Finnish Lapland (Finland) EP2 - Rovaniemi (Day 1)

ตอนเก่าๆ

Finnish Lapland (Finland) - เตรียมตัวเดินทาง
http://ppantip.com/topic/35806562

Finnish Lapland (Finland) EP1 - Stockholm (Sweden)
http://ppantip.com/topic/35820238

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/neooakblog




วันนี้ตั้งใจไปถึงสนามบินก่อนหกโมงเช้า เผื่อว่าถ้าหลงไปผิดเทอร์มินอลจะได้ไม่ต้องวิ่งสี่คูณร้อยหาเคาเตอร์เช็คอิน แต่จะให้ตื่นเช้าขนาดไหนก็ไม่มีปัญหา เพราะยังปรับเวลาไม่ได้อยู่แล้ว แค่ตีสามก็ตาสว่างกันหมด



โรงแรมส่วนใหญ่จะให้บริการอาหารเช้า 7-8 โมง ขึ้นไป แต่ที่นี่เป็นแอร์พอร์ตโฮเต็ล ขืนเปิดช้าขนาดนั้น ลูกค้าที่มีไฟลท์เช้าคงเสียสิทธิแย่ เพราะงั้นแค่ตีสี่ก็เตรียมไว้พร้อมสรรพแล้ว ถึงจะเป็นเบรคฟาสต์สไตล์ฝรั่งทั่วๆ ไป แต่ก็จัดว่ามีอาหารหลากหลายกว่าที่คิด





เมื่ออิ่มท้องแล้วก็นั่งชัทเทิลบัสรอบ 5.30 น. มาถึงสนามบินก่อนหกโมงเช้าหน่อยๆ ตามที่แพลนไว้เป๊ะ แต่ปรากฏว่าหาเคาเตอร์เช็คอินเจออย่างรวดเร็ว มองไปยังไม่เห็นพนักงานสักคน จึงต้องหาที่นั่งรอเวลาไปก่อน สักพักเห็นพวกนกรู้เริ่มไปต่อคิวกัน แสดงว่าน่าจะใกล้เปิดเคาเตอร์แล้ว เลยรีบลากกระเป๋าไปต่อคิวมั่งก่อนที่แถวจะยาวขึ้นเรื่อยๆ

ถึงจะบินข้ามประเทศ แต่ก็อยู่ในเครือสหภาพยุโรปเหมือนกัน ขั้นตอนต่างๆ เลยไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่ ประมาณเดียวกับบินไปต่างจังหวัดบ้านเรา



ขึ้นเครื่องวันนี้เป็นคนละเทอร์มินอลกับที่มาถึงเมื่อวาน โดยขนาดจะเล็กกว่า คงเพราะเป็นสายการบินภายในอย่างที่ว่า ร้านค้าดิวตี้ฟรีก็เลยมีแค่พอเป็นกระสัย

สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสวีเดนที่พบตามร้านขายของที่ระลึกทุกแห่งคือม้าแกะสลัก Dala Horse เห็นไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้ แต่ราคาไม่ใช่ถูกๆ นะครับ ลองสืบค้นประวัติดูก็ไม่ได้มีที่มาลึกซึ้งอะไรมาก เริ่มต้นจากคนงานป่าไม้ในสมัยก่อนนิยมแกะสลักเป็นของเล่นฝากลูกฝากหลาน ต่อมามีคนหัวใสเอามาทำการตลาดขายจริงๆ จังๆ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของสวีเดนอย่างทุกวันนี้





จากสตอกโฮล์ม ใช้เวลาบินประมาณ 40 นาที มาแวะรอต่อเครื่องที่สนามบินเฮลซิงกิ แล้วบินต่ออีกชั่วโมงหน่อยๆ ก็ถึงโรวาเนียมี่เวลาบ่ายโมงครึ่งของฟินแลนด์ซึ่งจะเร็วกว่าสวีเดนอยู่ 1 ชั่วโมง



โรวาเนียมี่นับเป็นเมืองหลวงของแลปแลนด์ ตั้งอยู่บริเวณที่เส้นอาร์กติกเซอร์เคิลลากผ่านพอดิบพอดี

โลกของเราแบ่งเส้นรุ้งหรือละติจูดหลักๆ เป็น 5 เส้น เส้นที่สามกึ่งกลางคือเส้นศูนย์สูตรที่เราคุ้นเคยกันดี ส่วนเส้นบนสุดก็คืออาร์กติกเซอร์เคิล เหนือจากเส้นนี้ขึ้นไปจะเป็นดินแดนอาร์กติกที่เป็นจุดเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนและ Polar night (ตรงข้ามกับพระอาทิตย์เที่ยงคืนคือมืดตลอดเวลา) และเป็นบริเวณที่มีโอกาสพบเห็นแสงเหนือได้มาก



สนามบินโรวาเนียมี่เป็นสนามบินเล็กๆ ตอนมาถึงก็มีไฟล์ทเราลงอยู่ไฟล์ทเดียว พอหยิบกระเป๋าสัมภาระเสร็จเรียบร้อย ทั้งผู้โดยสารและพนักงานต่างก็แยกย้ายหายไปหมดจนแทบจะกลายเป็นสนามบินร้าง มองไปบริเวณบูธรถเช่าเหลือพนักงานของ Sixt ยืนโด่เด่อยู่คนเดียว สงสัยคงรอเราอยู่แน่ๆ

ระหว่างเซ็นเอกสาร พนักงานแนะนำให้ซื้อประกันเพิ่มกรณีรถไถลออกข้างทางและต้องเรียกรถช่วยเหลือกับแนะนำให้เหมาค่าน้ำมัน 1 ถัง ไว้ล่วงหน้าในราคาต่อลิตรที่ถูกกว่าท้องตลาด เวลาคืนรถก็เอามาจอดได้เลย ไม่ต้องแวะเติมน้ำมันก่อน เรื่องประกันเราตกลงทันทีเพื่อความสบายใจ แต่สำหรับค่าน้ำมันล่วงหน้านี่คิดแล้วจะคุ้มต่อเมื่อขับจนเกลี้ยงถังจริงๆ เท่านั้น เลยลองบอกแผนการเดินทางของเราให้พนักงานช่วยคิด พี่แกคำนวณดูแล้วบอกว่าคุ้ม ก็เลยตกลงจ่ายเพิ่มอีกสองอย่างรวมเป็นเงินประมาณ 80 ยูโร (ใจง่ายจริงๆ)

ตอนจองกำหนดเวลารับรถไว้บ่ายสามซึ่งต้องรออีกเกือบชั่วโมง แต่เฮียพนักงานบอก “เอาไปเลย ไม่เป็นไร พี่จะกลับบ้านแล้ว รถจอดอยู่ข้างสนามบิน ช่องไหนไม่แน่ใจ ลองหาดูละกัน อ้อ ตอนคืนรถถ้าไม่เจอพนักงานก็จอดทิ้งไว้แล้วเอากุญแจมาหย่อนนะ” ว่าแล้วแกก็เดินดุ่ยๆ จากไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะได้ยินมาก่อนว่าประเทศแถบนี้ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย แต่ไม่นึกว่าจะชิวขนาดนี้



อุณหภูมิที่โรวาเนียมี่ขณะนั้นอยู่ที่ -1 ถึง -2 ดีที่ไม่ค่อยมีลมก็เลยไม่หนาวสะท้านเท่าไหร่ แต่แค่นี้ก็พอมีเกล็ดหิมะเกาะตามริมทางให้เห็นแล้ว นี่ขนาดยังไม่เข้าหน้าหนาวนะ

ตอนจองเลือก Ford Fiesta การันตี GPS แต่ได้เป็น Skoda ห้าประตู กับ GPS แยกใส่กระเป๋าน้อยมาให้แทน

ตอนขับที่ไทยใช้ GPS ของ Garmin อยู่ คิดว่ามาที่นี่ลูบๆ คลำๆ ซะหน่อยก็น่าจะใช้เป็น แต่ปรากฎว่าใส่อะไรไปมันก็ไม่เจอสถานที่ซะที เลยตัดสินใจขับหาโรงแรมเองเลย เพราะดู Google Map มาก่อนหน้าแล้วว่าอยู่ใกล้ๆ

นี่เป็นการขับรถพวงมาลัยซ้ายครั้งแรกในชีวิต จับใหม่ๆ เลยมีอาการหลอนอยู่เหมือนกัน แถมที่ว่าดูทางมาแล้วก็ดันเลี้ยวผิดอยู่ดี กว่าจะวนรถกลับมาได้ทำเอาลุ้นจนเหนื่อย สุดท้ายได้คุณลุงจูงหมาผ่านมาช่วยชี้ทางให้ ไม่งั้นคงได้งงกันอีกพักใหญ่ๆ

ลืมบอกไปว่าการขับรถในฟินแลนด์ต้องเปิดไฟหน้าไว้ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน คงเพราะช่วงมืดสว่างที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในแต่ละฤดูกาล แต่พอขับจริงไม่ต้องห่วงเรื่องนี้มาก เพราะรถที่เช่ามาแค่สตาร์ทเครื่องไฟหน้าก็ติดอัตโนมัติแล้ว







ที่พักคืนนี้อยู่ใน Santa Claus Village ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของโรวาเนียมี่เลย โดยจะเป็นบังกะโลไม้ ตกแต่งสไตล์คริสมาสต์ ทีสำคัญคือมีซาวน่าส่วนตัวให้ด้วย ราคาคืนละ 5,000 บาท เท่านั้นถูกกว่าบังกะโลต่างจังหวัดบ้านเราหลายๆ แห่งด้วยซ้ำ







หลังจากเช็คอินและเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อยก็สี่โมงกว่า ซึ่งใกล้เวลาปิดทำการของ Santa Clause Village แล้ว เลยแค่ออกมาเดินชมบรรยากาศก่อนเที่ยวจริงในวันพรุ่งนี้ โดยไฮไลท์สำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องมาโพสท่าถ่ายรูปกันคือเส้นแสดงแนวของอาร์กติกเซอร์เคิลที่ลากผ่านหมู่บ้านซานต้าแห่งนี้พอดี

แม้จะไม่มีฝน แต่ท้องฟ้าจัดว่ามืดครึ้มสุดๆ สังเกตุได้ตั้งแต่ระหว่างเดินทางมาแล้วว่าเครื่องบินต้องฝ่าเมฆหลายชั้นมากกว่าจะมองเห็นพื้นดิน ฟ้าปิดแบบนี้เรื่องแสงเหนือคงไม่ต้องพูดถึง แถมจากพยากรณ์อากาศเหมือนจะครึ้มไปอีกหลายวัน และที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือพนักงานโรงแรมดันเล่าให้ฟังว่าสัปดาห์ที่แล้วอเมซซิ่งมาก เห็นแสงเหนือกันแทบทุกคืน ฟังแล้วรู้สึกอยากเอาหัวโขกผนังขึ้นมาตะหงิดๆ



ในเมื่อความหวังเลือนลางขนาดนี้ ถ่างตาอยู่ดึกไปก็เสียสุขภาพเปล่าๆ เลยได้แต่ซาวน่าแล้วเข้านอน เอาไว้ค่อยว่ากันใหม่วันพรุ่งนี้

To Be Continued...

Finnish Lapland (Finland) EP3 - Rovaniemi (Day 2)
http://ppantip.com/topic/35887680




https://www.facebook.com/neooakblog
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่