เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเราไป u/s แล้วพบว่าในครรภ์มีแต่ถุงตั้งครรภ์ขนาด 3 ซม. แต่ไม่มีตัวเด็ก ทั้งที่อายุครรภ์ได้ 8 สัปดาห์กว่าแล้ว คุณหมอจึงให้ยุติการตั้งครรภ์ แล้วก็ให้นัดแอดมิดเพื่อขูดมดลูกออก เรามีนัดตอน 8 โมงเช้าวันจันทร์ที่ห้องคลอดเซพติก ชั้น 4 ตึก 100 ปีสมเด็จพระศรีฯ รพ.ศิริราช ก่อนไปตามนัดเราก็หาข้อมูลและทราบว่าที่ศิริราชจะใช้ยาสลบ ทำให้เราสบายใจไม่ค่อยกลัวอะไรมาก
เราไปถึงตรงเวลาเป๊ะ เมื่อเข้าไปถึงห้องคลอดเซพติก พยาบาลก็ให้เปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนรองเท้า ตรวจปัสสาวะ แล้วก็มีคุณหมอ/พยาบาลมาถามอาการต่างๆ และซักประวัติ เราก็แจ้งไปว่า เราไม่มีอาการปวดท้องเลย ไม่มีเลือดออก อาการแพ้ท้องก็ไม่มี ไม่คลื่นไส้อาเจียน มีแค่รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียตลอดช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์
หลังจากซักประวัติต่างๆ เค้าก็แจ้งว่าหลังขูดมดลูกจะให้พักฟื้น 1 คืน แล้วถามเราว่าใช้สิทธิ์อะไรหรือเปล่า เราบอกไปว่า "ใช้สิทธิ์ประกันสังคมศิริราชค่ะ" จากนั้นให้เราเลือกห้องพักฟื้นว่าอยู่ห้องแบบไหน แจงราคาแต่ละห้องมาให้เสร็จสรรพ เราก็เลือกห้องพิเศษ VIP ไป เค้าก็แจ้งว่าจะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติมจากสิทธิ์ที่มีอยู่นะ ประเมินค่าใช้จ่ายให้คร่าวๆว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท เราก็โอเค รับทราบ ไม่มีปัญหาอะไร ชิวๆไป ซึ่งขั้นตอนแรกที่เล่ามานี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่ถึง 15 นาที
ประมาณ 8:17 น. คุณหมอก็มาอธิบายว่า "เดี๋ยวจะเหน็บยาให้นะคะ เมื่อเหน็บแล้วห้ามลุกเดิน ห้ามเข้าห้องน้ำ 2 ชั่วโมง แล้วซักประมาณ 11 โมงกว่าๆหมอจะขูดมดลูกให้ ช่วงรอยาออกฤทธิ์ อาจมีการหนาวสั่น เหมือนเป็นไข้ อาจปวดท้องเหมือนปวดประจำเดือน และอาจะมีเลือดออกนะ เดี๋ยวหมอจะใช้วิธีดูดออกนะ มันจะดีกว่าขูด เพราะจะเจ็บและเสี่ยงน้อยกว่า" ได้ฟังตอนนั้นเราก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรนะ แล้วหมอก็ถามเราว่า "ทานข้าวเช้ามาหรือยังคะ หิวข้าวมั้ย เดี๋ยวให้พยาบาลเอาข้าวมาให้" ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรก็บอกไปว่าหิว แล้วคุณหมอก็บอกพยาบาลให้เอาข้าวมาให้ แล้วก็จัดการเหน็บยาให้ 2 เม็ด ...อุ๋ย... แสบๆตึงๆติ๊ดนึง พอทนได้อยู่ จากนั้นพยาบาลก็มาวัดไข้ วัดความดันไป ทุกอย่างก็ปกติดี แล้วก็ใส่เข็มน้ำเกลือให้ที่หลังมือเพื่อตอนทำเค้าจะให้ยาทางนี้
ไม่นานนัก ข้าวก็มาเสริฟ แล้วเราก็กินจนอิ่ม แล้วก็มาได้สตินึกเอะใจว่า เอ๊ะ! ทำไมหมอถึงบอกว่าใช้วิธีดูดจะเจ็บน้อยกว่า ถ้าใช้ยาสลบมันจะเจ็บได้ไง แล้วทำไมไม่ให้อดอาหารหล่ะ เลยถามพยาบาลไปว่า "ก่อนทำ ไม่ต้องอดอาหารเหรอคะ" พยาบาลก็ตอบว่า "ไม่ต้องอดก็ได้ค่ะ เพราะคุณหมอจะใช้ยาแก้ปวด ร่วมกับยานอนหลับค่ะ" เราก็เริ่มใจตุ้มๆต่อมๆ เอาแล้วไงหล่ะ รู้สึกพลาดที่ไม่ถามแต่แรก แล้วก็ถามไปว่า "ไม่ได้ใช้ยาสลบเหรอคะ แล้วมันจะเจ็บมั้ย" พยาบาลตอบว่า "ยาที่จะให้จะช่วยลดอาการปวดได้อยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวให้ยานอนหลับด้วยเราก็จะสะลึมสะลือก็หลับไปได้เลย ตอนทำอาจจะมีปวดๆนิดหน่อย เหมือนเวลาปวดประจำเดือนแหล่ะ แต่คุณหมอทำไม่นานค่ะ แค่ประมาณ 10-15 นาทีก็เสร็จ ถ้าใช้ยาสลบจะมีผลเสียหลายอย่าง แล้วเวลาตื่นมาอาจจะคลื่นไส้อาเจียนได้" ไอเราก็อึ้งๆไปพักนึง หน้าก็พยักหงึกๆไป แต่ใจยังคงรับไม่ได้กับคำตอบ แต่ก็คิดในแง่ดีว่า เค้าคงเลือกสิ่งที่ดูที่สุดให้เราแหล่ะ ก็แค่เหมือนปวดประจำเดือน คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง
ผ่านไป 2 ชม. พยาบาลมาบอกว่า "อยากเข้าห้องน้ำมั้ย ลุกเข้าห้องน้ำได้แล้วนะถ้าปวด แล้วเช็คให้พยาบาลนิดนึงว่ามีเลือดออกมั้ย" แล้วเราก็ลุกไปเข้าห้องน้ำและออกมาบอกว่า "ไม่มีเลือดเลยค่ะ ไม่ปวดท้องด้วย ไม่รู้สึกอะไรเลย" อีกซักประมาณครึ่ง ชม.ก่อนขึ้นเขียง คุณหมอก็เดินมาถามว่า "มีปวดท้อง มีเลือดออกบ้างหรือยัง" เราก็ตอบเหมือนเดิมว่าไม่มีอาการอะไรเลย คุณหมอเลยบอกว่า "ถ้าไม่มีอาการปวดอะไร ตอนดูดมดลูกอาจจะยากขึ้นนิดนึง ก็อาจจะทำให้ปวดมากขึ้นอีกหน่อยนะ แต่ไม่ต้องกลัว ถ้าฉุกเฉินอะไรเดี๋ยวให้ยาเพิ่มได้" ความรู้สึกตอนนั้นคือโหวงเหวงหวิวๆมาก ตื่นเต้น แต่ก็คิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดหล่ะคราวนี้
แล้วเวลานั้นก็มาถึง ได้เวลาขึ้นเขียงซักที พยาบาลมาบอกให้ไปปัสสาวะทิ้ง 1 รอบแล้วบอกให้ไปขึ้นเตียง พอเราขึ้นเตียงปุ๊บเค้าก็มาจัดท่าจัดทางนู่นนี่นั่น เอาผ้ามาปิดตาเรา แล้วก็ให้ยาแก้ปวดกับยานอนหลับทางสายน้ำเกลือที่เสียบไว้ รู้สึกแสบมาาาาากกกกกที่หลังมือ แสบเหมือนเส้นเลือดจะระเบิด รู้สึกมีรสชาติแปลกที่โคนลิ้นด้วย ซักพักไม่นานเค้าก็มาถามอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ เราตอบสนองได้ช้ามาก เหมือนคนเมายา เราจำไม่ได้ว่าตอนนั้นหลับไปหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่ได้หลับนะ เพราะเหมือนพอเริ่มทำเราก็รู้สึกตัวทันที ตอนคุณหมอใส่เครื่องมือถ่างช่องคลอดเราก็รู้สึก มีกระตุกหน่อยนึงด้วย แต่พอตอนใช้เครื่องมืดดูดเท่านั้นแหล่ะ ความรู้สึกเจ็บถาโถมเข้ามาเลย เราก็กลั้นใจไม่ร้องโวยวาย แต่ทั้งเท้าทั้งมือนี่เกร็งจิกเตียงแทบจะกระชากเหล็กข้างเตียงให้หลุดเลยทีเดียว ได้ยินเสียงเหมือนไขเครื่องมือดังแกรกๆเหมือนหมุนไขลาน แล้วก็มีเสียงโครกครากเหมือนชิ้นเนื้อถูกดูดออก เราเจ็บจนน้ำตาไหลพราก บิดตัวไปมา ยกมือบอกหมอว่าไม่ไหวแล้ว พอก่อนๆ หมอก็บอกว่า "ใกล้เสร็จแล้วค่า อีกนิดนึงนะ ไม่นานๆเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้ว" แล้วหมอก็ทำต่อไป ได้ยินเสียงแบบนั้นอยู่หลายรอบ เราไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่รู้สึกเหมือนนานแสนนาน เราไม่รู้ว่ามีการฉีดยาเพิ่มให้หรือเปล่า ไม่รู้ว่ามีการใช้เครื่องมือขูดร่วมด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เราอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลา ร้องไห้ออกมาสะอึกสะอื้น T_T ฮือๆ บางช็อตเจ็บจนเสียงร้องหายไปเลย ตัวเกร็งไปทั้งร่าง ยาแก้ปวดไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยานอนหลับก็ไม่ช่วยให้หลับระหว่างทำได้เลย เราคิดในใจว่า...ทำกันถึงขนาดนี้แล้วก็ฆ่ากันเลยเหอะ ไม่ไหวแล้วววววววว.................................
....พอทำเสร็จ เรายังคงร้องไห้อยู่ ความเจ็บไม่มีแล้ว...คิดประชดว่ายาคงออกฤทธิ์แล้วสินะ ไม่ออกฤทธิ์ชาติหน้าไปเลยหล่ะ พยาบาลเปิดผ้าปิดตาเราออก แต่เราหลับตาต่อไปไม่อยากเจอใคร งอนมาก น้ำตาไหลพราก ไม่มีใครพูดอะไรเลย ไม่มีใครถามไถ่ให้กำลังใจหรือปรอบใจเราซักคน เราถูกย้ายมาที่เตียงพักฟื้น เหมือนยานอนหลับกำลังทำงานของมัน เราสะลึมสะลือแล้วก็หลับไป แต่ก็หลับๆตื่นๆ ตื่นมาแทบจะทุกๆ 10 นาทีได้ ซักประมาณบ่ายโมงพยาบาลก็มาบอกว่า "เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่พาไปที่ห้องพักฟื้นชั้น 8 นะ" แล้วก็ให้เราประเมินความพึงพอใจ ขอละไว้แล้วกันว่าเจอแบบนี้เราจะประเมินว่าไง ไม่นานเตียงขนย้ายก็มารับแล้วก็ได้ไปนอนสงบสติอารมณ์ในห้องพักฟื้น
สรุป...
1) งานนี้เราพลาดเองที่ไม่เช็คให้แน่ใจก่อนว่าเขาจะให้ยาสลบหรือไม่
2) ถ้ารู้ว่าจะไม่ให้ยาสลบ เราน่าจะดื้อขอให้เค้าใช้ยาสลบซะ ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ก็ยอม (ไม่รู้ที่นี่ขอแบบนี้ได้หรือเปล่า แต่ถ้ามีคราวหน้าอีก แบบนี้เราไม่เอาแล้ว ไปที่อื่นดีกว่า)
3) เรายังคงรู้สึกดีกับการบริการของหมอและพยาบาลตั้งแต่ก้าวเข้าไปที่ห้องคลอดเซพติกอยู่นะ ยกเว้นตอนขึ้นเขียงนี่แหล่ะที่ทำคนอย่างเรามีน้ำตาได้ ไม่โกรธ แต่งอน สิ่งที่บอกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงต่างกันฟ้ากะเหว
4) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 9,600 บาท จ่ายเอง 3,500 บาทนิดๆ
สุดท้าย อันนี้ไม่เกี่ยวเท่าไหร่ แต่อยากเล่าเผื่อใครจะคลอดที่ศิริราชแล้วกำลังคิดอยู่ว่าจะเลือกห้องไหนดี ห้องพักฟื้นหลังคลอดที่เป็นห้องเดี่ยวมี 2 ชั้นคือชั้น 8 และชั้น 14 เราอยู่มาครบทุกแบบแล้ว
1) ห้องพิเศษ VIP อยู่ชั้น 8 ราคา 3,500 บาท (ราคาล่าสุดปีนี้) ห้องตกแต่งสวยด้วยวัสดุลายไม้ ดูดีมีชาติตระกูลลูกเล่นเยอะ แต่ชั้น 8 มันไม่สูงพอที่จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้เต็มๆเพราะมีตึกอื่นที่สูงกว่าบังอยู่
2) ห้องพิเศษเดี่ยว ชั้น 14 มี 2 ราคา (เป็นราคาที่เราไปอยู่เมื่อปลายปี 58) คือ
2.1) ราคา 2,000 บาท ขนาดห้องเล็กกว่า VIP ติ๊ดเดียว ไม่ตกแต่งอะไรมาก ทาสีเรียบๆ แต่มีเฟอร์นิเจอร์เกือบครบ ขาดแค่โต๊ะทานข้าวสำหรับญาติ เห็นวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน (เราได้อยู่ฝั่งที่เห็นพระบรมมหาราชวังด้วย สวยมากๆ)
2.2) ราคา 2,500 บาท ขนาดห้องกว้างขวางมากใหญ่กว่า VIP และห้อง 2,000 สองเท่า มีทุกอย่างครอบเหมือนห้อง VIP ยกเว้นการตกแต่งที่เป็นการทาสีธรรมดาไม่หรูมาก แต่สะอาดสะอ้าน มีโซฟายาวตั้ง 2 ชุด ญาตินอนเฝ้าได้ 2 คนเลย ถ้าจำไม่ผิดห้องนี้จะมีแค่ 2 ห้อง ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนรามา เห็นพระบรมมหาราชวังเต็มๆอีกเช่นกัน
เรื่องอาหารและการบริการของพยาบาล แม้จะราคาต่างกันแต่บริการไม่ต่างกันเลยค่ะ อาหารเหมือนกัน ภาชนะเหมือนกัน เคยได้ยินว่าห้องชั้น 8 พยาบาลจะอายุไม่มาก คัดน่าตาดีๆบุคลิกดีๆมาทั้งนั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยค่ะ มีทั้งอายุน้อยอายุมากคละกันไป การบริการดี พูดเพราะ ใจดีเท่าๆกันค่ะ
มาเล่าประสบการณ์การขูดมดลูกที่ศิริราชค่ะ
เราไปถึงตรงเวลาเป๊ะ เมื่อเข้าไปถึงห้องคลอดเซพติก พยาบาลก็ให้เปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนรองเท้า ตรวจปัสสาวะ แล้วก็มีคุณหมอ/พยาบาลมาถามอาการต่างๆ และซักประวัติ เราก็แจ้งไปว่า เราไม่มีอาการปวดท้องเลย ไม่มีเลือดออก อาการแพ้ท้องก็ไม่มี ไม่คลื่นไส้อาเจียน มีแค่รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียตลอดช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์
หลังจากซักประวัติต่างๆ เค้าก็แจ้งว่าหลังขูดมดลูกจะให้พักฟื้น 1 คืน แล้วถามเราว่าใช้สิทธิ์อะไรหรือเปล่า เราบอกไปว่า "ใช้สิทธิ์ประกันสังคมศิริราชค่ะ" จากนั้นให้เราเลือกห้องพักฟื้นว่าอยู่ห้องแบบไหน แจงราคาแต่ละห้องมาให้เสร็จสรรพ เราก็เลือกห้องพิเศษ VIP ไป เค้าก็แจ้งว่าจะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติมจากสิทธิ์ที่มีอยู่นะ ประเมินค่าใช้จ่ายให้คร่าวๆว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท เราก็โอเค รับทราบ ไม่มีปัญหาอะไร ชิวๆไป ซึ่งขั้นตอนแรกที่เล่ามานี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่ถึง 15 นาที
ประมาณ 8:17 น. คุณหมอก็มาอธิบายว่า "เดี๋ยวจะเหน็บยาให้นะคะ เมื่อเหน็บแล้วห้ามลุกเดิน ห้ามเข้าห้องน้ำ 2 ชั่วโมง แล้วซักประมาณ 11 โมงกว่าๆหมอจะขูดมดลูกให้ ช่วงรอยาออกฤทธิ์ อาจมีการหนาวสั่น เหมือนเป็นไข้ อาจปวดท้องเหมือนปวดประจำเดือน และอาจะมีเลือดออกนะ เดี๋ยวหมอจะใช้วิธีดูดออกนะ มันจะดีกว่าขูด เพราะจะเจ็บและเสี่ยงน้อยกว่า" ได้ฟังตอนนั้นเราก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรนะ แล้วหมอก็ถามเราว่า "ทานข้าวเช้ามาหรือยังคะ หิวข้าวมั้ย เดี๋ยวให้พยาบาลเอาข้าวมาให้" ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรก็บอกไปว่าหิว แล้วคุณหมอก็บอกพยาบาลให้เอาข้าวมาให้ แล้วก็จัดการเหน็บยาให้ 2 เม็ด ...อุ๋ย... แสบๆตึงๆติ๊ดนึง พอทนได้อยู่ จากนั้นพยาบาลก็มาวัดไข้ วัดความดันไป ทุกอย่างก็ปกติดี แล้วก็ใส่เข็มน้ำเกลือให้ที่หลังมือเพื่อตอนทำเค้าจะให้ยาทางนี้
ไม่นานนัก ข้าวก็มาเสริฟ แล้วเราก็กินจนอิ่ม แล้วก็มาได้สตินึกเอะใจว่า เอ๊ะ! ทำไมหมอถึงบอกว่าใช้วิธีดูดจะเจ็บน้อยกว่า ถ้าใช้ยาสลบมันจะเจ็บได้ไง แล้วทำไมไม่ให้อดอาหารหล่ะ เลยถามพยาบาลไปว่า "ก่อนทำ ไม่ต้องอดอาหารเหรอคะ" พยาบาลก็ตอบว่า "ไม่ต้องอดก็ได้ค่ะ เพราะคุณหมอจะใช้ยาแก้ปวด ร่วมกับยานอนหลับค่ะ" เราก็เริ่มใจตุ้มๆต่อมๆ เอาแล้วไงหล่ะ รู้สึกพลาดที่ไม่ถามแต่แรก แล้วก็ถามไปว่า "ไม่ได้ใช้ยาสลบเหรอคะ แล้วมันจะเจ็บมั้ย" พยาบาลตอบว่า "ยาที่จะให้จะช่วยลดอาการปวดได้อยู่แล้วค่ะ เดี๋ยวให้ยานอนหลับด้วยเราก็จะสะลึมสะลือก็หลับไปได้เลย ตอนทำอาจจะมีปวดๆนิดหน่อย เหมือนเวลาปวดประจำเดือนแหล่ะ แต่คุณหมอทำไม่นานค่ะ แค่ประมาณ 10-15 นาทีก็เสร็จ ถ้าใช้ยาสลบจะมีผลเสียหลายอย่าง แล้วเวลาตื่นมาอาจจะคลื่นไส้อาเจียนได้" ไอเราก็อึ้งๆไปพักนึง หน้าก็พยักหงึกๆไป แต่ใจยังคงรับไม่ได้กับคำตอบ แต่ก็คิดในแง่ดีว่า เค้าคงเลือกสิ่งที่ดูที่สุดให้เราแหล่ะ ก็แค่เหมือนปวดประจำเดือน คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง
ผ่านไป 2 ชม. พยาบาลมาบอกว่า "อยากเข้าห้องน้ำมั้ย ลุกเข้าห้องน้ำได้แล้วนะถ้าปวด แล้วเช็คให้พยาบาลนิดนึงว่ามีเลือดออกมั้ย" แล้วเราก็ลุกไปเข้าห้องน้ำและออกมาบอกว่า "ไม่มีเลือดเลยค่ะ ไม่ปวดท้องด้วย ไม่รู้สึกอะไรเลย" อีกซักประมาณครึ่ง ชม.ก่อนขึ้นเขียง คุณหมอก็เดินมาถามว่า "มีปวดท้อง มีเลือดออกบ้างหรือยัง" เราก็ตอบเหมือนเดิมว่าไม่มีอาการอะไรเลย คุณหมอเลยบอกว่า "ถ้าไม่มีอาการปวดอะไร ตอนดูดมดลูกอาจจะยากขึ้นนิดนึง ก็อาจจะทำให้ปวดมากขึ้นอีกหน่อยนะ แต่ไม่ต้องกลัว ถ้าฉุกเฉินอะไรเดี๋ยวให้ยาเพิ่มได้" ความรู้สึกตอนนั้นคือโหวงเหวงหวิวๆมาก ตื่นเต้น แต่ก็คิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดหล่ะคราวนี้
แล้วเวลานั้นก็มาถึง ได้เวลาขึ้นเขียงซักที พยาบาลมาบอกให้ไปปัสสาวะทิ้ง 1 รอบแล้วบอกให้ไปขึ้นเตียง พอเราขึ้นเตียงปุ๊บเค้าก็มาจัดท่าจัดทางนู่นนี่นั่น เอาผ้ามาปิดตาเรา แล้วก็ให้ยาแก้ปวดกับยานอนหลับทางสายน้ำเกลือที่เสียบไว้ รู้สึกแสบมาาาาากกกกกที่หลังมือ แสบเหมือนเส้นเลือดจะระเบิด รู้สึกมีรสชาติแปลกที่โคนลิ้นด้วย ซักพักไม่นานเค้าก็มาถามอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ เราตอบสนองได้ช้ามาก เหมือนคนเมายา เราจำไม่ได้ว่าตอนนั้นหลับไปหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่ได้หลับนะ เพราะเหมือนพอเริ่มทำเราก็รู้สึกตัวทันที ตอนคุณหมอใส่เครื่องมือถ่างช่องคลอดเราก็รู้สึก มีกระตุกหน่อยนึงด้วย แต่พอตอนใช้เครื่องมืดดูดเท่านั้นแหล่ะ ความรู้สึกเจ็บถาโถมเข้ามาเลย เราก็กลั้นใจไม่ร้องโวยวาย แต่ทั้งเท้าทั้งมือนี่เกร็งจิกเตียงแทบจะกระชากเหล็กข้างเตียงให้หลุดเลยทีเดียว ได้ยินเสียงเหมือนไขเครื่องมือดังแกรกๆเหมือนหมุนไขลาน แล้วก็มีเสียงโครกครากเหมือนชิ้นเนื้อถูกดูดออก เราเจ็บจนน้ำตาไหลพราก บิดตัวไปมา ยกมือบอกหมอว่าไม่ไหวแล้ว พอก่อนๆ หมอก็บอกว่า "ใกล้เสร็จแล้วค่า อีกนิดนึงนะ ไม่นานๆเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้ว" แล้วหมอก็ทำต่อไป ได้ยินเสียงแบบนั้นอยู่หลายรอบ เราไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่รู้สึกเหมือนนานแสนนาน เราไม่รู้ว่ามีการฉีดยาเพิ่มให้หรือเปล่า ไม่รู้ว่ามีการใช้เครื่องมือขูดร่วมด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เราอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลา ร้องไห้ออกมาสะอึกสะอื้น T_T ฮือๆ บางช็อตเจ็บจนเสียงร้องหายไปเลย ตัวเกร็งไปทั้งร่าง ยาแก้ปวดไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยานอนหลับก็ไม่ช่วยให้หลับระหว่างทำได้เลย เราคิดในใจว่า...ทำกันถึงขนาดนี้แล้วก็ฆ่ากันเลยเหอะ ไม่ไหวแล้วววววววว.................................
....พอทำเสร็จ เรายังคงร้องไห้อยู่ ความเจ็บไม่มีแล้ว...คิดประชดว่ายาคงออกฤทธิ์แล้วสินะ ไม่ออกฤทธิ์ชาติหน้าไปเลยหล่ะ พยาบาลเปิดผ้าปิดตาเราออก แต่เราหลับตาต่อไปไม่อยากเจอใคร งอนมาก น้ำตาไหลพราก ไม่มีใครพูดอะไรเลย ไม่มีใครถามไถ่ให้กำลังใจหรือปรอบใจเราซักคน เราถูกย้ายมาที่เตียงพักฟื้น เหมือนยานอนหลับกำลังทำงานของมัน เราสะลึมสะลือแล้วก็หลับไป แต่ก็หลับๆตื่นๆ ตื่นมาแทบจะทุกๆ 10 นาทีได้ ซักประมาณบ่ายโมงพยาบาลก็มาบอกว่า "เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่พาไปที่ห้องพักฟื้นชั้น 8 นะ" แล้วก็ให้เราประเมินความพึงพอใจ ขอละไว้แล้วกันว่าเจอแบบนี้เราจะประเมินว่าไง ไม่นานเตียงขนย้ายก็มารับแล้วก็ได้ไปนอนสงบสติอารมณ์ในห้องพักฟื้น
สรุป...
1) งานนี้เราพลาดเองที่ไม่เช็คให้แน่ใจก่อนว่าเขาจะให้ยาสลบหรือไม่
2) ถ้ารู้ว่าจะไม่ให้ยาสลบ เราน่าจะดื้อขอให้เค้าใช้ยาสลบซะ ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ก็ยอม (ไม่รู้ที่นี่ขอแบบนี้ได้หรือเปล่า แต่ถ้ามีคราวหน้าอีก แบบนี้เราไม่เอาแล้ว ไปที่อื่นดีกว่า)
3) เรายังคงรู้สึกดีกับการบริการของหมอและพยาบาลตั้งแต่ก้าวเข้าไปที่ห้องคลอดเซพติกอยู่นะ ยกเว้นตอนขึ้นเขียงนี่แหล่ะที่ทำคนอย่างเรามีน้ำตาได้ ไม่โกรธ แต่งอน สิ่งที่บอกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงต่างกันฟ้ากะเหว
4) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 9,600 บาท จ่ายเอง 3,500 บาทนิดๆ
สุดท้าย อันนี้ไม่เกี่ยวเท่าไหร่ แต่อยากเล่าเผื่อใครจะคลอดที่ศิริราชแล้วกำลังคิดอยู่ว่าจะเลือกห้องไหนดี ห้องพักฟื้นหลังคลอดที่เป็นห้องเดี่ยวมี 2 ชั้นคือชั้น 8 และชั้น 14 เราอยู่มาครบทุกแบบแล้ว
1) ห้องพิเศษ VIP อยู่ชั้น 8 ราคา 3,500 บาท (ราคาล่าสุดปีนี้) ห้องตกแต่งสวยด้วยวัสดุลายไม้ ดูดีมีชาติตระกูลลูกเล่นเยอะ แต่ชั้น 8 มันไม่สูงพอที่จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้เต็มๆเพราะมีตึกอื่นที่สูงกว่าบังอยู่
2) ห้องพิเศษเดี่ยว ชั้น 14 มี 2 ราคา (เป็นราคาที่เราไปอยู่เมื่อปลายปี 58) คือ
2.1) ราคา 2,000 บาท ขนาดห้องเล็กกว่า VIP ติ๊ดเดียว ไม่ตกแต่งอะไรมาก ทาสีเรียบๆ แต่มีเฟอร์นิเจอร์เกือบครบ ขาดแค่โต๊ะทานข้าวสำหรับญาติ เห็นวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน (เราได้อยู่ฝั่งที่เห็นพระบรมมหาราชวังด้วย สวยมากๆ)
2.2) ราคา 2,500 บาท ขนาดห้องกว้างขวางมากใหญ่กว่า VIP และห้อง 2,000 สองเท่า มีทุกอย่างครอบเหมือนห้อง VIP ยกเว้นการตกแต่งที่เป็นการทาสีธรรมดาไม่หรูมาก แต่สะอาดสะอ้าน มีโซฟายาวตั้ง 2 ชุด ญาตินอนเฝ้าได้ 2 คนเลย ถ้าจำไม่ผิดห้องนี้จะมีแค่ 2 ห้อง ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนรามา เห็นพระบรมมหาราชวังเต็มๆอีกเช่นกัน
เรื่องอาหารและการบริการของพยาบาล แม้จะราคาต่างกันแต่บริการไม่ต่างกันเลยค่ะ อาหารเหมือนกัน ภาชนะเหมือนกัน เคยได้ยินว่าห้องชั้น 8 พยาบาลจะอายุไม่มาก คัดน่าตาดีๆบุคลิกดีๆมาทั้งนั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยค่ะ มีทั้งอายุน้อยอายุมากคละกันไป การบริการดี พูดเพราะ ใจดีเท่าๆกันค่ะ