Good day to U.
บันทึกเมื่อครั้งเที่ยวอินโดนีเซีย 26 MAY - 3 JUNE 2018
เริ่มต้นวันหยุดยาวช่วงกลางปี เป็นเวลาที่เหล่าเพื่อนๆต่างชวนกันไปเที่ยวพักผ่อน ชาร์จแบต หลังจากที่ลุยงานหนักกันมาในครึ่งปีแรก
ครั้งนี้มาชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม เมืองที่น่าหลงไหล ที่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก และเป็นเมืองที่ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว
โดยครั้งนี้แผนของเราคือไปเที่ยวแบบแบกเป้คนละใบ
Plan Trip
Cr. Gazzy gazz
การเดินทาง ของทริปนี้ เราเริ่มกันที่ DMK - CGK - JOG เพื่อเป้าหมายแรกของเรา
- Prambanan
จากสนามบินดอนเมืองมุ่งหน้าสู่ยอร์กยาการ์ต้า หลังจากลงเครื่อง พวกเราก็ไม่รอช้าที่จะนั่งรถประจำทางต่อ เพื่อมุ่งหน้าสู่ ปรัมบานัน เทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย ที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะชวากลาง ห่างจากเมืองยอร์กยาการ์ตาไปทางตะวันออกประมาณ 18 กิโลเมตร
สำหรับค่าเข้าชม อยู่ที่ คนละ 3,500,000 INR
เมื่อเข้าไปข้างใน ทีมงานของเราก็เช่าจักรยาน ปั่นเที่ยวชมภายใน ซึ่งมีสถาปัตยกรรม ให้เราได้เพลิดเพลิน พร้อมกับการถ่ายรูปในจุดต่างๆเรียกได้ว่า ปั่นจน รถจักรยานพังกันได้เลย
เมื่อเวลาผ่านไปความหิวเริ่มมาเยือน ก็ไปสดุดตากับร้านอาหาร เราก็ไม่รอช้าที่จะฝากท้อง กับอาหารอินโดมื้อแรกของทริป ที่ Prambanan
หลังจาก ใช้เวลากันพอสมควร เราก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อ ไปยัง Borobudur
- Borobudur
จาก Prambanan มุ่งหน้าสู่ Borobudor โดยเราเรียกใช้บริการ Grab ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ถึงโรงแรม
โดยในคืนแรกเราพักกันที่ Manohara Resort เป็นโรงแรมที่อยู่ติดกับ Borobudur บรรยากาศดีมาก ช่วงเย็นๆจะมี tea break
ให้เราได้นั่งจิบชา พร้อมกับชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยจนเราเผลอตัวนั่งมองดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปในค่ำวันนั้น
Good morning เช้าวันใหม่ที่ Borobudur ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่น โอบล้อมด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม
+++++++++++++++
จากเดินชมวิว ถ่ายรูป ..>> กินข้าวเช้า เราก็ออกเดินทางต่อโดยใช้บริการสายการบินภายในประเทศเพื่อลดเวลาในการเดินทาง
จาก JOG - SUB เพื่อเตรียมตัวไป โอบกอดโบรโม่
- Bromo
เริ่มต้นทริปโบรโม่ด้วยการตื่นตอนเที่ยงคืน มุ่งหน้าสู้จุดชมวิว
+ Kingkong hill
จากจุดชมวิว Kingkong hill นั่งรถต่อไปยังทางขึ้นภูเขาไฟ Bromo
เมื่อถึงจุดที่จอดรถ ก็มีม้าไว้บริการ ขี่ม้าไปยังภูเขาไฟ ซึ่งเราสามารถขี้ม้าเข้าใกล้ภูเขาไฟมากขึ้น (แนะนำว่าขี้ม้าไปช่วย Save energy ได้เยอะเลย )
+++++++++++++++
+++++++++++++++
เดินทางต่อมุ่งหน้าสู่ทุ่งหญ้า Savana
+++++++++++++++
- Whispering sand
+++++++++++++++
- Madakaripura waterfall
+++++++++++++++
Hotel Camara indah
เป็นโรงแรมที่สามารถเห็นวิวภูเขาไฟ Bromo อย่างใกล้ชิด ซึ่งบริเวรรอบๆก็มีร้านค้าร้านอาหารสำหรับมื้อเย็น
เมื่อเวลาพลบค่ำมาถึงกลุ่มของงเราก็ไม่รอช้าที่จะออกไปเดินสำรวจรอบๆโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารเย็น ไปสดุดตากับ Food truck ที่ขาย สเต๊ะไก่ รดชาติจัดว่าเยี่ยมเลยทีเดียว
รองท้องกันไปคนละ 20 ไม้ แล้วต่อด้วยก๋วยเตี๋ยว ที่ทางชาวบ้านเดินหาบเร่ผ่าน ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็น เมื่อได้อาหารอุ่นๆ ก็จักว่าเยี่ยมยอดเลยทีเดียว
Bromo ถ่ายที่ Camara indah hotel
+++++++++++++++
จาก Bromo เดินทางสู่ Kawah Ijen
-Kawah Ijen
เนื่องด้วยทางเจ้าหน้าที่ออกกฎเวลาเปิดประตูสำหรับการเดินขึ้นชม Blue flame เป็น 3:00 AM.
ทำให้เราต้องเร่งรีบกับการเดินเพื่อไปดูเปลวไฟสีน้ำเงิน ซึ่งจะต้องไปถึงก่อนดวงอาทิตย์จะขึ้นมาฉาบแสง
แต่เมื่อไปถึงเราก็พบว่าอากาศไม่เป็นใจกับเรามากนัก บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกควันที่หนามาก ทำให้เราเห็น Blue flame แบบเบาบาง
แต่ในความโชคร้ายนี้เราก็ได้เห็นมุมมองอีกแบบที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นจากที่ภาพถ่ายที่เราเคยเห็น ภาพวิวทะเลสาบ และเปลวเพลิงแบบชัดเจน
สิ่งที่เราได้เห็นเป็นบรรยากาศที่มีหมอกหนาจัด กลิ่นของซัลเฟอร์อย่างเข้มข้น และเปลวเพลิงในม่านหมอก
+++++++++++++++
+++++++++++++++
ภาพจำที่ Bromo Ijen สู่ BALI
[CR] อินโดโอ้วมายก๊อด : ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เมืองมรดก บุโรพุทโธ โอบกอดภูเขาไฟที่ โบรโม่ ต่อด้วยเซิร์ฟจิบเบียร์ที่ บาหลี
บันทึกเมื่อครั้งเที่ยวอินโดนีเซีย 26 MAY - 3 JUNE 2018
เริ่มต้นวันหยุดยาวช่วงกลางปี เป็นเวลาที่เหล่าเพื่อนๆต่างชวนกันไปเที่ยวพักผ่อน ชาร์จแบต หลังจากที่ลุยงานหนักกันมาในครึ่งปีแรก
ครั้งนี้มาชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวชม เมืองที่น่าหลงไหล ที่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก และเป็นเมืองที่ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว
โดยครั้งนี้แผนของเราคือไปเที่ยวแบบแบกเป้คนละใบ
Plan Trip
Cr. Gazzy gazz
การเดินทาง ของทริปนี้ เราเริ่มกันที่ DMK - CGK - JOG เพื่อเป้าหมายแรกของเรา
- Prambanan
จากสนามบินดอนเมืองมุ่งหน้าสู่ยอร์กยาการ์ต้า หลังจากลงเครื่อง พวกเราก็ไม่รอช้าที่จะนั่งรถประจำทางต่อ เพื่อมุ่งหน้าสู่ ปรัมบานัน เทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย ที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะชวากลาง ห่างจากเมืองยอร์กยาการ์ตาไปทางตะวันออกประมาณ 18 กิโลเมตร
สำหรับค่าเข้าชม อยู่ที่ คนละ 3,500,000 INR
เมื่อเข้าไปข้างใน ทีมงานของเราก็เช่าจักรยาน ปั่นเที่ยวชมภายใน ซึ่งมีสถาปัตยกรรม ให้เราได้เพลิดเพลิน พร้อมกับการถ่ายรูปในจุดต่างๆเรียกได้ว่า ปั่นจน รถจักรยานพังกันได้เลย
เมื่อเวลาผ่านไปความหิวเริ่มมาเยือน ก็ไปสดุดตากับร้านอาหาร เราก็ไม่รอช้าที่จะฝากท้อง กับอาหารอินโดมื้อแรกของทริป ที่ Prambanan
หลังจาก ใช้เวลากันพอสมควร เราก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อ ไปยัง Borobudur
- Borobudur
จาก Prambanan มุ่งหน้าสู่ Borobudor โดยเราเรียกใช้บริการ Grab ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ถึงโรงแรม
โดยในคืนแรกเราพักกันที่ Manohara Resort เป็นโรงแรมที่อยู่ติดกับ Borobudur บรรยากาศดีมาก ช่วงเย็นๆจะมี tea break
ให้เราได้นั่งจิบชา พร้อมกับชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยจนเราเผลอตัวนั่งมองดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปในค่ำวันนั้น
Good morning เช้าวันใหม่ที่ Borobudur ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่น โอบล้อมด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม
จากเดินชมวิว ถ่ายรูป ..>> กินข้าวเช้า เราก็ออกเดินทางต่อโดยใช้บริการสายการบินภายในประเทศเพื่อลดเวลาในการเดินทาง
จาก JOG - SUB เพื่อเตรียมตัวไป โอบกอดโบรโม่
- Bromo
เริ่มต้นทริปโบรโม่ด้วยการตื่นตอนเที่ยงคืน มุ่งหน้าสู้จุดชมวิว
+ Kingkong hill
จากจุดชมวิว Kingkong hill นั่งรถต่อไปยังทางขึ้นภูเขาไฟ Bromo
เมื่อถึงจุดที่จอดรถ ก็มีม้าไว้บริการ ขี่ม้าไปยังภูเขาไฟ ซึ่งเราสามารถขี้ม้าเข้าใกล้ภูเขาไฟมากขึ้น (แนะนำว่าขี้ม้าไปช่วย Save energy ได้เยอะเลย )
เดินทางต่อมุ่งหน้าสู่ทุ่งหญ้า Savana
- Whispering sand
- Madakaripura waterfall
Hotel Camara indah
เป็นโรงแรมที่สามารถเห็นวิวภูเขาไฟ Bromo อย่างใกล้ชิด ซึ่งบริเวรรอบๆก็มีร้านค้าร้านอาหารสำหรับมื้อเย็น
เมื่อเวลาพลบค่ำมาถึงกลุ่มของงเราก็ไม่รอช้าที่จะออกไปเดินสำรวจรอบๆโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารเย็น ไปสดุดตากับ Food truck ที่ขาย สเต๊ะไก่ รดชาติจัดว่าเยี่ยมเลยทีเดียว
รองท้องกันไปคนละ 20 ไม้ แล้วต่อด้วยก๋วยเตี๋ยว ที่ทางชาวบ้านเดินหาบเร่ผ่าน ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็น เมื่อได้อาหารอุ่นๆ ก็จักว่าเยี่ยมยอดเลยทีเดียว
Bromo ถ่ายที่ Camara indah hotel
จาก Bromo เดินทางสู่ Kawah Ijen
-Kawah Ijen
เนื่องด้วยทางเจ้าหน้าที่ออกกฎเวลาเปิดประตูสำหรับการเดินขึ้นชม Blue flame เป็น 3:00 AM.
ทำให้เราต้องเร่งรีบกับการเดินเพื่อไปดูเปลวไฟสีน้ำเงิน ซึ่งจะต้องไปถึงก่อนดวงอาทิตย์จะขึ้นมาฉาบแสง
แต่เมื่อไปถึงเราก็พบว่าอากาศไม่เป็นใจกับเรามากนัก บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกควันที่หนามาก ทำให้เราเห็น Blue flame แบบเบาบาง
แต่ในความโชคร้ายนี้เราก็ได้เห็นมุมมองอีกแบบที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นจากที่ภาพถ่ายที่เราเคยเห็น ภาพวิวทะเลสาบ และเปลวเพลิงแบบชัดเจน
สิ่งที่เราได้เห็นเป็นบรรยากาศที่มีหมอกหนาจัด กลิ่นของซัลเฟอร์อย่างเข้มข้น และเปลวเพลิงในม่านหมอก
ภาพจำที่ Bromo Ijen สู่ BALI
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้