ก่อนจะเริ่ม บอกไว้ตรงนี้ตัวใหญ่ๆ ก่อนเลยว่า เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะกลับมารีวิวทริป (คือเป็นคนชอบเที่ยว แต่ขี้เกียจเขียน 5555+) เลยแทบไม่ได้ถ่ายรูปวิวที่ไม่มีตัวเองอยู่ในนั้นไว้เลย ดังนั้นจะเห็นรูป จขกท ติดอยู่ในรูปไปด้วยเยอะหน่อย ใครขี้เกียจดูรบกวนปิดไปก่อน (กลัวโดนด่า) ใครไม่ว่าอะไรก็ไปครับ ไปเที่ยวด้วยกัน
ทริปนี้เอาแค่กล้อง GoPro 5 Black Edition ไปนะครับ ดังนั้นรูปทุกรูปถ่ายจาก GoPro 5 Black Edition หมดเลย พร้อมกับการเดินทางไปคนเดียวด้วย เลยต้องถ่ายเองทั้งหมด แต่งรูปไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ เลยเอาง่ายๆ คือใช้ SnapSeed มาแต่งสีเพิ่มแสงบ้างในบางรูปครับผม
Mauritius เป็นประเทศที่คิดว่าคงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของชาวไทยสักเท่าไหร่นักครับ การหาข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศนี้เองก็หาได้ค่อนข้างยากทีเดียว โดยส่วนตัวแล้ว จขกท รู้จักประเทศนี้จากการอ่านหนังสือเรื่อง Me Before You โดย Lou เลือกประเทศนี้เป็นประเทศที่จะไปสร้างแรงบันดาลใจในการอยากมีชีวิตอยู่ต่อให้กับ Will เหตุเพราะเป็นประเทศที่มีกิจกรรมเหมาะกับการแอดเวนเจอร์มากมาย รู้แบบนั้นก็เฝ้าติดตามเส้นทางนี้อยู่ แต่เพราะราคาของ Air Mauritius และ Emirates ที่มันไม่ค่อยน่ารักน่าลงทุนนักกับประเทศที่เราไม่ค่อยจะรู้จักมักจี่เลยแบบนี้เลยทำให้ไม่มีโอกาสได้ไปสักที แต่แล้วก็เป็นโอกาสดี AirAsia X (โดยบิน AirAsia ประกาศเปิดเส้นทางใหม่ไป Mauritius จขกท ก็เลยรีบปรี่เข้าไปหาตั๋วในทันที ซึ่งทริปนี้ AirAsia X จัดให้ที่ 9200 บาทถ้วน (+300 บาทค่าอาหารสองมื้อ) แต่หากอยากโหลดกระเป๋าเพิ่ม ไป-กลับ ซื้อน้ำหนักเพิ่มแบบต่ำสุดก็เพิ่มอีกประมาณ 4800 บาทโน่นเลย ดังนั้นด้วยความงก เลยบาลานซ์ขนาดและน้ำหนักกระเป๋าสุดฤทธิ์จนรอดมาได้แบบไม่ต้องซื้อเพิ่มในที่สุด
น่าเสียดายที่ ณ ตอนนี้เส้นทาง Mauritius สำหรับ AirAsia X นั้นได้ถูกยกเลิกไปแล้ว (โดยไฟลต์ออกจาก KL ไฟลต์สุดท้ายคือวันที่ 25 มีนาคม 2560 และไฟลต์กลับเข้า KL ไฟลต์สุดท้ายคือวันที่ 26 มีนาคม 2560) ทั้งนี้ ณ ตอนนี้ยังสามารถบินไป Mauritius ได้ด้วยสายการบิน Air Mauritius และ Emirates ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 30K - 45K ครับผม
เอาล่ะ ในเมื่อตั๋วตอนนี้มันแพง จขกท ก็ขออนุญาตแชร์แผนการเดินทางของตัวเองเป็นวันๆ ตามสถานที่ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้พิจารณากันต่อไปว่า Mauritius คือประเทศที่น่าค้นหา และน่าสนใจเพียงพอต่อราคาตั๋วไหม แต่หาก จขกท ต้องสรุปความประทับใจของตัวเองแล้วก็ต้องบอกว่ามันคุ้มค่ามากแบบสุดๆ เลยครับ
ขออนุญาตเริ่มที่เรื่องที่หลายๆ คนอาจจะสนใจกันก่อน คือค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทางทริปนี้ครับ
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ + ค่าอาหาร 2 มื้อ สายการบิน AirAsia X - 9350 บาท
- ค่าโรงแรม (3 - 8 มีนาคม 2560 แต่โรงแรมคิด จขกท แค่ 3 - 7 มีนาคม (คือถึงคืนวันที่ 6) ส่วนคืนวันที่ 7 นั้นให้อยู่ให้พักฟรีถึงเกือบๆ เที่ยงคืนเลยก่อนจะเดินทางไปสนามบินครับ น่ารักจริงๆ - 4000 บาท (คืนละ 1000 บาท)
- จองทัวร์ ว่ายน้ำกับปลาโลมา + อาหารเที่ยงที่เกาะ ile aux benitiers (คืนพื้นเมืองออกเสียงว่า อิล อู แบนิเตีย์ เหมือนจะต่างจากชาวฝรั่งเศสจริงๆ หน่อยหนึ่งครับ) โดยระหว่างทางไปจะผ่าน Crystal Rock เพื่อให้ดูกันแบบใกล้ๆ - 3200 บาท
- ค่าทัวร์ไปเกาะ ile aux cerfs + ดูน้ำตกในทะเล + อาหารกลางวัน = 950 บาท
- ค่า Parasailing ที่ ile aux cerfs แบบแพ็คเกจ Panoramic View (ประมาณ 8 นาที เป็นแพ็คสูงสุดของผู้เล่น Parasailing คนเดียวครับ) - 3000 บาท
- ค่าเช่ารถ + คนขับ 1 วันเพื่อเดินทางไปทางตอนใต้ของ Mauritius = 2000 บาท (รวมน้ำมันแล้ว)
- ค่าแท็กซี่จากสนามบินไปโรงแรม (ที่ Flic-En-Flac) - 1300 บาท
- ค่าแท็กซี่กลับไปสนามบินจากโรงแรม (ให้ที่โรงแรมไปส่ง) - 1500 บาท (เขาคิดแค่ 1300 แล้วให้เพิ่มไปเพราะเงิน Rupees เอากลับมาใช้ในไทยไม่ได้อยู่แล้ว)
- เงินสดที่ใช้ไปทั้งหมด 2150 บาท (คือกินดีทุกวันนะครับ หมดไปกับเบอเกอร์รี่ ทำไมมันถูกงี้วะเนี่ย ตั้ง 5 วันโดยประมาณ)
รวมทั้งทริป = 27,450 บาท ไม่เลวเลยครับกับการเดินทางคนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว แถม ไม่มีใครช่วยหารเพิ่มเลย หากมีคนช่วยหารอีกก็ถูกเข้าไปอี๊ก
มารู้จักกับ Mauritius กันสักนิดดีกว่านะครับ
Mauritius เป็นเกาะๆ หนึ่งที่เป็นประเทศอยู่ในทวีป Africa ครับ โดยเป็นเกาะขนาดเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยมากที่สุดแล้วใน Africa (แต่ยังเป็นประเทศโลกที่ 3) ที่นี้ใช้เงิน Mauritian Rupee ซึ่งไม่เหมือนกับ Indian Rupee นะครับ โดยเรตค่าเงินเค้าเทียบเท่ากับเงินบาทไทยได้ที่ 1:1 เลย (เขาแพงกว่านิดเดียวจริงๆ เช่นกดเงินออกมา 8000 Maurtitian Rupees จขกท โดนหักเงินไทยไป 8045 บาท ครับ) ส่วนค่าครองชีพนั้นก็ประมาณเดียวกันบ้านเราใน กทม ครับ ส่วนเมืองหลวงของ Mauritius นั้นชื่อว่า Port Louis ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญของย่านนั้น และประชาชนของประเทศนี้เราเรียกว่า Mauritian ครับผม
Mauritius เคยตกเป็นอาณานิคมของ 3 สัญชาติด้วยกัน (ได้ความรู้จากพิพิธภัณฑ์ Blue Penny Museum ใน Port Louis) ซึ่งคือ Dutch, French และ British คร้บ โดยการเข้ายึดครองของชาวอังกฤษในครั้งสุดท้ายนั้นถือว่าเป็นการบรรลุสนธิสัญญาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกฉบับหนึ่ง โดยอังฤษยอมทำสนธิสัญญายึดครองโดยยังคงให้ Mauritius มีอารยธรรมแบบฝรั่งเศสเดิมๆ ขนบธรรมเนียมเดิม ใช้ภาษาเดิมๆ ได้ และจะไม่มีการทำร้ายหรือส่งตัวชาวฝรั่งเศษที่อยู่ที่นั่นไปไหน รวมทั้งอนุญาตให้ทหารที่ยังมีชีวิตอยู่กลับบ้านได้ทั้งหมด หล่อเลยจริงๆ ดังนั้น Mauritius เลยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางภาษามาก โดยประชากรสามารถใช้ภาษาได้ถึง 3 ภาษากันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีภาษาหลักเป็นภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ (หลักเลยจริงๆ คือฝรั่งเศสครับ) ส่วนภาษาที่ 3 นั้นคือภาษา Creole ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติของบ้านเค้าครับ (และอีกไม่น้อยเลยที่พูดได้ถึง 4 ภาษา ซึ่งคือภาษาอินเดียในแบบที่คนนั้นๆ รู้จัก ขึ้นอยู่กับต้นตระกูลของตนอีกที) ประชากรที่นั้นส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียครับ แต่จะมีชาวแอฟริกาไม่น้อยเหมือนกัน มีเอเชียน้อยมาก ศาสนาหลักคือฮินดู โดยมีอิสลามและคริสต์ตามมาติดๆ จากปากคำให้การของชาวพื้นเมืองครับ (คือสัมภาษณ์ไปเรื่อย 5555+)
Mauritius ขึ้นชื่อมากๆ เรื่องทะเล ชายหาด และแนวปะการังครับ (ซึ่งผมว่าปะการังไม่สวยเท่าไทยเรา 555+) โดยประเทศนี้มีกิจกรรมมากมายหลายหลากให้ได้ทำกันจริงๆ ตั้งแต่การลงเรือยันขึ้นเขา เหมาะกับผู้ที่แสวงหาการเดินทางแบบผจญภัยครับ
เอาล่ะ พร้อมแล้วไปเที่ยวกันดีกว่า
Mauritius...ไม่มีวันลืม... (เที่ยวคนเดียว ถ่ายกับ GoPro 5 Black Edition ทั้งหมดครับ)
ทริปนี้เอาแค่กล้อง GoPro 5 Black Edition ไปนะครับ ดังนั้นรูปทุกรูปถ่ายจาก GoPro 5 Black Edition หมดเลย พร้อมกับการเดินทางไปคนเดียวด้วย เลยต้องถ่ายเองทั้งหมด แต่งรูปไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ เลยเอาง่ายๆ คือใช้ SnapSeed มาแต่งสีเพิ่มแสงบ้างในบางรูปครับผม
Mauritius เป็นประเทศที่คิดว่าคงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของชาวไทยสักเท่าไหร่นักครับ การหาข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศนี้เองก็หาได้ค่อนข้างยากทีเดียว โดยส่วนตัวแล้ว จขกท รู้จักประเทศนี้จากการอ่านหนังสือเรื่อง Me Before You โดย Lou เลือกประเทศนี้เป็นประเทศที่จะไปสร้างแรงบันดาลใจในการอยากมีชีวิตอยู่ต่อให้กับ Will เหตุเพราะเป็นประเทศที่มีกิจกรรมเหมาะกับการแอดเวนเจอร์มากมาย รู้แบบนั้นก็เฝ้าติดตามเส้นทางนี้อยู่ แต่เพราะราคาของ Air Mauritius และ Emirates ที่มันไม่ค่อยน่ารักน่าลงทุนนักกับประเทศที่เราไม่ค่อยจะรู้จักมักจี่เลยแบบนี้เลยทำให้ไม่มีโอกาสได้ไปสักที แต่แล้วก็เป็นโอกาสดี AirAsia X (โดยบิน AirAsia ประกาศเปิดเส้นทางใหม่ไป Mauritius จขกท ก็เลยรีบปรี่เข้าไปหาตั๋วในทันที ซึ่งทริปนี้ AirAsia X จัดให้ที่ 9200 บาทถ้วน (+300 บาทค่าอาหารสองมื้อ) แต่หากอยากโหลดกระเป๋าเพิ่ม ไป-กลับ ซื้อน้ำหนักเพิ่มแบบต่ำสุดก็เพิ่มอีกประมาณ 4800 บาทโน่นเลย ดังนั้นด้วยความงก เลยบาลานซ์ขนาดและน้ำหนักกระเป๋าสุดฤทธิ์จนรอดมาได้แบบไม่ต้องซื้อเพิ่มในที่สุด
น่าเสียดายที่ ณ ตอนนี้เส้นทาง Mauritius สำหรับ AirAsia X นั้นได้ถูกยกเลิกไปแล้ว (โดยไฟลต์ออกจาก KL ไฟลต์สุดท้ายคือวันที่ 25 มีนาคม 2560 และไฟลต์กลับเข้า KL ไฟลต์สุดท้ายคือวันที่ 26 มีนาคม 2560) ทั้งนี้ ณ ตอนนี้ยังสามารถบินไป Mauritius ได้ด้วยสายการบิน Air Mauritius และ Emirates ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 30K - 45K ครับผม
เอาล่ะ ในเมื่อตั๋วตอนนี้มันแพง จขกท ก็ขออนุญาตแชร์แผนการเดินทางของตัวเองเป็นวันๆ ตามสถานที่ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้พิจารณากันต่อไปว่า Mauritius คือประเทศที่น่าค้นหา และน่าสนใจเพียงพอต่อราคาตั๋วไหม แต่หาก จขกท ต้องสรุปความประทับใจของตัวเองแล้วก็ต้องบอกว่ามันคุ้มค่ามากแบบสุดๆ เลยครับ
ขออนุญาตเริ่มที่เรื่องที่หลายๆ คนอาจจะสนใจกันก่อน คือค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทางทริปนี้ครับ
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ + ค่าอาหาร 2 มื้อ สายการบิน AirAsia X - 9350 บาท
- ค่าโรงแรม (3 - 8 มีนาคม 2560 แต่โรงแรมคิด จขกท แค่ 3 - 7 มีนาคม (คือถึงคืนวันที่ 6) ส่วนคืนวันที่ 7 นั้นให้อยู่ให้พักฟรีถึงเกือบๆ เที่ยงคืนเลยก่อนจะเดินทางไปสนามบินครับ น่ารักจริงๆ - 4000 บาท (คืนละ 1000 บาท)
- จองทัวร์ ว่ายน้ำกับปลาโลมา + อาหารเที่ยงที่เกาะ ile aux benitiers (คืนพื้นเมืองออกเสียงว่า อิล อู แบนิเตีย์ เหมือนจะต่างจากชาวฝรั่งเศสจริงๆ หน่อยหนึ่งครับ) โดยระหว่างทางไปจะผ่าน Crystal Rock เพื่อให้ดูกันแบบใกล้ๆ - 3200 บาท
- ค่าทัวร์ไปเกาะ ile aux cerfs + ดูน้ำตกในทะเล + อาหารกลางวัน = 950 บาท
- ค่า Parasailing ที่ ile aux cerfs แบบแพ็คเกจ Panoramic View (ประมาณ 8 นาที เป็นแพ็คสูงสุดของผู้เล่น Parasailing คนเดียวครับ) - 3000 บาท
- ค่าเช่ารถ + คนขับ 1 วันเพื่อเดินทางไปทางตอนใต้ของ Mauritius = 2000 บาท (รวมน้ำมันแล้ว)
- ค่าแท็กซี่จากสนามบินไปโรงแรม (ที่ Flic-En-Flac) - 1300 บาท
- ค่าแท็กซี่กลับไปสนามบินจากโรงแรม (ให้ที่โรงแรมไปส่ง) - 1500 บาท (เขาคิดแค่ 1300 แล้วให้เพิ่มไปเพราะเงิน Rupees เอากลับมาใช้ในไทยไม่ได้อยู่แล้ว)
- เงินสดที่ใช้ไปทั้งหมด 2150 บาท (คือกินดีทุกวันนะครับ หมดไปกับเบอเกอร์รี่ ทำไมมันถูกงี้วะเนี่ย ตั้ง 5 วันโดยประมาณ)
รวมทั้งทริป = 27,450 บาท ไม่เลวเลยครับกับการเดินทางคนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว แถม ไม่มีใครช่วยหารเพิ่มเลย หากมีคนช่วยหารอีกก็ถูกเข้าไปอี๊ก
มารู้จักกับ Mauritius กันสักนิดดีกว่านะครับ
Mauritius เป็นเกาะๆ หนึ่งที่เป็นประเทศอยู่ในทวีป Africa ครับ โดยเป็นเกาะขนาดเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยมากที่สุดแล้วใน Africa (แต่ยังเป็นประเทศโลกที่ 3) ที่นี้ใช้เงิน Mauritian Rupee ซึ่งไม่เหมือนกับ Indian Rupee นะครับ โดยเรตค่าเงินเค้าเทียบเท่ากับเงินบาทไทยได้ที่ 1:1 เลย (เขาแพงกว่านิดเดียวจริงๆ เช่นกดเงินออกมา 8000 Maurtitian Rupees จขกท โดนหักเงินไทยไป 8045 บาท ครับ) ส่วนค่าครองชีพนั้นก็ประมาณเดียวกันบ้านเราใน กทม ครับ ส่วนเมืองหลวงของ Mauritius นั้นชื่อว่า Port Louis ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญของย่านนั้น และประชาชนของประเทศนี้เราเรียกว่า Mauritian ครับผม
Mauritius เคยตกเป็นอาณานิคมของ 3 สัญชาติด้วยกัน (ได้ความรู้จากพิพิธภัณฑ์ Blue Penny Museum ใน Port Louis) ซึ่งคือ Dutch, French และ British คร้บ โดยการเข้ายึดครองของชาวอังกฤษในครั้งสุดท้ายนั้นถือว่าเป็นการบรรลุสนธิสัญญาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกฉบับหนึ่ง โดยอังฤษยอมทำสนธิสัญญายึดครองโดยยังคงให้ Mauritius มีอารยธรรมแบบฝรั่งเศสเดิมๆ ขนบธรรมเนียมเดิม ใช้ภาษาเดิมๆ ได้ และจะไม่มีการทำร้ายหรือส่งตัวชาวฝรั่งเศษที่อยู่ที่นั่นไปไหน รวมทั้งอนุญาตให้ทหารที่ยังมีชีวิตอยู่กลับบ้านได้ทั้งหมด หล่อเลยจริงๆ ดังนั้น Mauritius เลยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางภาษามาก โดยประชากรสามารถใช้ภาษาได้ถึง 3 ภาษากันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีภาษาหลักเป็นภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ (หลักเลยจริงๆ คือฝรั่งเศสครับ) ส่วนภาษาที่ 3 นั้นคือภาษา Creole ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติของบ้านเค้าครับ (และอีกไม่น้อยเลยที่พูดได้ถึง 4 ภาษา ซึ่งคือภาษาอินเดียในแบบที่คนนั้นๆ รู้จัก ขึ้นอยู่กับต้นตระกูลของตนอีกที) ประชากรที่นั้นส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียครับ แต่จะมีชาวแอฟริกาไม่น้อยเหมือนกัน มีเอเชียน้อยมาก ศาสนาหลักคือฮินดู โดยมีอิสลามและคริสต์ตามมาติดๆ จากปากคำให้การของชาวพื้นเมืองครับ (คือสัมภาษณ์ไปเรื่อย 5555+)
Mauritius ขึ้นชื่อมากๆ เรื่องทะเล ชายหาด และแนวปะการังครับ (ซึ่งผมว่าปะการังไม่สวยเท่าไทยเรา 555+) โดยประเทศนี้มีกิจกรรมมากมายหลายหลากให้ได้ทำกันจริงๆ ตั้งแต่การลงเรือยันขึ้นเขา เหมาะกับผู้ที่แสวงหาการเดินทางแบบผจญภัยครับ
เอาล่ะ พร้อมแล้วไปเที่ยวกันดีกว่า