ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ประเทศอินโด ไม่ได้อยู่ใน List ของประเทศที่อยากไปเที่ยวเลยยยยตั้งแต่แรก แล้วสถานที่ที่จะไปก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน (คุ้นแต่บาหลี 55 แต่ในเมื่อเพื่อนอยากไปมากกกก บวกกับเอารีวิวหลายๆ อันมาให้ดู เราเองก็เริ่มสนใจ อยากไปขึ้นมา อีกอย่างถ้าไม่ไปทริปนี้ ก็ไม่น่าจะมีใครไปด้วย เพราะกลุ่มเพื่อนชอบเที่ยวแนวโหดๆ แบบนี้ เลยตัดสินใจทันทีว่า ไป แต่....ขอไม่ลางานเพิ่ม และตั๋วเครื่องบินราคาโอเค สงสัยโชคจะเข้าข้าง ทำให้จองตั๋วของ Air asiaได้ในราคาไม่ถึง 999 บาท จึงเป็นที่มาของทริปนี้ล่ะคับ
เริ่มกันเลยนะคับ…
ทริปนี้ เดินทางกันวันที่ 21-29 กุมภาพันธ์ 2563 เหตุผลอีกอย่างที่เลือกช่วงนี้คือ เป็นช่วง high season ของที่นั่น
อ้อ!!! ลืมบอกว่าทริปนี้ไปด้วยกันทั้งหมด 4คน
https://www.facebook.com/muhammad.usoh
https://www.facebook.com/rofiee.unuh
https://www.facebook.com/profile.php?id=100001406803649
https://www.facebook.com/profile.php?id=100009929940506

ขนาดนี้เวลา11.00 AM: นัดไกด์ไว้ที่ lobby ไกด์บอกว่าต้องนั่งรถจากโรงแรมไป TWA Kawah Ijen อีกประมาณ 2 ชม. ทางที่ไปคือขึ้นเขาตลอดทาง แนะนำว่าหลับได้ก็หลับเลยคับ ไม่งั้นจะเวียนหัว
01.00 AM: ถึงแล้ว TWA Kawah Ijen เราจะเดินขึ้นไปดู Blue Flame & พระอาทิตย์ขึ้น กันที่นี่!!!!!
01.30 AM: Start Kawah Ijen Trekking ระยะทางประมาณ 5 km. แต่ความชันนั้นโหดสุดๆ เดินขึ้นตอนมืดๆ มีไฟฉายเป็นเพื่อน ไม่มีไหล่ทาง หรือสะพานอะไรให้จับ เรียกว่าจิกเท้า จิกขาจนเมื่อยไปหมด
**การเดินขึ้นไป จะมีไกด์ท้องถิ่นพาเดินขึ้นและลงตลอดทริปไกด์ของเรา ดูแลดีมาก ช่วยถือของ และพยุงตลอดทาง ถ้าไม่ได้ไกด์ช่วย คิดว่าไม่น่าจะเดินขึ้นไปถึงงง ไกด์เตรียมหน้ากากกันแก๊สสำหรับทุกคน เพราะยิ่งใกล้ถึง กลิ่นกำมะถันจะยิ่งแรง ได้ใช้แน่นอนคับ อ้อ!!!นักท่องเที่ยวส่วนมากจ้างไกด์**
***ถ้าใครเดินขึ้นไม่ไหว ระหว่างทาง จะมี Taxi จอดรอเยอะแยะเลยจ้า ซึ่งจะคล้ายรถเข็นขนผักที่ตลาด แต่มีเบาะรองให้นั่ง ค่าเสียหายคือ ไป-กลับ IDR 800,000 คับ ราคาจะถูกลง เมื่อใกล้ถึงจุดหมายนะคับ
→เดินมาสักพักก็ถึงจุดดูพระอาทิตย์ขึ้น บอกเลยว่า วิวสวยมากกกก คุ้มกับที่เดินขึ้นมา แต่ช่วงที่สวยๆ จะมีประมาณครึ่งชม. พอเริ่มมีแดด ก็ถ่ายรูปไม่สวยแล้ว

ผลจากการวิ่งขึ้นเขาแบบไม่คิดชีวิต เหนื่อยจนยอม เลิกวิ่ง ยืนเฉยๆ ละ



เอาล่ะ...หลังจากเดินเท้ามาครบ 5 กิโลแล้ว ระหว่างทางเดินลงไปดู Blue Fire จะได้กลิ่นกำมะถันแรงมาก ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็เลยเดินลงไปดูเค้าเก็บกำมะถันกันหน่อย กลิ่นแรงมาก. ทะเลสาบสีเขียวค่อยๆ โผล่มา


06.30 AM: ได้เวลาเดินกลับแล้ว พวกเราแวะถ่ายรูปตลอดทาง ได้ดูวิว 2 ข้างทางที่เดินตอนขามา ธรรมชาติบำบัดสุดๆ รู้เลยว่าฉันเดินขึ้นมาได้ยังไง ทั้งไกลทั้งชันมากขนาดนี้ (บอกกับตัวเองว่ามารอบเดียวก็เกินพอ จะไม่มาอีกแล้ว ^^”)


ปล่องภูเขาไฟijenลึกสุงเท่าน้ำทะเล 2,386 เมตร

Day 2: 23 February 2020
01.30 AM: นัดไกด์ให้มารับ เพื่อจะขึ้นไปดูวิว Bromo ตอนพระอาทิตย์ขึ้น **ต้องรีบขึ้นไปจองพื้นที่ตั้งกล้อง เพื่อถ่ายรูป** และถ้าออกสายรถจะติด เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก แต่!!! แต่พวกเราตืนสายไปครึ่งชม555. แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ หึหึ
03.00 AM: ถึง Kingkong Bukit เราจะดูพระอาทิตย์ขึ้น และชมวิวของภูเขาไฟ Bromo กันที่นี่ ยิ่งเช้าคนยิ่งเยอะ ทั้งไทยทั้งเทศจัดเต็มคับ**รวมๆ แล้วใช้เวลาที่นี่ประมาณ 4 ชม.คับ**



07.00 AM: นั่งรถ jeep ลงไปดูปากปล่องภูเขาไฟด้านล่าง **ในทัวร์จะรวม ค่าขี่ม้า ทั้งขาไปและขากลับไว้แล้วนะคับ**

07.30 AM: เริ่มเดินทางไปชมวิวด้านล่างกันคับ เริ่มจากขี่ม้า เดินขึ้น ถ่ายรูป เดินลง แล้วก็ขี่ม้ากลับ
**ถ้าจะขี่ม้าขึ้นไป ม้าปกติราคา IDR 150,000 แต่ช่วงที่เราไปราคา 250,000 เพราะมันเป็นเดือนศักดิ์ชาวฮินดู ซึ่งยานยนต์ตั่งต่างไม่สามารถขับผ่านทุ่งหญ้าสะวันนาได้ มันเลยทำให้ราคาม้าเพิ่มขึ้นได้ครับ. แต่ๆๆๆๆ ม้าจะจอดที่ฐานภูเขาไฟ แล้วก็ต้องเดินขึ้นบันได





ชรบ ก็มา555



13.00 PM: Check out ออกเดินทางไป Madapuri Waterfall **ควรมานะคับ เพราะสวยมาก**
14.30 PM: ถึงลานจอดรถ ต้องนั่งมอไซค์ไปน้ำตกอีกประมาณ 10 นาที
** ถึงทางเข้าน้ำตก แล้วก็ต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1.5 km. โดยมีไกด์เดินนำ มาที่นี่ต้องมีชุดกันฝนด้วย ไว้ใส่ตอนเข้าไปในน้ำตก แต่ถ้าใครตั้งใจจะมาเล่นน้ำอยู่แล้วก็ลุยได้เลย น้ำเย็นชื่นใจมาก**
อ้อ!!! ไกด์ถ่ายรูปสวยมาก รู้ว่าต้องถ่ายยังไงถึงจะได้ภาพน้ำตกทั้งหมด เรียก มือโปร panorama กันเลยยยยย

ทริปนี้เป็นอีกทริปที่ประทับใจมาก เป็นทริปที่ไม่สามารถลืมมันได้ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะได้รู้ว่าการเที่ยวแบบแอดแวนเจอร์มันสนุก      ขนาดไหน จบทริปเดิน เจอกันทริปสายคุณหนูที่บาหลีครับ.

                    #จบทริปเดินเขา***