11 ปีที่ผมใช้มือถือ Samsung โดยไม่เคยเปลี่ยนยี่ห้อ ที่ผ่านมาไม่ว่าใครจะว่าไม่ดียังไงผมก็ไม่สนใจเพราะมันตอบโจทย์ที่สุด ผมต้องทะเลาะกับคนมากมายที่เกลียดยี่ห้อนี้เพื่อบอกข้อดีของมัน กระทั่งล่าสุดซื้อ Samsung galaxy S7 Edge ที่ศูนย์ซัมซุงสาขาเชียงใหม่ ผมจึงเปลี่ยนความคิดอย่างสิ้นเชิง
ครั้งที่ 1
พนักงานเเกะกล่องมาต่อหน้าผมเจอตำหนิที่ขอบเห็นชัดเจน ผมเริ่มตะหงิดใจว่ามือถือเรือธงรุ่นท็อปทำไมมีdefectแบบนี้ เเต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะพนักงานก็เปลี่ยนกล่องใหม่ทันที
ครั้งที่ 2
ผมใช้งานอย่างทะนุถนอมไม่มีเเม้รอยขนเเมว ผ่านไปประมาณ 2 เดือน อยู่ดีๆหน้าจอกระพริบเป็นขอบสีขาวเเนวขวางสว่างจ้าจนดูไม่ได้ เกิดขึ้นเป็นพักๆเเล้วหายเอง บางทีมีขีดสีเขียวด้วย และเวลาถ่ายวีดีโอตอนเริ่มต้นภาพจะกระตุก ผมจึงเอาไปเคลมที่ศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่ สาขาคูเมือง ส่งเคลมไป 5 - 6 วันทำเสร็จเเล้วเเต่พนักงานไม่เคยโทรเเจ้งทั้งๆที่บอกเองว่าเสร็จจะโทรเเจ้ง ถ้าไม่โทรตามเองจะไม่รู้เลย ผลออกมาไม่พบสิ่งผิดปกติจึงไม่ได้เปลี่ยนอะไร ทำให้ผมเสียเวลา เสียอารมณ์มาก มือถือสำรองก็ไม่ได้มีให้เหมือนที่โฆษณาว่ามี Samsung Butler
ครั้งที่ 3
ใช้ไปไม่กี่วันอาการเดิมก็กลับมา คราวนี้เเถบสว่างกระพริบค้างไปครึ่งจอ ผมเอาไปส่งเคลมเป็นครั้งที่ 2 พนักงานรีบรับเครื่องทันทีเพราะเห็นจะๆว่ามันมีปัญหา ผ่านไปหลายวันก็ไปรับของ พนักงานเเจ้งว่าได้เปลี่ยนทั้งแบ็ตเตอร์รี่และบอร์ดต่างๆเเล้ว ผมเลยสบายใจคิดว่าคงจบปัญหาละ
ครั้งที่ 4
ใช้ไปประมาณ 2 อาทิตย์ น้ำเข้า! ทั้งๆที่ไม่ได้เอาจุ่มน้ำ แค่โดนน้ำฝนแป๊บเดียว ซึ่งตามคุณสมบัติจุดขายของมันคือกันน้ำแบบเเช่ได้ทั้งเครื่อง ปรากฏว่าน้ำขังในเลนส์กล้องทั้งหน้าหลัง ผมจึงเอาไปเคลม คราวนี้นั่งรอรับเลย พนักงานบอกว่าก่อนส่งมอบงานได้ทดสอบด้วยโปรเเกรมเเล้วว่ากันน้ำเข้าได้ ต่อมาบอกว่าน้ำคงเข้าที่ถาดเสียบ SIM Card ตรงบริเวณขอบยาง ซึ่งผมไม่เคยเปิดตั้งเเต่ซื้อมา เพราะฉะนั้นมันต้องเกิดจากการประกอบของพนักงาน สิ่งที่น่าตกใจคือทุกครั้งที่พนักงานเปิดช่องนี้ไม่มีการกดeject เพื่อdisconnect SD card แต่เอาเข็มจิ้มทันที ซึ่งทำให้Micro SD cardของผมเสียหายเพราะข้อมูลยังเชื่อมต่อกันอยู่ พอพนักงานเปิดให้ดูก็พบว่าข้างในมีน้ำขัง และแก้ปัญหาโดยการเอาถาดSIMอันอื่นใส่ให้เเทน ไม่มีการขอโทษอะไรทั้งสิ้น
ครั้งที่ 5
ใช้ไปไม่ถึงอาทิตย์ น้ำเข้าเหมือนเดิม เเถมคราวนี้หน้าจอเป็นเเถบกระพริบยิ่งกว่าตอนเเรก สว่างไปครึ่งจอจนมองไม่ได้ ผมไปศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่ สาขาคูเมืองอีกครั้ง คราวนี้พนักงานดูเเล้วคงซ่อมไม่ได้ จึงบอกว่าสามารถทำเรื่องคืนเงินได้ ผมเลยตกลงตามนั้น โดยพนักงานเเจ้งว่าจะใช้เวลาราวๆ 15 - 25 วันถึงจะได้เช็คเอาไปขึ้นเงิน ขอหลักฐานใบเสร็จรับเงินเเละบัญชีธนาคารด้วย ผมก็จัดการให้ตามนั้นเเละสบายใจว่าอย่างน้อยบริษัทก็มีความรับผิดชอบ
ครั้งที่ 6 - 10 (และอาจไม่สิ้นสุด)
ผ่านไป 30 วัน เลยกำหนดการรับเงินเเล้วยังไม่มีการเเจ้งกลับใดๆ ผมโทรไปหลายสิบครั้งทั้งเบอร์มือถือ เบอร์office เบอร์พนักงาน line ฯลฯ ติดต่อยากเย็นเเสนสาหัสเหมือนบริษัทไม่มีตัวตน สุดท้ายพนักงานลูกค้าสัมพันธ์บอกว่ายังไม่ได้เช็คต้องรอทางกรุงเทพฯส่งมา แต่ก็ประสานไปเเล้ว ซึ่งถ้าผมไม่โทรตามก็จะไม่รู้เลยเพราะไม่มีการบอกกล่าวใดๆ นับตั้งเเต่วันนั้นถึงตอนนี้ ศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่สาขาคูเมือง ก็เลื่อนการคืนเงินมาโดยตลอดไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง โดยการเลื่อนเเต่ละครั้งเว้นระยะห่างเเบบไม่น่าให้อภัย คือไม่ต่ำ 2-3 อาทิตย์ และทุกครั้งผมต้องเป็นฝ่ายโทรตามเอง ไม่มีการขอโทษหรือชี้เเจงอะไรให้สบายใจ สุดท้ายโยนให้ผมติดต่อทางกรุงเทพเอง ซึ่งไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งก็ไม่ติด เเละพอโทรติดcall centerก็พูดซ้ำๆเป็นpatternเดียวกันว่าจะรับเรื่องเเละประสานงานให้ เเต่ก็ไม่มีการติดต่อกลับใดๆ หลายครั้งให้รอเป็นครึ่งชั่วโมงจนสายตัด พอโทรกลับก็เป็นคนใหม่ต้องเล่าเรื่องซ้ำ ผมจึงทนไม่ไหวขอเบอร์ผู้จัดการศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่สาขาคูเมืองและโทรหาโดยตรง เล่าเรื่องราวทั้งหมด เธอก็ขอโทษขอโพยเเละบอกว่าจะตามเรื่องให้ ผ่านไป 2-3 วันเธอบอกว่าผมจะได้รับเช็ควันที่ 24 พ.ย. ซึ่งต้องรออีกเดือนนึงในเวลานั้น ผมทนใช้มือถือที่หน้าจอติดๆดับๆสว่างจนมองไม่ได้มาเดือนนึงจนกระทั่งวันนี้ศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่สาขาคูเมืองก็ไม่มีการติดต่อกลับ ผมจึงโทรถามผู้จัดการสาขา เธอกลับบอกว่าประชุมอยู่ที่ชะอำเเละจะให้พนักงานติดต่อกลับ ผ่านไปหลายชั่วโมงพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ผู้ชายคนเดิมบอกว่า เช็คมาเเล้วเเต่ไม่มีชื่อผม ต้องรอรอบต่อไปคือวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งก็ไม่เเน่ใจว่าจะมีของผมมั้ย สรุปคือผมต้องรอโดยไม่มีจุดหมายเป็นครั้งที่สิบ ผมโทรหาผู้จัดการศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่สาขาคูเมืองอีกนับครั้งไม่ถ้วน คราวนี้ไม่รับสายไม่โทรกลับแม้จะฝากข้อความไว้ และเเจ้งไปที่official fanpage ของ Samsung mobile Thailand ทั้ง inbox และโพสต์ในหน้าวอลล์ ก็ได้รับคำตอบเดิมๆคือขอช้อมูลเพื่อจะประสานงานให้ เเละก็เงียบหายไป
เมื่อ Samsung Galaxy S7 Edge เจอdefect ผมจึงได้รับบริการอย่างนี้
ครั้งที่ 1
พนักงานเเกะกล่องมาต่อหน้าผมเจอตำหนิที่ขอบเห็นชัดเจน ผมเริ่มตะหงิดใจว่ามือถือเรือธงรุ่นท็อปทำไมมีdefectแบบนี้ เเต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะพนักงานก็เปลี่ยนกล่องใหม่ทันที
ครั้งที่ 2
ผมใช้งานอย่างทะนุถนอมไม่มีเเม้รอยขนเเมว ผ่านไปประมาณ 2 เดือน อยู่ดีๆหน้าจอกระพริบเป็นขอบสีขาวเเนวขวางสว่างจ้าจนดูไม่ได้ เกิดขึ้นเป็นพักๆเเล้วหายเอง บางทีมีขีดสีเขียวด้วย และเวลาถ่ายวีดีโอตอนเริ่มต้นภาพจะกระตุก ผมจึงเอาไปเคลมที่ศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่ สาขาคูเมือง ส่งเคลมไป 5 - 6 วันทำเสร็จเเล้วเเต่พนักงานไม่เคยโทรเเจ้งทั้งๆที่บอกเองว่าเสร็จจะโทรเเจ้ง ถ้าไม่โทรตามเองจะไม่รู้เลย ผลออกมาไม่พบสิ่งผิดปกติจึงไม่ได้เปลี่ยนอะไร ทำให้ผมเสียเวลา เสียอารมณ์มาก มือถือสำรองก็ไม่ได้มีให้เหมือนที่โฆษณาว่ามี Samsung Butler
ครั้งที่ 3
ใช้ไปไม่กี่วันอาการเดิมก็กลับมา คราวนี้เเถบสว่างกระพริบค้างไปครึ่งจอ ผมเอาไปส่งเคลมเป็นครั้งที่ 2 พนักงานรีบรับเครื่องทันทีเพราะเห็นจะๆว่ามันมีปัญหา ผ่านไปหลายวันก็ไปรับของ พนักงานเเจ้งว่าได้เปลี่ยนทั้งแบ็ตเตอร์รี่และบอร์ดต่างๆเเล้ว ผมเลยสบายใจคิดว่าคงจบปัญหาละ
ครั้งที่ 4
ใช้ไปประมาณ 2 อาทิตย์ น้ำเข้า! ทั้งๆที่ไม่ได้เอาจุ่มน้ำ แค่โดนน้ำฝนแป๊บเดียว ซึ่งตามคุณสมบัติจุดขายของมันคือกันน้ำแบบเเช่ได้ทั้งเครื่อง ปรากฏว่าน้ำขังในเลนส์กล้องทั้งหน้าหลัง ผมจึงเอาไปเคลม คราวนี้นั่งรอรับเลย พนักงานบอกว่าก่อนส่งมอบงานได้ทดสอบด้วยโปรเเกรมเเล้วว่ากันน้ำเข้าได้ ต่อมาบอกว่าน้ำคงเข้าที่ถาดเสียบ SIM Card ตรงบริเวณขอบยาง ซึ่งผมไม่เคยเปิดตั้งเเต่ซื้อมา เพราะฉะนั้นมันต้องเกิดจากการประกอบของพนักงาน สิ่งที่น่าตกใจคือทุกครั้งที่พนักงานเปิดช่องนี้ไม่มีการกดeject เพื่อdisconnect SD card แต่เอาเข็มจิ้มทันที ซึ่งทำให้Micro SD cardของผมเสียหายเพราะข้อมูลยังเชื่อมต่อกันอยู่ พอพนักงานเปิดให้ดูก็พบว่าข้างในมีน้ำขัง และแก้ปัญหาโดยการเอาถาดSIMอันอื่นใส่ให้เเทน ไม่มีการขอโทษอะไรทั้งสิ้น
ครั้งที่ 5
ใช้ไปไม่ถึงอาทิตย์ น้ำเข้าเหมือนเดิม เเถมคราวนี้หน้าจอเป็นเเถบกระพริบยิ่งกว่าตอนเเรก สว่างไปครึ่งจอจนมองไม่ได้ ผมไปศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่ สาขาคูเมืองอีกครั้ง คราวนี้พนักงานดูเเล้วคงซ่อมไม่ได้ จึงบอกว่าสามารถทำเรื่องคืนเงินได้ ผมเลยตกลงตามนั้น โดยพนักงานเเจ้งว่าจะใช้เวลาราวๆ 15 - 25 วันถึงจะได้เช็คเอาไปขึ้นเงิน ขอหลักฐานใบเสร็จรับเงินเเละบัญชีธนาคารด้วย ผมก็จัดการให้ตามนั้นเเละสบายใจว่าอย่างน้อยบริษัทก็มีความรับผิดชอบ
ครั้งที่ 6 - 10 (และอาจไม่สิ้นสุด)
ผ่านไป 30 วัน เลยกำหนดการรับเงินเเล้วยังไม่มีการเเจ้งกลับใดๆ ผมโทรไปหลายสิบครั้งทั้งเบอร์มือถือ เบอร์office เบอร์พนักงาน line ฯลฯ ติดต่อยากเย็นเเสนสาหัสเหมือนบริษัทไม่มีตัวตน สุดท้ายพนักงานลูกค้าสัมพันธ์บอกว่ายังไม่ได้เช็คต้องรอทางกรุงเทพฯส่งมา แต่ก็ประสานไปเเล้ว ซึ่งถ้าผมไม่โทรตามก็จะไม่รู้เลยเพราะไม่มีการบอกกล่าวใดๆ นับตั้งเเต่วันนั้นถึงตอนนี้ ศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่สาขาคูเมือง ก็เลื่อนการคืนเงินมาโดยตลอดไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง โดยการเลื่อนเเต่ละครั้งเว้นระยะห่างเเบบไม่น่าให้อภัย คือไม่ต่ำ 2-3 อาทิตย์ และทุกครั้งผมต้องเป็นฝ่ายโทรตามเอง ไม่มีการขอโทษหรือชี้เเจงอะไรให้สบายใจ สุดท้ายโยนให้ผมติดต่อทางกรุงเทพเอง ซึ่งไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งก็ไม่ติด เเละพอโทรติดcall centerก็พูดซ้ำๆเป็นpatternเดียวกันว่าจะรับเรื่องเเละประสานงานให้ เเต่ก็ไม่มีการติดต่อกลับใดๆ หลายครั้งให้รอเป็นครึ่งชั่วโมงจนสายตัด พอโทรกลับก็เป็นคนใหม่ต้องเล่าเรื่องซ้ำ ผมจึงทนไม่ไหวขอเบอร์ผู้จัดการศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่สาขาคูเมืองและโทรหาโดยตรง เล่าเรื่องราวทั้งหมด เธอก็ขอโทษขอโพยเเละบอกว่าจะตามเรื่องให้ ผ่านไป 2-3 วันเธอบอกว่าผมจะได้รับเช็ควันที่ 24 พ.ย. ซึ่งต้องรออีกเดือนนึงในเวลานั้น ผมทนใช้มือถือที่หน้าจอติดๆดับๆสว่างจนมองไม่ได้มาเดือนนึงจนกระทั่งวันนี้ศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่สาขาคูเมืองก็ไม่มีการติดต่อกลับ ผมจึงโทรถามผู้จัดการสาขา เธอกลับบอกว่าประชุมอยู่ที่ชะอำเเละจะให้พนักงานติดต่อกลับ ผ่านไปหลายชั่วโมงพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ผู้ชายคนเดิมบอกว่า เช็คมาเเล้วเเต่ไม่มีชื่อผม ต้องรอรอบต่อไปคือวันที่ 9 ธันวาคม ซึ่งก็ไม่เเน่ใจว่าจะมีของผมมั้ย สรุปคือผมต้องรอโดยไม่มีจุดหมายเป็นครั้งที่สิบ ผมโทรหาผู้จัดการศูนย์ซัมซุงเชียงใหม่สาขาคูเมืองอีกนับครั้งไม่ถ้วน คราวนี้ไม่รับสายไม่โทรกลับแม้จะฝากข้อความไว้ และเเจ้งไปที่official fanpage ของ Samsung mobile Thailand ทั้ง inbox และโพสต์ในหน้าวอลล์ ก็ได้รับคำตอบเดิมๆคือขอช้อมูลเพื่อจะประสานงานให้ เเละก็เงียบหายไป