เมื่อฉันไป Mauritius of South Africa

ในวันหนึ่งซึ่งพี่ท่านหนึ่งส่งรายการตั๋วโปรมอริเชียส ราคาไปกลับ 11,400.- ก็งงว่ามันคือที่ไหนบนโลก
ก็ต้องพึ่งอากู๋เหมือนทุกครั้ง จนได้คำตอบว่าเฮ้ยนี่มันแอฟริกาใต้ ใกล้กับมาดากัสก้านิหว่า
แถมไม่ต้องทำวีซ่าด้วย มันช่างดีงามพระรามแปดอะไรเช่นนี้



รวมตัวสมาชิก ตั้งกลุ่ม Line Mauritius ทันที ระดมกันหาข้อมูลที่เที่ยวว่าที่นี่มีอะไร “ทะเล” หรือ “ภูเขา”
เพื่อได้กำหนดวันไปกลับอย่างด่วนก่อนตั๋วบินจะขยับราคา
และแล้วความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นเพราะข้อมูลที่คนไทยไปน้อยมากจนเรียกได้ว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
จึงต้องหาข้อมูลจากต่างประเทศเป็นหลัก แล้วภาพแรกที่ได้จาก Google ทำให้เรารู้จักมอริเชียสมากขึ้น
เฮ้ยยยย นี่มัน “ทะเล” และอีกเสียง เฮ้ยยยย นี่มัน “ภูเขา”
เป็นที่ถูกใจกับทุกคนในกลุ่มที่มีทั้งชอบภูเขาและทะเล
ทุกคนพร้อมใจกัน “อย่างงี้ไปลุยกันซิเว้ยเฮ้ย” อย่างอื่นค่อยหาเพิ่มแค่นี้ก็คุ้มแล้ว

ภาพแรกที่ค้นหาด้วย Google ขอบคุณ lptraveller


เริ่มคุยเรื่องวัน กว่าจะลงตัวเพราะบางคนติดงานลายาวลำบากและช่วงเวลาโปรของตั๋วด้วย
มาจบกันวันที่ 24 - 28 พ.ย. พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ทำงานของหลายคนบอกจะไปทำไมแป๊บเดียว
มันก็ถูกของเขานะเพราะที่ๆ พวกเรากำลังจะสำรวจมันอยู่แถบ “แอฟริกาใต้” กันเลยที่เดียว
แต่เวลาพวกเรามีเท่านี้จริงๆ
ความสนุกจึงบังเกิดอีกครั้ง เมื่อเวลาที่จำกัดมากดดันพวกเราให้ต้องหาที่เที่ยวที่จะไปอย่างคุ้มค่าที่สุด
โชคดีที่เพื่อนสุดเลิฟไปด้วยจึงรับหน้าที่เป็นแม่งานในการหาข้อมูล โดยอาศัยข้อมูลจากต่างประเทศ
เมื่อใกล้วันไปการเตรียมการต่างๆ ก็ชัดเจนขึ้น งบประมาณรวมทุกอย่างต้องไม่เกิน 20,000.-
เรื่องกิน เตรียมมาม่า น้ำพริก อาหารซองสำเร็จ ตามมาตรฐานไปต่างประเทศพอประมาณ
เรื่องอยู่ จองที่พักกับ Booking.com เลือกแบบมีครัวเพื่อประกอบอาหารได้ ลดค่าใช้จ่ายซื้อกินตามร้าน
เรื่องเดินทาง ติดต่อกับที่พักให้มารับพวกเราที่สนามบิน และมีรถเมล์ประจำทาง
เรื่องเที่ยว ทะเล และ ภูเขา คือที่เที่ยวหลักของพวกเรา
แต่เดี๋ยวก่อน!!!!! แม้มอริเชียสจะไม่อยู่ในเขตเสี่ยงโรค “ไข้เหลือง” แต่มันอยู่ในเขตแอฟริกาซึ่งเป็นเขตเสี่ยงโรค พวกเราควรฉีดวัคซีนป้องกันนะ (กันไว้ก่อนก็ดี)
สถานที่ฉีดวัคซีนก็มีที่
สถานเสาวภา เปิดวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ตามเวลาราชการ และวันเสาร์ ครึ่งวันถึงเที่ยง
กรมควบคุมโรคติดต่อเขตร้อน คลองเตย เปิดวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ตามเวลาราชการ




24 พ.ย. 2559 เริ่มต้นเดินทาง
ซึ่งวันนี้หลายคนทำงานรวมทั้งผม แต่ขอเลิกงานก่อนเวลาเพื่อต้องเตรียมตัวเดินทางในคืนนี้
การเดินทางจะเริ่มจาก สนามบินดอนเมือง - กัวลาลัมเปอร์ – มอริเชียส
และพวกเราได้ซื้อน้ำหนักไว้ใช้เฉลี่ยร่วมกันเพื่อโหลดกระเป๋าจากดอนเมืองยาวถึงมอริเชียส
แต่ได้จัดของใช้จำเป็น เช่น แปรงและยาสีฟัน โฟมล้างหน้า
เพราะต้องรอต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ และเพื่อเป็นการประหยัดก็นอนในสนามบินนี่แหล่ะดีสุด
แถมไม่ต้องเสียเวลา แล้วถ้าไม่เต็มอิ่มก็ไปพักต่อบนเครื่องเนื่องจากเราต้องนั่งกันราวๆ 7 ชั่วโมง





หลังจากที่ได้ประสบการณ์นอนหนึ่งคืนที่สนามบินอย่างจริงจัง
พวกเราทั้งหมดก็พร้อมขึ้นไปงีบต่อบนเครื่องเพื่อเดินทางสู่จุดหมาย Mauritius
แล้วตัวผมก็เขย่าอย่างแรง พร้อมเสียง ตื่นๆๆๆๆ พอมองออกนอกหน้าต่างเครื่องบิน
ตาลุกโตนี่มันต้องใช่น่านฟ้าของมอริเชียสแน่ๆ
เพียงไม่นานเสียงกัปตันก็ประกาศว่าพวกเราเข้าสู่น่านฟ้าของมอริเชียสแล้ว
หัวใจตื่นและเต้นรัวๆ ที่ๆ พวกเราได้เห็นและกำลังจะได้ไปสัมผัสดินแดนเก่าแก่โลกล้านปี
ที่ๆ แทบจะไม่มีคนไทยมา และที่ๆ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มา









หลังจากลงเครื่องก็ผ่าน ตม. เอกสารต่างๆ ที่เตรียมไว้ไม่ได้ใช้เลย ทั้งสมุดฉีดวัคซีน รูปถ่าย สำเนาพาสปอร์ต ใบจองที่พัก และค่าเหยียบแผ่นดินก็ไม่ต้องเสีย  
มีเพียงแค่ใบที่เขาแจกให้กรอกเข้าประเทศมอริเชียส และตั๋ววันกลับ แค่นั้น
เมื่อผ่าน ตม. แล้ว ทำไงต่อล่ะเนี่ย งง ล่ะซิเนี่ย มีทั้งชาวแอฟริกัน และอินเดีย เต็มไปหมด
แต่เพื่อนสุดเลิฟได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว รถตู้มารับ นั่งชมวิวเพลินๆ ชมทะเลสีฟ้าเขียว ภูเขารูปร่างแปลกๆ ตลอดเส้นทางเพื่อไปที่พักที่ได้จองผ่าน Booking.com ไว้เรียบร้อย







หลังจากเข้าที่พัก ซึ่งเป็นตึกแถว 4 ชั้น ดัดแปลงภายในอย่างลงตัว
ชั้นล่างเป็นสำนักงาน และอีก 3 ชั้นเป็นที่พัก โดยแต่ละชั้นมีครัวและห้องน้ำ
พวกเราจองชั้น 2 และชั้น 3 เพราะมาทั้งหมดด้วยกัน 7 คน





เวลาที่น้อยพวกเราจึงแค่เก็บสัมภาระและเริ่มลุยกันเลย
โดยสอบถามเรื่องเส้นทางรถเมล์จากเจ้าของที่พัก
ซึ่งโชคดีมาป้ายรถเมล์อยู่ใกล้ๆ ที่พัก เมื่อรู้แล้วว่ารถเมล์เริ่มและหมดกี่โมง เร่งซิครับรออะไร เวลายิ่งน้อยๆ
เป้าหมายแรก “ตลาด” สะสมเสบียง และได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนที่นี่ด้วย และมีซุปเปอร์มาเก็ตด้วยสบายแร่ะงานนี้
รถเมล์แทบทุกสายจะวิ่งไปตลาดเพราะเป็นเซนเตอร์สำหรับการเดินทางไปที่อื่นต่อ







ใครที่ชอบถ่ายภาพ “แนวสตรีท” ขอบอกว่ามันส์มากเมื่อมาที่นี่ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ผู้คนใจดีมาก
แม้จะหน้าตาดูดุๆ ซึ่งสวนกับหน้าตาเลยทีเดียว











สำหรับการเดินทางวันนี้ทำให้ทุกคนสลบ เพราะที่นี่ช้ากว่าเมืองไทย 3 ชั่วโมง
ขอชาร์ตแบตชีวิตก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้จะมาเหลาต่อนะ
Zzzzz…..
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่