสร้างบรรยากาศในการบริโภคให้คึกคักมากขึ้น เนื่องจากสัดส่วนผู้ที่เสียภาษีมีเพียง 4 ล้านคน จากประชาชนทั้งประเทศ 60 ล้านคน