[CR] BROMO x IJEN ครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องไป


สวัสดีค่า นี่เป็นกระทู้แรกของเราเอง จะมาเล่าประสบการณ์ไปเที่ยว Bromo กับ Ijen ให้ฟัง

* ข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่เพจเราน้า https://www.facebook.com/LetsTheJourneyBegin/

จุดเริ่มต้นของทริปนี้เริ่มจากดันอ่านไปเจอเพจท่องเที่ยวที่เค้ารีวิวโบรโม เกิดความรู้สึกว่า เห้ย ต้องไปอะ
ทีนี้ก็หาข้อมูลคร่าวๆ หาเพื่อนร่วมทาง แล้วจองตั๋วเลย แบบทั้งๆที่ไม่มีแพลนอะไรทั้งนั้น เพราะความอยากไปล้วนๆ55555
ทีนี้เราจะมาสรุปข้อมูลคร่าวๆสำหรับคนที่อยากไป ลองอ่านกันดูนะ

จะไปโบรโมต้องใช้เงินเท่าไหร่ ?
เราสรุปมาให้เป็นภาพคร่าวๆตามนี้เลย

ซึ่งถ้าหาตั๋วได้ถูกกว่าเราก็จะใช้งบที่น้อยลงไปอีก โดยขาไปเราไปลงที่สุราบายา แต่พวกเราไปเที่ยวบาหลีกันต่อ ขากลับเลยกลับจากอีกสนามบิน
ค่าครองชีพที่นั่นก็ไม่แพงเลย พอๆกับบ้านเรา
โดยค่าเงินที่อินโดนีเซียจะใช้ค่าเงินรูเปีย ซึ่งตอนที่เราไป 1แสนรูเปียจะประมาณ 260 บาท


ต้องใช้เวลากี่วัน ?

จริงๆถ้าจะไปแค่ Bromo กับ Ijen ที่ East Java ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ก็เก็บได้หมดนะ แต่พวกเราไปเที่ยวที่เกาะบาหลีกันต่อด้วย จึงใช้ทั้งหมด 5 วัน 4 คืน
โดยโปรแกรมที่เราไป East Java จะเป็นคร่าวๆตามนี้เลย

Day 1 : ขึ้นเครื่องจากสนามบินดอนเมือง 19.50 ไปถึงสุราบายาประมาณ 4 ทุ่ม (เวลาที่อินโดนีเซีย)
           เดินทางไปยัง Penanjakan ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

Day 2 : Penanjakan
           Bromo Crater
           Teletubbies Hill
           Sand Sea

Day 3 : น้ำตก Madakaripura
           เดินทางไป Ijen

Day 4 : Ijen Crater
           

ติดต่อไกด์ยังไง ?

เราหาไกด์ตามที่เพจอื่นๆแนะนำ แต่ส่วนมากจะไม่ว่างในวันที่เราจะไป
เราจึงหาเอง จนมาเจอ Trip Bromo East Java  
เลยติดต่อคุยราคากับเค้า คุยเรื่องแพลนที่เที่ยว และตกลงราคากันได้ที่ 1,750,000 รูเปีย (ประมาณ4700บาท ต่อคน) ซึ่งราคานี้เป็นราคาสำหรับไป6คนนะ
โดยราคานี้รวมทุกอย่างแล้ว ตั้งแต่ค่ารถและคนขับ ไกด์ น้ำมัน ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ และค่าที่พัก2คืน เลยคอนเฟิร์มกับเค้าไป
พอติดต่อหาไกด์ได้แล้ว เราก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว เพราะเค้าจะจัดการทุกอย่างให้ ทีนี้ก็นั่งรอวันเดินทางได้เลย  ยิ้ม


ในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง เย้
เราลงเครื่องที่สุราบายาประมาณ 4 ทุ่ม ก็ติดต่อหาไกด์และคนขับที่เราเคยติดต่อไว้
พอขึ้นรถแล้ว ก็เริ่มเดินทางกันเลย ถ้าใครง่วงก็งีบกันบนรถไป
โดยที่แรกที่เราจะไปก็คือ Penanjakan เป็นจุดสำหรับดูพระอาทิตย์ขึ้น และจากตรงนั้น
จะเห็น Bromo ในมุมไกลๆได้ด้วย ซึ่งเราจะต้องไปเปลี่ยนรถเป็นรถJeepกันก่อน
พอซักตี4 เราก็ขึ้นไปถึง Penanjakan อากาศค่อนข้างหนาวเลยแหละ

นั่งรอซักพัก ประมาณตี5 พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นแล้วววว


คนจะเยอะหน่อยนะ แต่วิวดีมากๆเลย



พอเริ่มสว่างหน่อย เราเลยเดินไปอีกมุมที่จะเห็นโบรโมชัดกว่า ซึ่งคนยังไม่เยอะมาก เพราะถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นกันอยู่


ภาพที่เห็นคือมันสวยมากจริงๆ



พอถ่ายรูปกันเสร็จ ไกด์ก็พาเราขึ้นรถไปยังจุดชมวิวอีกที่
ซึ่งต้องเดินขึ้นเขาไปนิดนึง แต่ถ้าขึ้นไปถึงแล้วจะไม่เสียใจเลยยย
คือเห็นโบรโมใกล้กว่าที่แรก และแทบไม่มีคนเลย




หลังจากที่เห็นโบรโมจากระยะไกลกันมาซักพัก ทีนี้เราจะนั่งรถไปดูใกล้ๆกัน


แต่จุดนี้ต้องมีน้องม้าเป็นตัวช่วยนิดหน่อย เพราะถ้าเดินเองจะนานกว่าและต้องจมฝุ่นแน่ๆ
เราตกลงราคากับคนจูงม้าได้ในราคา1แสนรูเปีย ก็จะประมาณ 260 บาท เสร็จแล้วก็ขึ้นหลังม้ากันไปเลยยย


นั่งเกร็งบนหลังม้ากันมาได้ซักพัก ก็มาถึงตรงนี้ จากนี้เราต้องเดินเท้าขึ้นบันไดกันต่อเองนะ





ยังๆ ยังไม่ถึง นี่ยังไม่ใช่โบรโม


เดินขึ้นบันไดมาได้ซักพัก ก็จะพบกับความเหนื่อย 55555555 แต่ดูนี่สิ ทุกอย่างดูเข้ากันไปหมดเลยย

ในที่สุดดดเราก็ขึ้นมาถึงปากปล่องโบรโม เย้
จะได้ยินเสียงของภูเขาไฟอยู่ตลอดเวลา บอกตรงๆว่าขาสั่นมากกก เพราะรั้วกั้นก็มีอยู่นิดเดียวและดูไม่ค่อยแข็งแรง
พื้นก็ไม่เรียบ จะเดินไปไหนต้องระวังหน่อยนะ


ขาสั่นกันอยู่ซักพัก ก็ถึงเวลาลงมาขึ้นม้ากลับไปยังที่รถ
จากนั้นคนขับก็พาไปสถานที่ต่อไป คือ Teletubbies Hill นั่นเอง
ซึ่งตรงนี้จะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างๆ ใครหิวก็ไปแวะกินข้าวได้ จะมีร้านเล็กๆ นั่งกินกันกลางทุ่งไปเลยย




ข้างล่างนี่จะไม่หนาวเหมือนข้างบนแล้วนะ

เสร็จจากที่นี่ เราก็ขึ้นรถเดินทางไปที่ต่อไป ก็คือ Sand Sea





ถ่ายรูปกันเสร็จ ก็ขึ้นรถกลับไปพักผ่อน เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้วว



DAY 2 :  วันนี้เราจะไปที่น้ำตก Madakaripura กัน
นั่งรถมาได้ซักพัก พี่คนขับก็บอกว่าเดี๋ยวต้องนั่งมอไซต่อเข้าไปนะ ก็ลุยยย
พอลงจากมอไซ ก็จะมีไกด์ท้องถิ่นพาเราเดินเข้าไปต่อ ตรงนั้นจะมีคนมาขายเสื้อกันฝนกับรองเท้าแตะ ก็ซื้อไว้เถอะ เพราะข้างในเปียกจริงๆ



เป็นน้ำตกที่สวยมากๆ แต่ทางจะค่อนข้างเดินลำบากหน่อย


ออกมาจากน้ำตก เราจะเดินทางไปอีกเมืองเพื่อเตรียมไป Ijen กันนน
ถึงที่พักประมาณ 2 ทุ่ม ไกด์ก็นัดว่าจะมารับตอนเที่ยงคืน ก็โอเคแยกย้ายกันพักผ่อน
สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมถ้าไป Ijen คือผ้าปิดจมูก สำคัญมากๆ เพราะที่นั่นจะมีแก๊สกำมะถันซึ่งกลิ่นแรงมาก

พอตี1กว่าๆเราก็เดินทางถึง Ijen ทีนี้เราจะต้องเดินขึ้นเขาไปซึ่งเป็นทางที่ชันมาก แล้ววันนั้นฝนตกด้วย ทั้งเหนื่อยทั้งลื่น บอกเลยว่าเหนื่อยสุดๆ
เดินไปบ่นไป จนขึ้นไปถึงข้างบนประมาณเกือบๆตี5 เราต้องเดินไต่หินลงไปด้านล่างอีกเพื่อที่จะดู Blue fire
แต่ถ้าใครไม่ค่อยสนใจ จะนั่งรอดูพระอาทิตย์ขึ้นด้านบนก็ได้เหมือนกัน
ซึ่งเราก็อยากขะเห็นว่า Blue fire มันเป็นยังไง ก็เลยลงไป
ตอนเดินลงไปต้องระวังมากๆ เพราะมันเป็นหินที่ไม่รู้ว่าจะกลิ้งหรือขยับมั้ย แต่ก็จะมีไกด์ท้องถิ่นคอยพาเราเดินลงไปอะแหละ



พอลงไปถึงข้างล่างก็จะพบกับกลุ่มควันแบบนี้



ในที่สุดดดด ก็ได้เจอ Blue fire !


หลังจากถ่ายรูปBlue fireได้ซักพัก ก็ถึงจุดที่คิดได้ว่า กลับขึ้นไปเถอะ55555 ถ้าอยู่ต่อตรงนี้อีกนิดต้องโดนรมควันแน่ๆ


พอเริ่มมีแสง ก็จะเห็นเป็นทะเลสาบสีฟ้าแบบในรูปนี้เลยย


กลุ่มควันตรงนั้น คือจุดที่เราเดินลงไปดู Blue fire
รวมแล้วใช้เวลาเดินขึ้นลงประมาณชั่วโมงนิดๆ


ในที่สุด เราก็เดินกลับขึ้นมาถึงข้างบนจนได้
แล้วก็เพิ่งรู้ว่านี่คือางที่เดินมาตอนแรก เพราะก่อนหน้านี้มันมืดมากกกมองอะไรแทบไม่เห็นเลย55555



หลังจากลุยกันมาได้ 2-3 วัน เราจะไปเที่ยวสบายๆที่บาหลีกันต่อแล้ววว
จะเป็นยังไง รอติดตามกระทู้ต่อไปนะคะ

หวังว่าจะช่วยให้ข้อมูลกับคนที่อยากไปโบรโมได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
หรือจะถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็มาคุยกับเราได้ในเพจน้า https://www.facebook.com/LetsTheJourneyBegin/
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ แล้วเจอกันในทริปต่อไปนะ ยิ้ม
ชื่อสินค้า:   Bromo Trip, Surabaya, Indonesia
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่