[รักศาสตร์] วันนี้ขอเสนอตอน "ความผูกพันซื้อความรักไม่ได้"

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เออ  หลานๆเอ๊ย  ต่อไปนี้  ปู่เย็นเย๊นเย็น  จะขอพูดอะไรสักหน่อย
พอดี ปู่ intrend แอบไปดู ipad ของหลานมา  แล้วเจอเพลงนี้  ของแก้ม the star เค้า
นึกขึ้นได้ถึงประสบการณ์ต่างๆมากมายในช่วงที่ผ่านมาของชีวิต   พอดีสนิทกับหลานเหมือนเพื่อนแบบ อาม่า -ไอ้เบ๊น
แล้วอยากจะอธิบายให้หลานฟัง    แต่หลานเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ เลยไปหาข้อมูลมาซะยาวเลย
ซัดมาซะยาวละ   เลยเอามาแบ่งปันกับหลานๆคนอื่นมั้งดีกว่า

ปู้ขอเล่ารอย่างนี้นะ

เหตุการณ์ในโลกมนุษย์ย่อมเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหตุแห่งฟ้าดิน   ฤดูย่อมมีเปลี่ยนผัน
ฝนเป็นหนาว   หนาวเป็นร้อน   ร้อนเป็นฝน  , มีตะวัน จันทรา , มีหยิน หยาง ดึงดูดกัน
เกิดเป็นโชคชะตาให้หญิง-ชาย ได้มาเจอกัน

โอกาสที่จะเกิดจากการแปรผันนั้น  เมื่อมันมาบรรจบกัน   และมีความต่อเนื่องพอ
จิตใจของคนที่ไม่แข็งแรงนั้น   ก็จะหวั่นไหว   ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่า   สักวันต้องจาก
หรือ  มันมีเหตุผลต่างๆมากมายที่เราไม่ควรจะมารู้จักกันเลย   แต่ก็ปล่อยใจไปมากขนาดนี้
การปล่อยใจนั้น   ปล่อยปละไปมากจนเกินพอ  จนกระทั่งปลอยตัวที่ลึกซึ้งเข้าไปด้วย
เกิดเป็นพันธะในการผูกมัดกัน   สร้างการคิดฝันมากมายให้แก่กัน

คือ คนที่มันจะเอาความผูกพันไปซื้อความรักเนี่ยนะ  มันก็คือ คนที่อยู่ในสถานภาพที่ต่ำกว่า
ยกตัวอย่างเช่น   ตอนแรก ขอแค่เป็นกิ๊ก  กับคนที่อาจจะรวย หรือ ดัง หรือ หล่อ หรือ มี่ชื่อเสียง
ไม่ว่า คุณจะไปเสพย์ติดเขา  ด้วยคุณลักษณะใดของเขาก็ตามที    มันไม่พ้นเรื่องพวกนี้

แต่ปัญหาก็คือ  คนส่วนใหญ่เลยล่ะ  มันเป็นพวกไม่ยอมรับตัวเองว่า   ไอ้ที่พูดว่า รัก
อ้างว่า รักเนี่ย   แท้จริงแล้ว มันรักที่อะไรกันแน่    น้ำชา แกก็เลย  ร้องเพลงมากระแทก
กระเทียบ   -ดันให้ได้คิด  อย่างแอบเนียน  ทำนองว่าตัวไม่เดียงสา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คราวนี้นะ  คนเรามันมีชีวิตอยู่ในโลกความเป็นจริง  

แล้วความเป็นจริงของโลก    มันเป็นยังไง ?

มันก็คือ  ความเป็นจริงทางหลัก เศรษฐศาสตร์   การเมือง  และ การปกครอง
ที่แบ่งแยกคนเราไว้ด้วย ต้นทุนทางเศรษฐกิจ และ  อำนาจ ที่ไม่เท่ากัน

มาถึงตอนนี้  หลายๆคนก็อาจจะฟังแล้ว รู้สึก หนักอึ้ง ขึ้นมา   เพราะรู้สีกว่า มันเป็นเรื่อง serious
ที่ไม่บันเทิงเริงรม เหมือนชีวิตในวัยเรียน   วัยเด็ก   ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก

แต่ฟังปู่เย๊นเย็นต่อไปอีกหน่อย   แล้วก็จะเห็นสัจธรรมความจริง  อาจถึงขั้นบรรลุธรรมได้ในเร็ววันเลยนะเออ

สำหรับน้องๆ ที่อยู่มหาลัย หรือ กำลังเรียน อยู่  ทุกวันนี้ ไม่คิดก็คงไม่ได้แล้ว
เพราะว่า  เด็กใน พ.ศ. 60 มีโอกาสสูงมากที่จะหางานไม่ได้  จากสภาพความเป็นจริง
ของเศรษฐกิจ และ การเมือง ที่เป็นอยู่ - มันส่งผลต่อความรักแน่นอน

อะๆ   คราวนี้  กลับมาที่เรื่องความรักต่อ   ว่ามันเกี่ยวข้องยังไง กับ เศรษฐกิจ สังคม
ความจริงแล้ว  น้ำชา  เขาก็ได้ร้องเพลงเปรียบไว้บ้างแล้ว   เช่น  รักที่นามสกุล   รักยี่ห้อ รถยนต์
หรือว่า  รักที่ไม่จน มีสะตังค์ให้จ่าย

สมัยปู่นี่นะ  ยายอ้อยข้างบ้าน มีลูกสาว 2 คนหน้าตาดีผิดพ่อผิดแม่ , มีเจ้าสัวแกมาขอ
คนน้องไปเป็นเมียน้อย   พ่อแม่แกก็ต่อรอง   ขอเอาคนพี่ไปด้วยได้มั้ย  , เพราะ มันจะขายไม่ออก
จะไม่มีกินกันทั้งบ้าน

คราวนี้  องค์ประกอบของความรัก ของคนอายุ 13- 25 ปี ในยุคนี้  มันมาได้ยังไงล่ะ
เรื่องราว มันก็เริ่มมาจาก เมื่อ 40 ปีก่อนนั่นแหละ   สมัยนั้นทหาร GI เข้าในเมืองไทยเยอะมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เข้ามาแล้วก็มาสร้างความเจริญให้กับ  ประเทศไทย  , ถนนหนทางก็ถูกสร้างขึ้นมา มากมาย
เพื่อเหตุผลทางการทหารของเขา    อะๆ  เอาสั้นๆพอ  เดี๋ยวจะยาว

เฮียเฮง  แกรับเงินเป็น Dollar นะสมัยนั้น   ทหารอเมริกันจ่ายเงิน เป็น ดอล เลย ไม่เอาเงินไทย
งานหลายๆอย่าง   ให้เงินมากเทียบกับปกติในไทยเป็น สิบๆ เท่า , รวยกันถ้วนหน้า , และเฮียเฮงก็ด้วย

มันทำให้กระแสของวัตถุนิยมจึงก่อตัวขึ้นมาจากในสมัยนั้น    กระเป๋า ต้อง หลุยส์  ปราด้า
อย่างต่ำก็ต้อง โค้ช  ไม่มีก็ต้องไปหาไว้นะ  , เดี๋ยวเขาจะคิดว่า เรากระจอก
เออ  ไอ้แนวความคิดแบบนี้  มันก็เริ่มมาจากตรงนั้นล่ะ  , ปู่ว่า  มันแปลกๆ เหมือนกันนะ  ความคิดแบบนี้
สมัยปู่ไม่มีหรอก    ย่าของปู่นี่ สอนแต่วิธีสานกระเป๋า   อะไรแบบนี้ก็ว่าไปอย่าง
เมื่อก่อนเนี่ยนะ  อยู่บ้านนอก  วัวตาย  ก็แบ่งกันทั่วหมู่บ้าน  แล้วเอาหนังมันมาทำกระเป๋า
แบบนี้  พอจะมีเหมือนกัน , พวกที่จะเอาของนอกมา  ก็มีแต่ลูกของเจ้านาย เขาเท่านั้น
สมัยที่ปู่เป็นเด็กๆนี่นะ   สมัยนั้น ร 6 -7   มีคนไทยไปเมืองนอกน้อยมาก  ๆๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดไปถึงการบิน low cost  ,

คือ เรารับเงินจากฝรั่งมา  แล้วก็รับวัฒนธรรม  รับแบรนด์สินค้าของเขามาด้วย

มันเลยเป็นลักษณะที่ครอบงำทางความคิด  ไปถึง ลักษณะของตัวตน  บุคคลในฝัน ของหญิง และ ชาย ด้วย
เหมือนที่สมัยต่อมา  ที่ฮิตเกาหลีกันนั่นแหละ   อันนี้มันก็เริ่มมาเมื่อสัก 15 ปีที่ผ่านมา  มาหลังอเมริกาหลายสิบปี

ใครในนี้  เคยได้ยินชื่อ  "เจ้าจอมผ้าขาวม้าแดง"  มั้ย   เออนั่นนะ
โอ้ยๆ   เล่ามายาว ละ   ขอพักแป็บหนึ่ง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่