สวัสดีเพื่อนๆ ชาว pantip ห้องบลูแพลนเน็ต วันนี้อยากมาเล่าประสบการณ์เที่ยวภูเขาไฟ โหดเบาๆ ที่ใครๆ เค้าก็ไปกัน ทำไมเราจะไปไม่ได้นะ เริ่มแรกเดิมที จขกท ไม่รู้จักด้วยซ้ำ หลังจากมีคุณพี่มาชวนว่า ป่ะ เราไปโบรโม่ กันเถอะ??? งงสิคะ งงในงง คือไรนะ โบรโม่ หลังจากนั้นเราก็ตบปากรับคำค่ะ ไปค่ะไป ไปหมด ไปไหนก็ได้ จองตั๋วสิคะ รออะไร
เราเดินทางคืนวันที่ 12 ต.ค.60 เวลา 20.00 น. ขึ้นจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปแวะต่อเครื่องที่สิงคโปร์ เวลา 23.35 น. หาที่ซุกหัวนอนในสิงคโปร์ แล้วขึ้นเครื่องต่อตอน 8.15 น. ถึงสุราบายา 9.35 น.
ขั้นแรกหลังจากรู้ตัวอีกทีว่า นี่ช้านจองตั๋วไปแล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูล เราก็เริ่มหาข้อมูลกัน จากรีวิวเพื่อนๆ ในห้องบูลนี่ล่ะ เยอะแยะมากมายเลย ได้ประโยชน์มากๆ ในส่วนของการจะไปที่นี่นั่น เราต้องหาไกด์ คุณพี่ที่ชวนเรา เป็นคนคุยกับไกด์ทั้งหมด ที่เรามีข้อมูลอยู่ โดยส่งกำหนดการเดินทางไปให้ไกด์ แล้วไกด์จะส่งแผนเที่ยวกลับมาให้เรา พร้อมกับราคา ซึ่งทางคุณพี่นั้น ก็มีการเปรียบเทียบกิจกรรม และราคาให้เสร็จสรรพ สรุปเราเลือกไกด์ที่ชื่อ "Danny" นางมีเกือบทุกรีวิวที่เราอ่านเลย สำคัญมาก ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน เรายอมค่ะ เพราะนางมีโดรนนนนนนน 555+
พอตกลงกันเสร็จ ใกล้ๆ วัน เราก็เป็นห่วงว่า จะโดนไกด์เท รึป่าว เพราะการไปครั้งนี้ ไม่ต้องมีการมัดจำใดๆ วัดใจกันล้วนๆ เลยติดต่อไปช่องทางเดิมที่ติดต่อกันว่าโอเค เราคอนเฟิร์มนะ ยูคอนเฟิร์มมั้ย เราจะไปแล้วนะ อย่าเทเรานะ มารับเราที่สนามบินด้วยยยยย
และแล้วก็มาถึงวันเดินทาง นัดกันที่สุวรรณภูมิ 5 โมงเย็น เนื่องจากจะเป็นวันหยุดยาว ต้องรีบไปหน่อย เพราะจะไม่ทันการ ตกเครื่องเอาเสียง่ายๆ แท่นแท๊นนนนนน และนี่คือโฉมหน้าผู้ร่วมชะตากรรม ในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ
อย่างที่บอก ถึงสิงคโปร์ 5 ทุ่มกว่า เดินเตร็ดเตร่ หาที่นอน ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ ชม. นี่ล่ะ ในสนามบิน ก็ได้ที่นอนตรงหน้าโรงหนัง ที่สนามบินสิงคโปร์ดีมากเลย มีโรงหนังให้ดูด้วยเราก็เข้าไปย่องๆ แอบดู แต่ก็ไม่ได้ดูหรอก ง่วงนอนมาก แต่ถามว่านอนหลับมั้ย ไม่!!! ค่ะ เสียงจากโรงหนังมันฮึ่มๆๆ ดีแท้ หลับบ้างไม่หลับบ้าง เพลียจุง
ไปจ้า เช้าแล้ว เดินทางต่อไปสุราบายา เช้านี้ที่สิงคโปร์ก็จะฝนปรอยๆ หน่อยๆ
แล้วก็มาถึงสนามบินสุราบายา (SUB) เดินๆๆ กันผ่าน ตม. เสด ก็มองหาไกด์ ออกมาไม่นานก็เจอ Danny ถือป้ายชื่อด้วย ว่ามารับพวกเรา 555 เจอหน้ากัน ทักทายกันนิดหน่อย แนะนำตัว เค้าก็พาไปขึ้นรถ คันนี้.....
รถคันนี้จะเปนรถที่เรานั่งไปตลอดการเดินทาง สำหรับทริปนี้ ก็ไม่ได้เลวร้ายนะ สำหรับ 4 คน นั่งสบายๆ ถึงจะเก่าไปนิสนุงงงงงงง แต่แอร์นะ เฉียบ!!! สำหรับแผนการเที่ยวของเรานั้นนะ ตามนี้เลย
Day 1
- BKK - SIN-SUB
Day 2
- Kawah Ijen
- น้ำตก Madakaripura
Day 3
- จุดชมวิว Penanjakan
- ปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่
- ทุ่ง Savana
Day 4
- SUB - KUL - BKK
อ่ะมาถึงนี่แล้ว เราก็อยากจะกินอาหารแบบ Local ไกด์ก็พามานี่เลย ที่ไหนไม่รู้ รู้แต่คล้ายๆ เป็นจุดพักรถแบบมอเตอร์เวย์บ้านเรา มี KFC ดั๊วะ แต่เราไม่กิน เราจะกิน Local หน้าตาก็ประมาณนี้ล่ะ คือเค้าจะเอาอาหารที่เค้ามี มาเรียงๆ ทุกอย่างเลย เหมือนข้าวแกงบ้านเรา เราจะกินอะไรก็เลือกกินเอา อันไหนไม่กินก็วางไว้ก่อน เวลาคิดเงิน เค้าจะคิด เฉพาะที่เรากิน
หลังจากกินอาหารมื้อนี้เสดแล้ว ก็เดินทางต่อกันยาวๆ เลยจ้า หัวสั่นหัวคลอนกันหลาย ชม. เวลาล่วงเลยมา ซักประมาณ 4 โมงเย็นได้ ไกด์ของเราก็พาแวะซื้อซิม เป็นร้านโทรศัพท์เหมือนบ้านเรา อยู่ริมถนน ร้านก็ค่อนข้างใหญ่ดี ได้ซิมมาในราคา 52000 Rp (ถูกกว่าในสนามบิน ไกด์แนะนำมา และจะพาไปซื้อเอง) เป็นซิมที่เล่นแต่เน็ตได้อย่างเดียว เราก็ซื้อกันแค่ 2 อัน แบ่งกันเป็นคู่ แชร์ฮอตสปอร์ต ให้กัน ประหยัดกันไป หาร 4 หะหะ
เดินทางกันต่อค่ะ ทรหดมากมายงานนี้ ตูดนี่ชา ไปหมดแล้ว ก็ยังไม่ถึงซักที สุดท้ายก็มาถึงจนได้ Arabica Homestay เกือบ 2 ทุ่มแล้ว หิวมากมาย ได้เวลาอาหารเย็น หลังจากเช็คอินเสด กับสภาพห้องที่ไม่โอเคซักเท่าไร แต่ไม่เปนไร นอนแปบเดียว เที่ยงคืนก็ตื่นแล้ว ซุกหัวนอนแปบเดียว รูปไม่ได้ถ่ายมานะคะ ให้นึกภาพเอาเอง ฮ่าฮ่า
อาหารมื้อเย็นวันนี้ของรีสอร์ทค่ะ เป็นเหมือนเซ็ตสำหรับ 4 คน อันนี้จ่ายตังค์ต่างหาก ไม่ได้รวมอยู่ในแพ็คเกจกับไกด์นะคะ มีไก่ทอด ผัดมาม่า ซุปอะไรซักอย่าง ตามด้วยน้ำสตรอเบอรี่ ถามว่าอร่อยมั้ย ตอบเลยว่า ไม่!!! ก็กินแค่พอประทังชีวิตไปนะ ค่าเสียหาย เท่าไรไม่รู้ จำอะไรไม่ได้เลย เบลอๆ กับการนั่งรถมาที่นี่ ไปค่ะ ไปนอนกัน มีเวลาอีกแค่ 4 ชม. ก็ต้องตื่นแล้ว เราจะไปผจญภัยกันนนน
เที่ยงคืนเวลาดี ตื่นขึ้นมา ใส่ชุดพร้อมลุย เค้าว่ากันว่า โหดอยู่ไม่น้อย เอาล่ะ มาถึงที่หมาย ก่อนจะเดินไปพิชิต Blue Fire แห่ง Kawah Ijen ไกด์ก็จะเตรียม หน้ากาก ไฟฉาย ให้พร้อม เพราะงานนี้บอกเลยไม่ได้เตรียมมาค่ะ!!! และไกด์ท้องถิ่น ก็จะเดินไปกับเราด้วย ทางเดินมันก็จะประมาณนี้นะ มืดๆ หน่อย มีเพื่อนเดินเยอะแยะเลยจ้า
ในส่วนของระยะทางนั้นนนนนน ก็ไม่มากไม่น้อย 3 กิโลเอ๊งงงงง แกรรรรรร เดินไปๆ ให้ได้ดู Blue Fire ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น ไม่อย่างนั้น ที่เดินไปก็สูญเปล่า เพราะจุดพีค คือแสงสีฟ้า ที่เราต้องเจอ!!! เดินไปได้หน่อยเดียว หายาดมแล้วจ้า ทำไมรู้สึกเหมือนจะเปนลม แย่แล้วววววววว
ในที่สุดดดดดดด เราก็มาถึง จุดๆ นี้ ถ่ายมาได้แค่นี้จริงๆ ค่ะ เหนมั้ยคะ แสงสีฟ้า Blue Fire ใช้มือถือถ่าย ได้มาแค่นี้จริงๆ แต่มองด้วยตาเปล่า มันก็เพลินๆ ดีนะคะ ลองไปกันดู
พอชักภาพกันพอประมาณ ถ่ายกันเองบ้าง ไกด์ถ่ายให้บ้าง ไกด์ก็จะรู้มุม ว่าตรงนี้ดี ตรงนี้เหน โอ้ กู๊ดๆๆ กันซักพัก เราก็เริ่มเดินกลับขึ้นไป ฟ้าก็เริ่มจะสว่างแล้ววววววว
ไกด์ก็แนะนำให้เรามาตรงนี้ ตรงที่วิวดี ไม่ติดคนนนนน
เรียบร้อยกันไปกับวิวดีๆ ได้เวลาเดินต่อ มันก็จะเหนื่อยหน่อยๆ เดินไป พักไป เฮ้อออออ
ตอนขาไปนั้นมันมืดมาก เราเลยไม่รู้เลยว่าทางที่เราเดินมานั้นเปนยังไง ไม่เหนบรรยากาศ แต่พอขากลับนี่สิ ได้เหนวิวสวยๆ เยอะแยะมากมายเลย
อ้อลืมบอกไป ใครเดินไม่ไหว ที่นี่มีแท็กซี่นาจา หน้าตาก็เปนเยี่ยงนี้แหละจ้า คุณพี่ผู้ร่วมทริปของเรา ก็ลองนั่งมาแล้ววว ค่าเสียหายก็ไม่เท่าไรเอ๊งงงงง 800000 Rp T_T ทั้งไปทั้งกลับ นะจ๊ะ ใครเดินไม่ไหว ลองดูได้ ส่วน จขกท นั้น เดินๆ พักๆ ดมยาดมไป อยู่นานสองนาน กว่าจะถึง แต่ก็รอดมาได้ ไม่ได้พึ่งพาแท็กซี่
ไปค่ะ เดินกันต่อ
และนี่คือโฉมหน้าของผู้ร่วมทริปของเรา ที่ใช้บริการแท็กซี่จ้า รับฝากกระเป๋าขนไปด้วย เราเลยไม่ต้องถือกันให้หนัก 555+
ขากลับนี่ไม่ค่อยเหนื่อยนะ เพราะมันคือการเดินลงอ่ะเนาะ แต่แบบรู้สึกได้เลยว่าแก่มากแล้ว เจ็บเข่าอย่างแรง ฮือออออ เดินไป พักไป แชะภาพกันไปเรื่อยๆ ก็ถืงแล้วจ้า
พอลงมา เราก็เดินทางกันต่อค่ะ เป้าหมายคือ Bromo หลังจากขึ้นรถแล้ว ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ทุกคนสลบหมด ตื่นมาอีกที ไกด์ปลุก แวะให้เรากินข้าวกัน และนี่คือ ข้าวเช้าจ้า เหลือบดูเวลา นี่เพิ่ง 9 โมงเช้าหรือนี่ และนี่ก็คือโฉมหน้าร้านอาหารที่ไกด์พามา และอาหารที่วางเรียงราย ให้เราเลือกเอาเอง อยากกินไรก็ตักมาเลย เด๋วเค้าคิดเงินหลังกินเสด
ส่วน จขกท นั้น ไม่กล้าเสี่ยงกับความอร่อย ทั้งหลาย เลยเลือกกินแค่อย่างเดียว ปลานิล ราดพริกนั่นเอง
[CR] รีวิว ผจญภัย โหด มันส์ ฮา ใน Kawah Ijen - Bromo
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว pantip ห้องบลูแพลนเน็ต วันนี้อยากมาเล่าประสบการณ์เที่ยวภูเขาไฟ โหดเบาๆ ที่ใครๆ เค้าก็ไปกัน ทำไมเราจะไปไม่ได้นะ เริ่มแรกเดิมที จขกท ไม่รู้จักด้วยซ้ำ หลังจากมีคุณพี่มาชวนว่า ป่ะ เราไปโบรโม่ กันเถอะ??? งงสิคะ งงในงง คือไรนะ โบรโม่ หลังจากนั้นเราก็ตบปากรับคำค่ะ ไปค่ะไป ไปหมด ไปไหนก็ได้ จองตั๋วสิคะ รออะไร
เราเดินทางคืนวันที่ 12 ต.ค.60 เวลา 20.00 น. ขึ้นจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปแวะต่อเครื่องที่สิงคโปร์ เวลา 23.35 น. หาที่ซุกหัวนอนในสิงคโปร์ แล้วขึ้นเครื่องต่อตอน 8.15 น. ถึงสุราบายา 9.35 น.
ขั้นแรกหลังจากรู้ตัวอีกทีว่า นี่ช้านจองตั๋วไปแล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูล เราก็เริ่มหาข้อมูลกัน จากรีวิวเพื่อนๆ ในห้องบูลนี่ล่ะ เยอะแยะมากมายเลย ได้ประโยชน์มากๆ ในส่วนของการจะไปที่นี่นั่น เราต้องหาไกด์ คุณพี่ที่ชวนเรา เป็นคนคุยกับไกด์ทั้งหมด ที่เรามีข้อมูลอยู่ โดยส่งกำหนดการเดินทางไปให้ไกด์ แล้วไกด์จะส่งแผนเที่ยวกลับมาให้เรา พร้อมกับราคา ซึ่งทางคุณพี่นั้น ก็มีการเปรียบเทียบกิจกรรม และราคาให้เสร็จสรรพ สรุปเราเลือกไกด์ที่ชื่อ "Danny" นางมีเกือบทุกรีวิวที่เราอ่านเลย สำคัญมาก ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน เรายอมค่ะ เพราะนางมีโดรนนนนนนน 555+
พอตกลงกันเสร็จ ใกล้ๆ วัน เราก็เป็นห่วงว่า จะโดนไกด์เท รึป่าว เพราะการไปครั้งนี้ ไม่ต้องมีการมัดจำใดๆ วัดใจกันล้วนๆ เลยติดต่อไปช่องทางเดิมที่ติดต่อกันว่าโอเค เราคอนเฟิร์มนะ ยูคอนเฟิร์มมั้ย เราจะไปแล้วนะ อย่าเทเรานะ มารับเราที่สนามบินด้วยยยยย
และแล้วก็มาถึงวันเดินทาง นัดกันที่สุวรรณภูมิ 5 โมงเย็น เนื่องจากจะเป็นวันหยุดยาว ต้องรีบไปหน่อย เพราะจะไม่ทันการ ตกเครื่องเอาเสียง่ายๆ แท่นแท๊นนนนนน และนี่คือโฉมหน้าผู้ร่วมชะตากรรม ในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ
อย่างที่บอก ถึงสิงคโปร์ 5 ทุ่มกว่า เดินเตร็ดเตร่ หาที่นอน ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ ชม. นี่ล่ะ ในสนามบิน ก็ได้ที่นอนตรงหน้าโรงหนัง ที่สนามบินสิงคโปร์ดีมากเลย มีโรงหนังให้ดูด้วยเราก็เข้าไปย่องๆ แอบดู แต่ก็ไม่ได้ดูหรอก ง่วงนอนมาก แต่ถามว่านอนหลับมั้ย ไม่!!! ค่ะ เสียงจากโรงหนังมันฮึ่มๆๆ ดีแท้ หลับบ้างไม่หลับบ้าง เพลียจุง
ไปจ้า เช้าแล้ว เดินทางต่อไปสุราบายา เช้านี้ที่สิงคโปร์ก็จะฝนปรอยๆ หน่อยๆ
แล้วก็มาถึงสนามบินสุราบายา (SUB) เดินๆๆ กันผ่าน ตม. เสด ก็มองหาไกด์ ออกมาไม่นานก็เจอ Danny ถือป้ายชื่อด้วย ว่ามารับพวกเรา 555 เจอหน้ากัน ทักทายกันนิดหน่อย แนะนำตัว เค้าก็พาไปขึ้นรถ คันนี้.....
รถคันนี้จะเปนรถที่เรานั่งไปตลอดการเดินทาง สำหรับทริปนี้ ก็ไม่ได้เลวร้ายนะ สำหรับ 4 คน นั่งสบายๆ ถึงจะเก่าไปนิสนุงงงงงงง แต่แอร์นะ เฉียบ!!! สำหรับแผนการเที่ยวของเรานั้นนะ ตามนี้เลย
Day 1
- BKK - SIN-SUB
Day 2
- Kawah Ijen
- น้ำตก Madakaripura
Day 3
- จุดชมวิว Penanjakan
- ปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่
- ทุ่ง Savana
Day 4
- SUB - KUL - BKK
อ่ะมาถึงนี่แล้ว เราก็อยากจะกินอาหารแบบ Local ไกด์ก็พามานี่เลย ที่ไหนไม่รู้ รู้แต่คล้ายๆ เป็นจุดพักรถแบบมอเตอร์เวย์บ้านเรา มี KFC ดั๊วะ แต่เราไม่กิน เราจะกิน Local หน้าตาก็ประมาณนี้ล่ะ คือเค้าจะเอาอาหารที่เค้ามี มาเรียงๆ ทุกอย่างเลย เหมือนข้าวแกงบ้านเรา เราจะกินอะไรก็เลือกกินเอา อันไหนไม่กินก็วางไว้ก่อน เวลาคิดเงิน เค้าจะคิด เฉพาะที่เรากิน
หลังจากกินอาหารมื้อนี้เสดแล้ว ก็เดินทางต่อกันยาวๆ เลยจ้า หัวสั่นหัวคลอนกันหลาย ชม. เวลาล่วงเลยมา ซักประมาณ 4 โมงเย็นได้ ไกด์ของเราก็พาแวะซื้อซิม เป็นร้านโทรศัพท์เหมือนบ้านเรา อยู่ริมถนน ร้านก็ค่อนข้างใหญ่ดี ได้ซิมมาในราคา 52000 Rp (ถูกกว่าในสนามบิน ไกด์แนะนำมา และจะพาไปซื้อเอง) เป็นซิมที่เล่นแต่เน็ตได้อย่างเดียว เราก็ซื้อกันแค่ 2 อัน แบ่งกันเป็นคู่ แชร์ฮอตสปอร์ต ให้กัน ประหยัดกันไป หาร 4 หะหะ
เดินทางกันต่อค่ะ ทรหดมากมายงานนี้ ตูดนี่ชา ไปหมดแล้ว ก็ยังไม่ถึงซักที สุดท้ายก็มาถึงจนได้ Arabica Homestay เกือบ 2 ทุ่มแล้ว หิวมากมาย ได้เวลาอาหารเย็น หลังจากเช็คอินเสด กับสภาพห้องที่ไม่โอเคซักเท่าไร แต่ไม่เปนไร นอนแปบเดียว เที่ยงคืนก็ตื่นแล้ว ซุกหัวนอนแปบเดียว รูปไม่ได้ถ่ายมานะคะ ให้นึกภาพเอาเอง ฮ่าฮ่า
อาหารมื้อเย็นวันนี้ของรีสอร์ทค่ะ เป็นเหมือนเซ็ตสำหรับ 4 คน อันนี้จ่ายตังค์ต่างหาก ไม่ได้รวมอยู่ในแพ็คเกจกับไกด์นะคะ มีไก่ทอด ผัดมาม่า ซุปอะไรซักอย่าง ตามด้วยน้ำสตรอเบอรี่ ถามว่าอร่อยมั้ย ตอบเลยว่า ไม่!!! ก็กินแค่พอประทังชีวิตไปนะ ค่าเสียหาย เท่าไรไม่รู้ จำอะไรไม่ได้เลย เบลอๆ กับการนั่งรถมาที่นี่ ไปค่ะ ไปนอนกัน มีเวลาอีกแค่ 4 ชม. ก็ต้องตื่นแล้ว เราจะไปผจญภัยกันนนน
เที่ยงคืนเวลาดี ตื่นขึ้นมา ใส่ชุดพร้อมลุย เค้าว่ากันว่า โหดอยู่ไม่น้อย เอาล่ะ มาถึงที่หมาย ก่อนจะเดินไปพิชิต Blue Fire แห่ง Kawah Ijen ไกด์ก็จะเตรียม หน้ากาก ไฟฉาย ให้พร้อม เพราะงานนี้บอกเลยไม่ได้เตรียมมาค่ะ!!! และไกด์ท้องถิ่น ก็จะเดินไปกับเราด้วย ทางเดินมันก็จะประมาณนี้นะ มืดๆ หน่อย มีเพื่อนเดินเยอะแยะเลยจ้า
ในส่วนของระยะทางนั้นนนนนน ก็ไม่มากไม่น้อย 3 กิโลเอ๊งงงงง แกรรรรรร เดินไปๆ ให้ได้ดู Blue Fire ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น ไม่อย่างนั้น ที่เดินไปก็สูญเปล่า เพราะจุดพีค คือแสงสีฟ้า ที่เราต้องเจอ!!! เดินไปได้หน่อยเดียว หายาดมแล้วจ้า ทำไมรู้สึกเหมือนจะเปนลม แย่แล้วววววววว
ในที่สุดดดดดดด เราก็มาถึง จุดๆ นี้ ถ่ายมาได้แค่นี้จริงๆ ค่ะ เหนมั้ยคะ แสงสีฟ้า Blue Fire ใช้มือถือถ่าย ได้มาแค่นี้จริงๆ แต่มองด้วยตาเปล่า มันก็เพลินๆ ดีนะคะ ลองไปกันดู
พอชักภาพกันพอประมาณ ถ่ายกันเองบ้าง ไกด์ถ่ายให้บ้าง ไกด์ก็จะรู้มุม ว่าตรงนี้ดี ตรงนี้เหน โอ้ กู๊ดๆๆ กันซักพัก เราก็เริ่มเดินกลับขึ้นไป ฟ้าก็เริ่มจะสว่างแล้ววววววว
ไกด์ก็แนะนำให้เรามาตรงนี้ ตรงที่วิวดี ไม่ติดคนนนนน
เรียบร้อยกันไปกับวิวดีๆ ได้เวลาเดินต่อ มันก็จะเหนื่อยหน่อยๆ เดินไป พักไป เฮ้อออออ
ตอนขาไปนั้นมันมืดมาก เราเลยไม่รู้เลยว่าทางที่เราเดินมานั้นเปนยังไง ไม่เหนบรรยากาศ แต่พอขากลับนี่สิ ได้เหนวิวสวยๆ เยอะแยะมากมายเลย
อ้อลืมบอกไป ใครเดินไม่ไหว ที่นี่มีแท็กซี่นาจา หน้าตาก็เปนเยี่ยงนี้แหละจ้า คุณพี่ผู้ร่วมทริปของเรา ก็ลองนั่งมาแล้ววว ค่าเสียหายก็ไม่เท่าไรเอ๊งงงงง 800000 Rp T_T ทั้งไปทั้งกลับ นะจ๊ะ ใครเดินไม่ไหว ลองดูได้ ส่วน จขกท นั้น เดินๆ พักๆ ดมยาดมไป อยู่นานสองนาน กว่าจะถึง แต่ก็รอดมาได้ ไม่ได้พึ่งพาแท็กซี่
ไปค่ะ เดินกันต่อ
และนี่คือโฉมหน้าของผู้ร่วมทริปของเรา ที่ใช้บริการแท็กซี่จ้า รับฝากกระเป๋าขนไปด้วย เราเลยไม่ต้องถือกันให้หนัก 555+
ขากลับนี่ไม่ค่อยเหนื่อยนะ เพราะมันคือการเดินลงอ่ะเนาะ แต่แบบรู้สึกได้เลยว่าแก่มากแล้ว เจ็บเข่าอย่างแรง ฮือออออ เดินไป พักไป แชะภาพกันไปเรื่อยๆ ก็ถืงแล้วจ้า
พอลงมา เราก็เดินทางกันต่อค่ะ เป้าหมายคือ Bromo หลังจากขึ้นรถแล้ว ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ทุกคนสลบหมด ตื่นมาอีกที ไกด์ปลุก แวะให้เรากินข้าวกัน และนี่คือ ข้าวเช้าจ้า เหลือบดูเวลา นี่เพิ่ง 9 โมงเช้าหรือนี่ และนี่ก็คือโฉมหน้าร้านอาหารที่ไกด์พามา และอาหารที่วางเรียงราย ให้เราเลือกเอาเอง อยากกินไรก็ตักมาเลย เด๋วเค้าคิดเงินหลังกินเสด
ส่วน จขกท นั้น ไม่กล้าเสี่ยงกับความอร่อย ทั้งหลาย เลยเลือกกินแค่อย่างเดียว ปลานิล ราดพริกนั่นเอง