อยากรู้ถึงประสบการณ์คลอดธรรมชาติของคุณแม่แต่ละคน ว่ามีใครเป็นเหมือนเราบ้าง
เริ่มจาก ตัวเราตอนท้องได้ 2 เดือน ได้ไปฝากครรภ์ที่ รพ. สมเด็จพระยุพราช จ.สุราษฎร์ธานี ที่ได้ฝากที่รพ.แห่งนี้ เพราะเรามาอยู่บ้านแฟนซึ่งเป็นคนสุราษฎ์ราชฯ เราฝากครรภ์แบบธรรมดา ไม่ได้ฝากพิเศษ เพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่าย ( มีสิทธิบัตรทอง ) ในการฝากครรภ์แต่ละเดือน ทุกอย่างก็ปรกติดี มีการตรวจท้อง ฟังเสียงการเต้นของหัวใจลูก มีการอัลตร้าซาวน์2 ครั้ง ครั้งแรกตอนท้อง 4 เดือน ครั้งที่2ตอนท้อง 8 เดือน ยาที่ให้แต่ละเดือนก็จะมียาบำรุงเลือดกับแคลเซียมที่เป็นเม็ดสีขาวๆ
จนมาถึงวันนัดคลอดวันที่ 24 ตุลาคม2559 เราไม่มีอาการอะไรเลย เราเลยไป รพ. ในวันที่ 25 ต.ค. ไปถึงพยาบาลก็เรียกไปตรวดมดลูก ปรากฎว่ามดลูกเปิด 2 ซม. เลยได้แอดมิดเลย
เราไป รพ. ตั้งแต่ 8โมงเช้า มดลูกเปิด 2 ซม. กว่าจะเริ่มเปิด3 ซม. ก้ตอน 3 ทุ่ม พอถึง ตี 1 มดลูกเปิด 7 ซม. ตี2 เปิด 8 ซม. บอกตรงนี้เลยว่า พอเริ่มเปิดได้ 7 - 8 ซม. นิ่เหมือนจะตาย มันเจ็บจนอยากร้องขอชีวิต อาการเหมือนปวดอึผสมเจ็บท้องเม็น คือเจ็บมาก เหมือนปวดอึแต่อึไม่ออก ละต้องห้ามเบ่ง ตอนยุ่ในห้องรอคลอดคือนอนร้องเสียงดังไม่ได้ ถ้าแหกปากร้องคือพยาบาลด่า ( พี่สะใภ้บอกมา ว่าเจ็บก็ต้องทน ห้ามร้องเสียงดัง ) เราเลยได้แต่นอนตะแคงซ้าย สูดหายใจเข้าลึกๆ มือนิ่จิกหมอนเกร็ง ปากกัดเสื้อเปียกหมดอ่ะ ตอนนั้นคือนึกถึงแม่เลย
เราเจ็บหนักไปจนถึงตี2ครึ่ง ละมันเหมือนปวดอึ กลั้นเบ่งไม่ได้จริง (พยาบาลบอกห้ามเบ่ง ถึงเบ่งไปก็ไม่ออก เพราะต้องรอให้เปิดได้ 10 ซม. ) เรานิ่กลั้นจนสุดใจ แต่กลั้นไม่ได้ ผลคือน้ำคล่ำแตก เรานิ่กดออดบนหัวเตียงเลย พยาบาลมา ถามว่าเป็นอะไร เราบอกรุ้สึกเหมือนมีอะไรแตกดังโพละ !! พยาบาลบอก น้ำเดิน ไม่รุ้จักรึไง ( คือตูจะรุ้มั้ย ตูพึ่งเคยท้อง ไม่ได้ประสบการณ์โชกโชนนะคะ ) ละะยาบาลก็มาวัดมดลูก บอก 8 ซม. ละให้เราเดินไปห้องคลอด ( ในใจนิ่คิดนะว่า แค่นอนยุ่เฉยๆ ตูยังเจ็บจนลุกแทบไม่รอด นิ่ให้ตูเดิน ละไม่ใช่ใกล้ๆ ทำไมไม่ให้บุรุษพยาบาลเอารถเข็นมาให้ละพาเราไป ) เราเลยกลั้นใจลุกขึ้นจากเตียงละกลั้นใจเดินไปห้องคลอด พยาบาลก็ตะโกนเร่งให้เรีบเดินเร็ว ๆ เราก็บอก " ค่ะๆ เเป๊บนึงนะคะพี่ " ( คือหลังจากเที่ยงคืน มันเป็นช่วงกะดึก มีแค่พยาบาลเฝ้า3 คน ส่วนหมอกลับบ้านค่ะ ถ้าคนที่คลอดก่อนเที่ยงคืนจะได้หมอเป็นคนทำคลอดให้ แต่ถ้าเลยหลังเที่ยงคืนพยาบาลจะเป็นคนทำคลอด เว้นแต่กรณีฝากพิเศษที่แม้จะเลยเที่ยงคืน หมอก็จะอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดละทำคลอดให้เอง ) พอเราเดินไปถึงเตียงที่ทำคลอด พยาบาลบอก รีบปีนขึ้นไปสิ เราก้เลยเดินเข้าไปเตรียมปีนขึ้น แต่คือมันเจ็บท้องมาก เลยได้พักแป๊บนึง แต่พยาบาลบอก " เธอรีบขึ้นไปนอนสิ่ อยุ่แบบนี้เดี๋ยวลูกก็หลุดออกมาหัวฟาดพื้นหร่อก ( ละที่ให้ตูเดินมานิ่ ไม่คิดว่าลูกตูจะหลุดออกมามั่งรึไง ) ด้วยความกลัวเราเลยกลั้นใจยกสะโพกละตะเกียกตะกายขึ้นไปที่เตียง จากนั้นพยาบาลก็เอาเหมือนสายอะไรสักอย่างมายัดใส่ตรงรูจมูก (รุ้สึกหายใจคล่องมากขึ้น)
จากนั้นก็ตรวจว่าเปิดกี่ซม.แล้ว พบว่า 8 ซม.เท่าเดิม (แต่คือต้องเบ่งละเพราะถุงน้ำคล่ำแตกแล้ว) จากนั้นพยาบาลก็บอกให้ชันขาแนบกับก้น ( ไม่มีที่หยังขา ) ละพยาบาลบอกให้เราเบ่ง เราเบ่งจนสุดใจแต่ลูกยังไม่ออก ( ก็เปิดแค่ 8 ซม. จะออกได้ไง ) พยาบาลก็เร่งเราให้เบ่งดีๆ ละเช็คดูการเต้นของหัวใจลูกละบอกว่าหัวใจลูกเต้นช้าลง เรากลัวสุดหัวใจ พยาบาลสั่งให้ทำอะไรคือทำหมด เราเบ่ง เบ่งจนแทบหมดเเรงแต่ลูกก็ไม่ออก ละพยาบาลก็พูดว่า " ทีตอนอยู่ในห้องรอคลอดเหมือนจะเป็นจะตาย ( เจ็บท้องคลอดนะโว้ยยย ไม่ใช่เจ็บท้องขี้ ละตูร้องแหกปากซะที่ไหน ) บอกไม่ให้เบ่ง ก็เบ่ง ( ตูไม่ได้เบ่งโว้ยยยย ร่างกายมันเบ่งเอง) พอเห็นว่าเราแทบหมดแรงพยาบาลเลยตัดตรง**ให้ ละบอกให้เรากลั้นใจ อุดปากปอดปากให้สนิดละเบ่ง เราก็กลั้นใจเบ่งสุดแรงเบ่งสุดใจจริงๆจนสุดท้ายลูกก็ออกมา เราน้ำตาไหลเลย ตอนพยาบาลเอาลูกมาวางบนท้องเรา หลังจากตัดสายสะดือ พยาบาลก็เอาลูกไปวัดความยาว ได้ 51 ซม. เส้นรอบศีรษะได้ 32 ซม. น้ำหนัก 2900 กรัม ซักพักพยาบาลก็มากดๆตรงท้องน้อย เรารุ้สึกเหมือนถุงน้ำคล่ำหลุดออกมาซักพักพยาบาลก็ฉีดยาชาละเริ่มเย็บแผล บอกเยว่าไม่รุ้สึกเจ็บเลยทั้งตอนฉีดยาชาทั้งตอนเย็บแผลรึตอนตัด** คือเจ็บท้องคลอดมากกว่า พอเย็บเสร็จเรัยบร้อยหมอก็มา ( พยาบาลโทรหาตอนเราเดินไปห้องคลอด ) ละทีนี้ถึงได้มีบุรุษพยาบาลเอารถมาพาไปที่เตียง ( ถามว่าอาการหลังคลอดหมาดๆเป็นยังไง บอกเลยชิวมาก โล่งสุดๆ ไม่เวียนหัวรึอะไรเลย แต่มันเหนื่อยมากกว่า ) พอขึ้นไปนอนที่เตียงได้สักพัก. พยาบาลก็เอาน้ำแดงขนๆมาให้ครึ่งแก้ว เราก็กิน ( หวานแสบคือมากกก) ซักพักพยาบาลก็เอา ลูกมาให้กินนมที่เตียง เรานอนให้นมลูก คืออารมย์ตื้นตันมาก รอมาเกือบ 10 เดือน ได้เจอหน้ากันแล้ว น้ำตาไหลเลย
มองลูกแล้วมีความสุข หลังจาดนั้นพอลูกกินนมเสร็จ พยาบาลก็เอาโถมาให้ฉี่ พอฉี่เสร็จก็มีบุรุษพยาบาลเอารถเข็นมาให้นั่งละพาไปที่ห้อง ( เราเอาห้องพิเศษ )
****สรุปโดยรวมๆนะ เราประทับใจการบริการเรื่องฝากท้องมากกว่า ตอนทำคลอด ถึงเราจะฝากแบบธรรมดา ก็ควรพูดกับเราดีๆ ปฏิบัติกับเราดีๆหน่อย นิ่เราเจ็บท้องใกล้จะคลอดให้เราเดินไปที่เตียงเอง เอาสมองส่วนไหนคิด คือเป็นพยาบาลมีหน้าที่ดูแลคนไข้ให้ดีมั้ยอ่ะ? ไม่รู้การฝากแบบธรรมดา พยาบาลทุก รพ.ในประเทศทำกับคนไข้แบบนี้มั้ย แต่พอโทรไปถามเพื่อน (คลอดถัดจากเรา1วัน) เพื่อนบอกว่าของนาง ก็ฝากแบบธรรมดา คลอด รพ.รัฐบาลเหมือนกัน ตอนคลอดพูดกับนางดีมาก ปฏิบัติกับนางดีมาก ( ฟังละรู้สึกมันคนละฟิลกับเราเลย ) พอม่โทรมาถามอาการหลังคลอด ก็เล่าให้แม่ฟัง แม่ยังพูดเลยทำไมทำกันแบบนั้น. เกิดเด็กหลุดออกมาจะทำไง ใครจะรับผิดชอบ เราก็พูดไปว่า " ช่างเห่อะ คลอดออกมาปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกก็ดีแล้ว
**อยากรู้ว่ามีใครเจอแบบเราบ้าง มาแชร์ประสบการณ์การคลอดธรรมชาติกันค่ะว่าเป็นไงกันบ้าง
อายุ 21 กับประสบการณ์คลอดธรรมชาติครั้งแรก
เริ่มจาก ตัวเราตอนท้องได้ 2 เดือน ได้ไปฝากครรภ์ที่ รพ. สมเด็จพระยุพราช จ.สุราษฎร์ธานี ที่ได้ฝากที่รพ.แห่งนี้ เพราะเรามาอยู่บ้านแฟนซึ่งเป็นคนสุราษฎ์ราชฯ เราฝากครรภ์แบบธรรมดา ไม่ได้ฝากพิเศษ เพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่าย ( มีสิทธิบัตรทอง ) ในการฝากครรภ์แต่ละเดือน ทุกอย่างก็ปรกติดี มีการตรวจท้อง ฟังเสียงการเต้นของหัวใจลูก มีการอัลตร้าซาวน์2 ครั้ง ครั้งแรกตอนท้อง 4 เดือน ครั้งที่2ตอนท้อง 8 เดือน ยาที่ให้แต่ละเดือนก็จะมียาบำรุงเลือดกับแคลเซียมที่เป็นเม็ดสีขาวๆ
จนมาถึงวันนัดคลอดวันที่ 24 ตุลาคม2559 เราไม่มีอาการอะไรเลย เราเลยไป รพ. ในวันที่ 25 ต.ค. ไปถึงพยาบาลก็เรียกไปตรวดมดลูก ปรากฎว่ามดลูกเปิด 2 ซม. เลยได้แอดมิดเลย
เราไป รพ. ตั้งแต่ 8โมงเช้า มดลูกเปิด 2 ซม. กว่าจะเริ่มเปิด3 ซม. ก้ตอน 3 ทุ่ม พอถึง ตี 1 มดลูกเปิด 7 ซม. ตี2 เปิด 8 ซม. บอกตรงนี้เลยว่า พอเริ่มเปิดได้ 7 - 8 ซม. นิ่เหมือนจะตาย มันเจ็บจนอยากร้องขอชีวิต อาการเหมือนปวดอึผสมเจ็บท้องเม็น คือเจ็บมาก เหมือนปวดอึแต่อึไม่ออก ละต้องห้ามเบ่ง ตอนยุ่ในห้องรอคลอดคือนอนร้องเสียงดังไม่ได้ ถ้าแหกปากร้องคือพยาบาลด่า ( พี่สะใภ้บอกมา ว่าเจ็บก็ต้องทน ห้ามร้องเสียงดัง ) เราเลยได้แต่นอนตะแคงซ้าย สูดหายใจเข้าลึกๆ มือนิ่จิกหมอนเกร็ง ปากกัดเสื้อเปียกหมดอ่ะ ตอนนั้นคือนึกถึงแม่เลย
เราเจ็บหนักไปจนถึงตี2ครึ่ง ละมันเหมือนปวดอึ กลั้นเบ่งไม่ได้จริง (พยาบาลบอกห้ามเบ่ง ถึงเบ่งไปก็ไม่ออก เพราะต้องรอให้เปิดได้ 10 ซม. ) เรานิ่กลั้นจนสุดใจ แต่กลั้นไม่ได้ ผลคือน้ำคล่ำแตก เรานิ่กดออดบนหัวเตียงเลย พยาบาลมา ถามว่าเป็นอะไร เราบอกรุ้สึกเหมือนมีอะไรแตกดังโพละ !! พยาบาลบอก น้ำเดิน ไม่รุ้จักรึไง ( คือตูจะรุ้มั้ย ตูพึ่งเคยท้อง ไม่ได้ประสบการณ์โชกโชนนะคะ ) ละะยาบาลก็มาวัดมดลูก บอก 8 ซม. ละให้เราเดินไปห้องคลอด ( ในใจนิ่คิดนะว่า แค่นอนยุ่เฉยๆ ตูยังเจ็บจนลุกแทบไม่รอด นิ่ให้ตูเดิน ละไม่ใช่ใกล้ๆ ทำไมไม่ให้บุรุษพยาบาลเอารถเข็นมาให้ละพาเราไป ) เราเลยกลั้นใจลุกขึ้นจากเตียงละกลั้นใจเดินไปห้องคลอด พยาบาลก็ตะโกนเร่งให้เรีบเดินเร็ว ๆ เราก็บอก " ค่ะๆ เเป๊บนึงนะคะพี่ " ( คือหลังจากเที่ยงคืน มันเป็นช่วงกะดึก มีแค่พยาบาลเฝ้า3 คน ส่วนหมอกลับบ้านค่ะ ถ้าคนที่คลอดก่อนเที่ยงคืนจะได้หมอเป็นคนทำคลอดให้ แต่ถ้าเลยหลังเที่ยงคืนพยาบาลจะเป็นคนทำคลอด เว้นแต่กรณีฝากพิเศษที่แม้จะเลยเที่ยงคืน หมอก็จะอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดละทำคลอดให้เอง ) พอเราเดินไปถึงเตียงที่ทำคลอด พยาบาลบอก รีบปีนขึ้นไปสิ เราก้เลยเดินเข้าไปเตรียมปีนขึ้น แต่คือมันเจ็บท้องมาก เลยได้พักแป๊บนึง แต่พยาบาลบอก " เธอรีบขึ้นไปนอนสิ่ อยุ่แบบนี้เดี๋ยวลูกก็หลุดออกมาหัวฟาดพื้นหร่อก ( ละที่ให้ตูเดินมานิ่ ไม่คิดว่าลูกตูจะหลุดออกมามั่งรึไง ) ด้วยความกลัวเราเลยกลั้นใจยกสะโพกละตะเกียกตะกายขึ้นไปที่เตียง จากนั้นพยาบาลก็เอาเหมือนสายอะไรสักอย่างมายัดใส่ตรงรูจมูก (รุ้สึกหายใจคล่องมากขึ้น)
จากนั้นก็ตรวจว่าเปิดกี่ซม.แล้ว พบว่า 8 ซม.เท่าเดิม (แต่คือต้องเบ่งละเพราะถุงน้ำคล่ำแตกแล้ว) จากนั้นพยาบาลก็บอกให้ชันขาแนบกับก้น ( ไม่มีที่หยังขา ) ละพยาบาลบอกให้เราเบ่ง เราเบ่งจนสุดใจแต่ลูกยังไม่ออก ( ก็เปิดแค่ 8 ซม. จะออกได้ไง ) พยาบาลก็เร่งเราให้เบ่งดีๆ ละเช็คดูการเต้นของหัวใจลูกละบอกว่าหัวใจลูกเต้นช้าลง เรากลัวสุดหัวใจ พยาบาลสั่งให้ทำอะไรคือทำหมด เราเบ่ง เบ่งจนแทบหมดเเรงแต่ลูกก็ไม่ออก ละพยาบาลก็พูดว่า " ทีตอนอยู่ในห้องรอคลอดเหมือนจะเป็นจะตาย ( เจ็บท้องคลอดนะโว้ยยย ไม่ใช่เจ็บท้องขี้ ละตูร้องแหกปากซะที่ไหน ) บอกไม่ให้เบ่ง ก็เบ่ง ( ตูไม่ได้เบ่งโว้ยยยย ร่างกายมันเบ่งเอง) พอเห็นว่าเราแทบหมดแรงพยาบาลเลยตัดตรง**ให้ ละบอกให้เรากลั้นใจ อุดปากปอดปากให้สนิดละเบ่ง เราก็กลั้นใจเบ่งสุดแรงเบ่งสุดใจจริงๆจนสุดท้ายลูกก็ออกมา เราน้ำตาไหลเลย ตอนพยาบาลเอาลูกมาวางบนท้องเรา หลังจากตัดสายสะดือ พยาบาลก็เอาลูกไปวัดความยาว ได้ 51 ซม. เส้นรอบศีรษะได้ 32 ซม. น้ำหนัก 2900 กรัม ซักพักพยาบาลก็มากดๆตรงท้องน้อย เรารุ้สึกเหมือนถุงน้ำคล่ำหลุดออกมาซักพักพยาบาลก็ฉีดยาชาละเริ่มเย็บแผล บอกเยว่าไม่รุ้สึกเจ็บเลยทั้งตอนฉีดยาชาทั้งตอนเย็บแผลรึตอนตัด** คือเจ็บท้องคลอดมากกว่า พอเย็บเสร็จเรัยบร้อยหมอก็มา ( พยาบาลโทรหาตอนเราเดินไปห้องคลอด ) ละทีนี้ถึงได้มีบุรุษพยาบาลเอารถมาพาไปที่เตียง ( ถามว่าอาการหลังคลอดหมาดๆเป็นยังไง บอกเลยชิวมาก โล่งสุดๆ ไม่เวียนหัวรึอะไรเลย แต่มันเหนื่อยมากกว่า ) พอขึ้นไปนอนที่เตียงได้สักพัก. พยาบาลก็เอาน้ำแดงขนๆมาให้ครึ่งแก้ว เราก็กิน ( หวานแสบคือมากกก) ซักพักพยาบาลก็เอา ลูกมาให้กินนมที่เตียง เรานอนให้นมลูก คืออารมย์ตื้นตันมาก รอมาเกือบ 10 เดือน ได้เจอหน้ากันแล้ว น้ำตาไหลเลย มองลูกแล้วมีความสุข หลังจาดนั้นพอลูกกินนมเสร็จ พยาบาลก็เอาโถมาให้ฉี่ พอฉี่เสร็จก็มีบุรุษพยาบาลเอารถเข็นมาให้นั่งละพาไปที่ห้อง ( เราเอาห้องพิเศษ )
****สรุปโดยรวมๆนะ เราประทับใจการบริการเรื่องฝากท้องมากกว่า ตอนทำคลอด ถึงเราจะฝากแบบธรรมดา ก็ควรพูดกับเราดีๆ ปฏิบัติกับเราดีๆหน่อย นิ่เราเจ็บท้องใกล้จะคลอดให้เราเดินไปที่เตียงเอง เอาสมองส่วนไหนคิด คือเป็นพยาบาลมีหน้าที่ดูแลคนไข้ให้ดีมั้ยอ่ะ? ไม่รู้การฝากแบบธรรมดา พยาบาลทุก รพ.ในประเทศทำกับคนไข้แบบนี้มั้ย แต่พอโทรไปถามเพื่อน (คลอดถัดจากเรา1วัน) เพื่อนบอกว่าของนาง ก็ฝากแบบธรรมดา คลอด รพ.รัฐบาลเหมือนกัน ตอนคลอดพูดกับนางดีมาก ปฏิบัติกับนางดีมาก ( ฟังละรู้สึกมันคนละฟิลกับเราเลย ) พอม่โทรมาถามอาการหลังคลอด ก็เล่าให้แม่ฟัง แม่ยังพูดเลยทำไมทำกันแบบนั้น. เกิดเด็กหลุดออกมาจะทำไง ใครจะรับผิดชอบ เราก็พูดไปว่า " ช่างเห่อะ คลอดออกมาปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกก็ดีแล้ว
**อยากรู้ว่ามีใครเจอแบบเราบ้าง มาแชร์ประสบการณ์การคลอดธรรมชาติกันค่ะว่าเป็นไงกันบ้าง