SPCG - ผู้นำ Solar farm ใน ASEAN

สวัสดีครับ ผมมีข้อมูลมาแบ่งปันเพื่อนที่น้องนักลงทุนทุกท่านน่ะครับ ผมอยากจะแบ่งกันการสรุปเนื้อหาของผม ขอฝากตัวด้วยนะครับ

เนื่องจากผมอัพโหลดรูปไม่เป็น หากใครอยากเห็นแบบมีรูปด้วย ข้อมูลเต็มจะอยู่ในลิ้งนี้น่ะครับ  อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17
https://www.facebook.com/notes/investdiary-แบ่งปันความรู้การลงทุน/spcg-ผู้นำ-solar-farm-ใน-asean/842964219172160

======================================================================
======================================================================
เมื่อพูดถึงพลังงานทางเลือกแล้ว พลังงานจากแสงอาทิตย์ก็นับว่าเป็นพลังงานที่ไม่มีต้นทุน พลังงานหมุนเวียน 100% เมื่อเทียบกับพลังงานอื่นๆที่ยังมีเรื่องของราคาวัตถุดิบที่อาจจะขึ้นลงตามตลาด แต่จุดอ่อนของพลังงานทางเลือกก็คือมันไม่ได้โตเรื่อยๆ รายได้จะมาจากกำลังการผลิตที่สร้างไว้ จะโตได้ก็ต้องลงทุนสร้างเพิ่ม แต่รายได้นั้นค่อนข้างมั่นคง เพราะว่ามีสัญญาขายไฟฟ้าชัดเจน เมื่อเปิดโรงงานนั้นรายได้จากกำลังการผลิตก็เข้ามาเต็มๆ จะไม่รอเหมือนโรงงานทั่วไปที่ต้องค่อยๆเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอยู่กับ demand ที่น่าสนใจ คือ บริษัทมีงบการเงินที่ดี แล้ว proof มาแล้วว่าสามารถบริหารโครงการได้เสร็จจริง


ข้อมูลทั่วไป

บริษัท เอสพีซีจี จํากัด ทำเป็น Holding Company ที่บริษัทลูกนั้นก็คือบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าหลายๆบริษัทรวมกันนั้นเอง มีทั้งหมด 44 บริษัท โดยมีทั้งหมด 36 โครงการ ตั้งอยู่ใน 10 จัดหวัง และผลิตได้ 260 MW มีเนื้อที่กว่า 5000 ไร่ โดยพื้นที่ทั้งหมดเป็นของบริษัทเอง
บริษัท SPCG มีธุรกิจ 4 ประเภทก็คือ
ธุรกิจหลักก็คือ พัฒนาโซลาฟาร์ม หรือรับเหมาก่อสร้างโซลาฟาร์ม
ธุรกิจหลังคาเหล็กคุณภาพ ครบวงจร นั้นก็คือผลิต จำหน่าย และติดตั้ง
จำหน่ายระบบโซล่าบนหลังคา สำหรับบุคคลทั่วไป (ตรงนี้ HomePro เป็นผู้จัดจำหน่าย) สำหรับโครงการบ้าน อาคารต่างๆ และสุดท้ายก็คือสำหรับพวกโรงงาน
ธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อ Solar roof ให้ บริษัทอื่นๆ โดยสัญญาเช่าซื้อมีระยะยาวประมาณ 5 - 10 ปี
โดยสัดส่วนรายได้ก็มีตามนี้

ก็จะเห็นว่าถึงแม้จะมีบริษัทลูกทำธุรกิจหลายประเภท แต่ว่ารายได้หลักก็จะมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ถ้าดูรายได้จากการขายระบบ Solar roof แล้วก็เติบโตในอัตราที่แรงพอตัว
ธุรกิจหลักนั้นเห็นว่ามีค่า Adder 8 บาทเพิ่มเข้ามา (เป็นค่าที่รัฐบาลจ่ายเพิ่มต่อไฟฟ้า 1 หน่วยที่ซื้อ) เพราะว่าสมัยก่อนนั้นบริษัท Solar ลงทุนสูง แต่รายได้ไม่มากพอ เขาก็เลยจ่ายตรงนี้เพิ่มขึ้นให้เป็นระยะเวลา 10 ปี หลังจากเริ่มจ่ายไฟ ซึ่งเหตุผลที่รายได้มากมายมหาศาลนั้นเพราะว่าได้ค่าตรงนี้เข้าไปนั้นเอง แต่ว่าในปัจจุบันนั้นก็มีโครงการที่จ่ายไฟตั้งแต่ปี 2553 ใกล้จะถึงเวลาที่จะหมดสัญญานี้แล้ว อีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ก็ยังมีโครงการที่เริ่มจ่ายไฟปี 2554 2555 2556 2557 2558 ก็จะยังมี Adder อยู่ กว่าจะทะยอยๆหมดไปก็ประมานหลายปีอยู่

จุดเด่นของ Spcg ก็คือ ประกอบธุรกิจมา 30 ปี แล้ว ถ้าไม่เจ๋งจริงก็คงอยู่ไม่ได้นานขนาดนี้ แล้วก็มี Partner ที่เป็น supply แผงโซล่าก็คือบริษัท Kyocera โดยแผ่นโซล่านั้นถือว่ามีการรับประกันกำลังการผลิต 90% ภายใน 12 ปี และ 80% ภายใน 25 ปี แล้วก็จะมีบริษัท Inverter จาก เยอรมัน รับประกัน 20 ปี
แนวโน้มการใช้ไฟฟ้าเนี่ยก็ใครๆก็คงจะนึกออกว่ามากขึ้นแน่นอนโดยกระทรวงพลังงานก็ forecast ไว้คร่าวๆตามนี้

ถ้าเป็นตามนี้ พลังงานแสงอาทิตย์ก็จะได้รับประโยชน์มาก แถมมีพื้นที่ให้บริษัทเติบโตขึ้นไปอีกด้วย

ความเสี่ยง

จะเห็นได้ว่าบริษัทมีผู้ผลิตโซล่า และเครื่องแปลงกระแสไฟเพียงรายได้ก็คือ Kyocera และ SMA ตามลำดับ แต่ว่าก็ค่อนข้างปลอดภัยเพราะว่า Kyocera ก็จดทะเบียนอยู่ตลาดญี่ปุ่น ส่วน SMA จดทะเบียนอยู่ตลาดเยอรมัน
ความเสี่ยงต่อมาก็คือเรื่องของแสงอาทิตย์ที่อาจจะน้อยกว่าที่คำนวน แต่บริษัทก็ศึกษาพื้นที่มาอย่างดีแล้วก็พอปล่อยจริงดันมีความเข้มแสงมากกว่าที่คำนวนไว้ 20% (โลกมันร้อนขึ้นหรือเปล่า 555)
ความเสี่ยงถ้าเกิดน้ำท่วม แผ่นดินไหวตรงนี้บริษัทก็ซื้อประกันไว้หมดแล้ว
ความเสี่ยงจากอุปกรณ์หมดสภาพเร็วกว่าปกติ ก็มีประกันที่บอกไปข้างต้นแล้ว

=================

งบการเงิน

รายได้ของบริษัท

รายได้บริษัทก็เพิ่มตามจำนวนโครงการที่เสร็จและจำหน่ายไฟเพิ่มในแต่ละปี แต่ตอนนี้ครบแล้ว 36 โครงการ รวมค่า Adder 8 บาท ก็ทำให้รายได้บริษัทนั้นมากมายเลยทีเดียว โดยที่อัตราต้นทุนต่อรายรับก็ดูดีขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิดี

ฐานะทางการเงิน

นี่ก็เป็นอีกบริษัทที่เงินสดทบขึ้นทุกๆปี

ทรัพย์สินระยะยาวก็น่าจะเป็นพวกอุปกรณ์ต่างๆก็ลดลงเพราะว่าหักค่าเสื่อมไป ไม่มีอะไรมาก

หนี้สินระยะยาวของบริษัทก็มีอยู่โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้กับธนาคารน่าเป็นกู้มาลงทุนในตอนแรก โดยปี 58 ก็ได้ออกหุ้นกู้ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเพื่อเอาเงินไปจ่ายหนี้ สถาบันการเงิน เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน เห็นว่าลดลงไป 2 พันกว่าล้านบาท

ส่วนของผู้ถือหุ้นนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากกำไรสะสม ทำให้อัตราส่วนผู้ถือหุ้นต่อหนี้สินดูดีขึ้นในแต่ละปี และคาดว่า ภายในสองสามปีข้างนั้น อัตราส่วนผู้ถือหุ้นนั้นก็จะมากขึ้นไปเรื่อยๆแน่นอนมาก

กระแสเงินสด

มีเงินสดเข้ามาจากการดำเนินงานไม่ติดลบ

อัตราส่วนทางการเงิน

อัตรากำไรขั้นต้นสูงมาก 70% แต่นั้นก็เพราะว่าได้ค่า Adder 8 บาทเข้ามานั้นเอง ROE 30% ก็อยู่ในระดับที่สูง แต่ความเสี่ยงก็อย่างที่บอก ต้องจับตาดูค่า Adder ไว้ดีๆว่าจะหมดเมื่อไหร่
สุดท้าย บริษัทไม่ได้หมดแค่นี้ แต่บริษัทตอนนี้ก็กำลังก่อสร้างอีกโครงการในประเทศญี่ปุ่น เมือง Tottori ที่จะมีกำลังการผลิตถึง 30 MW เราก็มั่นใจได้ว่าบริษัทไม่ได้หยุดนิ่งและกินบุญเก่า (แหม่ ทำมาขนาดนี้แล้วจะหยุดได้อย่างไร) ซึ่งคาดว่าจบปล่อยไฟได้ภายในปี 2560 และไม่แน่ใจว่าได้ค่า Adder ด้วยหรือเปล่า ต้องดูตรงนี้ดีๆ เพราะว่าถ้าบริษัทได้ Adder ด้วยก็แปลว่า โครงการแรกที่สัญญา Adder จะหมดในปี 2563 นั้น ก็จะมีโครงการใหม่รายได้เข้ามาทดแทนส่วนที่หายไป อนาคตของพลังงานโซล่าก็ดูจะสดใสเอามากๆ ถ้าว่าเป็นหุ้นที่ค่อนข้าง Defensive หน่อยๆเลย ราคาหุ้นไม่ขึ้นลงเพราะปัจจัยเศรษฐกิจอะไรเลย เพราะยังไงคนก็ต้องใช้ไฟฟ้า แถมมากขึ้นด้วย

ที่มา https://www.facebook.com/investdiary
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่