สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ปัจจุบัน เด๊กที่คุณบอก ผมรู้จักประมาณ 10 คนครับ
ณ.ปัจจุบัน ที่อายุราวๆ 34-36
1 คนเรียกว่า ประสพความสำเร็จอย่างสูงครับ
8 คน ประสพความสำเร็จ
1 คนปานกลาง
หลักการมีง่ายๆ ข้อเดียว
เรียนเก่ง = หาเงินได้ครับ
หาเงินได้ = ซื้อทุกอย่างได้ครับ
มีคนนึง ผมสนิทมากๆ ตอนมาอยู่มหาลัย
จานยังล้างไม่เป็น ไม่ล้าง
เสื้อผ้า ไม่ซักแม้กระทั่งชุดชั้นใน เสาร์อาทิตย์ พ่อแม่มาเอาไปซักให้
กับข้าว ไม่ทำ
ชีวิตมีแต่เรียน สังคมไม่เอา (มีแต้น้อย)
ทุกวันนี้ชีวิต success มาก
บ้านอยู่ crystal park
ที่บ้านมี maid 2 คน ครับ
ณ.ปัจจุบัน ที่อายุราวๆ 34-36
1 คนเรียกว่า ประสพความสำเร็จอย่างสูงครับ
8 คน ประสพความสำเร็จ
1 คนปานกลาง
หลักการมีง่ายๆ ข้อเดียว
เรียนเก่ง = หาเงินได้ครับ
หาเงินได้ = ซื้อทุกอย่างได้ครับ
มีคนนึง ผมสนิทมากๆ ตอนมาอยู่มหาลัย
จานยังล้างไม่เป็น ไม่ล้าง
เสื้อผ้า ไม่ซักแม้กระทั่งชุดชั้นใน เสาร์อาทิตย์ พ่อแม่มาเอาไปซักให้
กับข้าว ไม่ทำ
ชีวิตมีแต่เรียน สังคมไม่เอา (มีแต้น้อย)
ทุกวันนี้ชีวิต success มาก
บ้านอยู่ crystal park
ที่บ้านมี maid 2 คน ครับ
ความคิดเห็นที่ 10
เราเป็นเด็กแบบที่คุณว่าอ่ะ แต่ไม่ใช่พ่อแม่ทำให้ มีพี่เลี้ยงทำให้ทุกอย่างตั้งแต่ปลุก เอาเสื้อผ้ามาวางไว้ให้ในห้องนอน ลืมของบ่อยมาก ตารางสอนไม่เคยจัด ว่างก็เล่นเกม ตอนมัธยมเรียนเกือบตกด้วย ไม่เข้าสังคม ไปไงมาไงไม่รู้ พอมหาลัยเริ่มโต ไม่ขยัน แต่มีความรับผิดชอบมากขึ้น เริ่มคบเพื่อนหลากหลาย ส่วนงานบ้านไม่ทำเหมือนเดิม การเรียนช่วงนี้ดี จบ.ป.ตรีปุ้บ ทำงานเลย ทำงานไปสักพักก็รู้ตัวว่าไม่ชอบเรียนหนังสือเลยไม่ได้เรียนต่อโทหรืออะไร
ปัจจุบัน ทำงานอยู่ต่างประเทศด้วยวีซ่า engineer ตอนมาก็อายุ 28 งานบ้านกลายเป็นไฟลท์บังคับ เริ่มต้นด้วยการ google ทุกอย่าง แม้กระทั่งวิธีถูพื้น แรกๆ มีลองผิดลองถูกบ้าง แต่สักพักก็เข้าที่เข้าทางล่ะค่ะ ส่วนเรื่องทำอาหารนี่ระเบิดหม้อ ระเบิดกาน้ำ ระเบิดไมโครเวฟ อะไรไปหลายรอบ ผ่านมาปีนึง ก็เริ่มพาเพื่อนมากินข้าวที่บ้านได้แล้วค่ะ
ถ้าย้ายกลับไทยเมื่อไหร่ คงไม่จ้างแม่บ้านเพราะขี้เกียจดูแลคนแบบที่แม่ทำ แต่จะซื้อเครื่องล้างจาน หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องพับผ้า ใช้เงินซื้อ tool เอา เสื้อผ้าก็เลือกซื้อแบบที่ไม่ต้องรีด ไม่ต้องดูแลมาก
คือถ้าทำงานในสายงานที่หาเงินได้เยอะ ยังไงมันก็เอาตัวรอดได้ สำหรับเราถือว่าเงินเดือนสูงกว่าค่าเฉลี่ยคนในประเทศเค้าด้วย เลยเลือกซื้อของใช้ที่มันคุณภาพดี ทนๆ ใช้ง่าย ถ้าเราเงินน้อย ซื้ออุปกรณ์ดูแลบ้านได้น้อย ต้องลงแรงเองมากๆ อันนั้นชีวิตคงเปลี่ยนไปเยอะ
ปัจจุบัน ทำงานอยู่ต่างประเทศด้วยวีซ่า engineer ตอนมาก็อายุ 28 งานบ้านกลายเป็นไฟลท์บังคับ เริ่มต้นด้วยการ google ทุกอย่าง แม้กระทั่งวิธีถูพื้น แรกๆ มีลองผิดลองถูกบ้าง แต่สักพักก็เข้าที่เข้าทางล่ะค่ะ ส่วนเรื่องทำอาหารนี่ระเบิดหม้อ ระเบิดกาน้ำ ระเบิดไมโครเวฟ อะไรไปหลายรอบ ผ่านมาปีนึง ก็เริ่มพาเพื่อนมากินข้าวที่บ้านได้แล้วค่ะ
ถ้าย้ายกลับไทยเมื่อไหร่ คงไม่จ้างแม่บ้านเพราะขี้เกียจดูแลคนแบบที่แม่ทำ แต่จะซื้อเครื่องล้างจาน หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องพับผ้า ใช้เงินซื้อ tool เอา เสื้อผ้าก็เลือกซื้อแบบที่ไม่ต้องรีด ไม่ต้องดูแลมาก
คือถ้าทำงานในสายงานที่หาเงินได้เยอะ ยังไงมันก็เอาตัวรอดได้ สำหรับเราถือว่าเงินเดือนสูงกว่าค่าเฉลี่ยคนในประเทศเค้าด้วย เลยเลือกซื้อของใช้ที่มันคุณภาพดี ทนๆ ใช้ง่าย ถ้าเราเงินน้อย ซื้ออุปกรณ์ดูแลบ้านได้น้อย ต้องลงแรงเองมากๆ อันนั้นชีวิตคงเปลี่ยนไปเยอะ
ความคิดเห็นที่ 105
อนาคตเด็กที่เจ้าของกระทู้กล่าวถึง จะเป็นอย่างไร ทำนายได้ยาก
เพราะใดใดในโลกล้วนอนิจจัง ที่ว่าแน่นอนที่สุดก็อาจไม่แน่นอน
แต่จากที่บรรยายมา พอจะบอกได้ชัดอย่างหนึ่งว่า....
เจ้าของกระทู้มีกระแสของความอิจฉาริษยาประมาณหนึ่ง
เห็นเขาสุขสบายดีมีคนปรนนิบัติ ก็ร้อนรนทนไม่ได้ ถึงขั้นต้องตั้งกระทู้
อนาคตของคุณ ทำนายได้ว่า หากยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป ชีวิตคุณเองแหละจะไม่มีความสุข
จะจับจ้องหาข้อผิด จะหงุดหงิดรำคาญตา เสียสุขภาพจิตไปทีละนิด ทุกวัน ทุกวัน
เพราะใดใดในโลกล้วนอนิจจัง ที่ว่าแน่นอนที่สุดก็อาจไม่แน่นอน
แต่จากที่บรรยายมา พอจะบอกได้ชัดอย่างหนึ่งว่า....
เจ้าของกระทู้มีกระแสของความอิจฉาริษยาประมาณหนึ่ง
เห็นเขาสุขสบายดีมีคนปรนนิบัติ ก็ร้อนรนทนไม่ได้ ถึงขั้นต้องตั้งกระทู้
อนาคตของคุณ ทำนายได้ว่า หากยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป ชีวิตคุณเองแหละจะไม่มีความสุข
จะจับจ้องหาข้อผิด จะหงุดหงิดรำคาญตา เสียสุขภาพจิตไปทีละนิด ทุกวัน ทุกวัน
ความคิดเห็นที่ 14
อนาคตเดาไม่ออกครับ เด็กที่ว่าอาจจะได้เรื่องมากกว่าลูกเราๆท่านๆที่สอนให้ทำอะไรเป็นแต่เด็กก็ได้ครับ อาจจะได้ดิบได้ดี เป็นเจ้าคนนายคน ส่วนเด็กที่ทำเป็นทุกอย่าง โตไปอาจจะหลงเดินทางผิด ติดยา ติดเพื่อน ทิ้งพ่อทิ้งแม่ เรียกได้ว่าปีกกล้าขาแข็งก็เป็นได้ครับ ... ผลยังไม่ออกอย่าด่วนสรุปอย่าด่วนตีค่าของคนครับ
ตัวเองยังว่ายเข้าฝั่งไม่รอดผมก็ยังไม่กล้าหันหลังไปหัวเราะ ดูแคลน คนที่ว่ายตามมาหรอกครับ
ตัวเองยังว่ายเข้าฝั่งไม่รอดผมก็ยังไม่กล้าหันหลังไปหัวเราะ ดูแคลน คนที่ว่ายตามมาหรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 12
คล้ายๆชีวิตเรา พ่อกับแม่เลี้ยงมาดีมาก ตอนเด็กๆให้เรียนอย่างเดียวจริงๆ
งานบ้านอื่นๆ งานบ้านเกี่ยวกับตัวเอง มีคนทำให้ทั้งหมด
บ้านเราก็ไม่ได้รวยนะ(แต่ไม่ได้ลำบาก) เป็นขรก.ธรรมดาๆ(แต่น่าภูมิใจนะ บ้านเรารับข้าราชการ
อย่างซื่อสัตย์สุจริตไม่เคยคดโกงใครมาตั้งแต่รุ่นคุณตา&ยายแล้ว)
เราพูดได้อย่างมั่นใจว่าเราถูกอบรมมาอย่างดี มีกริยามารยาท
การพูดจา(เราไม่เคยพูดภาษาพ่อขุนด้วยซ้ำ) พุทธศาสนิกชนที่ดี ฯลฯ
คำถามที่ว่าโตมาเป็นคนแบบไหน ก็ปกติทั่วๆไปของสังคมนี่แหละค่ะ
อย่างเราโตมาก็เรียนจุฬาฯในคณะที่คะแนนอันดับต้นๆของสายวิทย์
จบมาก็ทำงานเอกชนรายได้มากค่าค่าเเรงขั้นต่ำของป.ตรีหลายเท่าเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
เพื่อนฝูงสังคมก็คบกันปกติ คนไหนนิสัยดีเข้ากันได้ดีก็คบไปยาวๆ
มีเพื่อนกลุ่มนึงคบกันมา15จะ16ปีแล้ว
เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยก็ทำงานอยู่ด้วยกันบ้าง ไปเที่ยวตจว./ตปทกันบ้างไม่ได้ขาด
เรื่องIQ EQ การใช้ชีวิตของเราไม่มีปัญหานะ
อ่านคหที่8ของคุณLioness แล้วแปลกๆ
จะพูดว่าโลกแคบก็ไม่อยากใช้คำขนาดนั้น เนื่องจากเห็นหน้าค่าตาหลายกระทู้
บางกท.ก็ตอบดีมาก เป็นประโยชน์ต่อคนอ่านอย่างเรา
โลกภายนอกมันมีมุมที่แย่ๆเยอะมากโดยเฉพาะกับผญ. พ่อแม่ผู้ปกครองที่รักและเอาใจใส่
ลูกหลานหลายๆบ้าน สั่งสอนอบรมกำหนดกฏเกณฑ์ความปลอดภัยตั้งแต่ยังพูดไม่ได้
โตมาหน่อยก็สอนให้รู้เท่าทันอุบายคนร้าย โดยที่ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เผชิญโลกเอง!
ส่วนการแก้ปัญหา การเข้าสังคม การตัดสินใจต่างๆเป็นสิ่งที่เป็นศิลปะการสอนของแต่บ้านเอง
บางบ้านที่เลี้ยงลูกมาโดยให้ช่วยเหลือตัวเองทุกอย่างกับสอนตรงนี้ได้ไม่ดีก็มีเยอะ
มาว่าถึงข้อเสียที่จากการเลี้ยงดูแบบของเราก็มีมากเหมือนกันนะ
อย่างมันทำให้เราค่อนข้างติดความสบาย ตอนเด็กๆพ่อแม่ทำให้ทุกอย่าง
โตมามีเงินก็ใช้เงินอำนวยความสะดวกในชีวิต เป็นคชจที่เยอะเหมือนกันนะ
เราไม่ค่อยทนกับปัญหาที่ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ เพราะทางบ้านคอยsupportตลอด
เรื่องความรักเราก็มาตรฐานสูง ถ้ารักแล้วดูทรงว่าจะลำบากเราก็ไม่ไป
เลยไม่เคยมีแฟนมาจนทุกวันนี้55 (แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาอะไรนะ)
เรารักพ่อแม่มากๆ ถ้าท่านไม่ยอมอดทนเลี้ยงเรามาแบบนี้ เราคงไม่ได้เติบโตมาอย่างดีแบบนี้
เปรียบเทียบกับญาติที่พื้นฐานใกล้เคียงกับครอบครัวเรา
ตอนเด็กๆเขามาก้าวก่ายการเลี้ยงลูกของพ่อแม่เราหลายอย่าง
บอกว่าจะทำให้เราทำอะไรไม่เป็น เอาตัวรอดไม่ได้(ตอนเด็กพ่อกับแม่รับส่งตลอด
+ไม่อนุญาตให้ไปตจวแบบไปกลับและไปค้างที่ไหนถ้าพ่อแม่ไม่ไปด้วย
ไปเข้าค่ายพ่อยังแอบตามไปดูด้วยซ้ำ เพิ่งมาปล่อยตอนเกือบๆเรียนจบที่ท่านเห็นว่า
เราโตพอที่จะเป็นที่พึ่งแก่ตัวเองได้ดีแล้ว)
จะโตไปไม่มีความรับผิดชอบบ้างล่ะ พอเวลาผ่านไปจนเราโตมาทุกวันนี้เขากลับเงียบ
ไม่มาสู้หน้า ลูกๆของเขาตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะเรียนจบและทำงานหาเงินพึ่งพาตัวเองได้ด้วยซ้ำ
(แต่มีภรรยาแล้ว) ได้แต่คุยวาดฝันไปวันๆว่าจบเเล้วจะทำอย่างนู้นอย่างนี้
งานบ้านอื่นๆ งานบ้านเกี่ยวกับตัวเอง มีคนทำให้ทั้งหมด
บ้านเราก็ไม่ได้รวยนะ(แต่ไม่ได้ลำบาก) เป็นขรก.ธรรมดาๆ(แต่น่าภูมิใจนะ บ้านเรารับข้าราชการ
อย่างซื่อสัตย์สุจริตไม่เคยคดโกงใครมาตั้งแต่รุ่นคุณตา&ยายแล้ว)
เราพูดได้อย่างมั่นใจว่าเราถูกอบรมมาอย่างดี มีกริยามารยาท
การพูดจา(เราไม่เคยพูดภาษาพ่อขุนด้วยซ้ำ) พุทธศาสนิกชนที่ดี ฯลฯ
คำถามที่ว่าโตมาเป็นคนแบบไหน ก็ปกติทั่วๆไปของสังคมนี่แหละค่ะ
อย่างเราโตมาก็เรียนจุฬาฯในคณะที่คะแนนอันดับต้นๆของสายวิทย์
จบมาก็ทำงานเอกชนรายได้มากค่าค่าเเรงขั้นต่ำของป.ตรีหลายเท่าเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
เพื่อนฝูงสังคมก็คบกันปกติ คนไหนนิสัยดีเข้ากันได้ดีก็คบไปยาวๆ
มีเพื่อนกลุ่มนึงคบกันมา15จะ16ปีแล้ว
เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยก็ทำงานอยู่ด้วยกันบ้าง ไปเที่ยวตจว./ตปทกันบ้างไม่ได้ขาด
เรื่องIQ EQ การใช้ชีวิตของเราไม่มีปัญหานะ
อ่านคหที่8ของคุณLioness แล้วแปลกๆ
จะพูดว่าโลกแคบก็ไม่อยากใช้คำขนาดนั้น เนื่องจากเห็นหน้าค่าตาหลายกระทู้
บางกท.ก็ตอบดีมาก เป็นประโยชน์ต่อคนอ่านอย่างเรา
โลกภายนอกมันมีมุมที่แย่ๆเยอะมากโดยเฉพาะกับผญ. พ่อแม่ผู้ปกครองที่รักและเอาใจใส่
ลูกหลานหลายๆบ้าน สั่งสอนอบรมกำหนดกฏเกณฑ์ความปลอดภัยตั้งแต่ยังพูดไม่ได้
โตมาหน่อยก็สอนให้รู้เท่าทันอุบายคนร้าย โดยที่ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เผชิญโลกเอง!
ส่วนการแก้ปัญหา การเข้าสังคม การตัดสินใจต่างๆเป็นสิ่งที่เป็นศิลปะการสอนของแต่บ้านเอง
บางบ้านที่เลี้ยงลูกมาโดยให้ช่วยเหลือตัวเองทุกอย่างกับสอนตรงนี้ได้ไม่ดีก็มีเยอะ
มาว่าถึงข้อเสียที่จากการเลี้ยงดูแบบของเราก็มีมากเหมือนกันนะ
อย่างมันทำให้เราค่อนข้างติดความสบาย ตอนเด็กๆพ่อแม่ทำให้ทุกอย่าง
โตมามีเงินก็ใช้เงินอำนวยความสะดวกในชีวิต เป็นคชจที่เยอะเหมือนกันนะ
เราไม่ค่อยทนกับปัญหาที่ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ เพราะทางบ้านคอยsupportตลอด
เรื่องความรักเราก็มาตรฐานสูง ถ้ารักแล้วดูทรงว่าจะลำบากเราก็ไม่ไป
เลยไม่เคยมีแฟนมาจนทุกวันนี้55 (แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาอะไรนะ)
เรารักพ่อแม่มากๆ ถ้าท่านไม่ยอมอดทนเลี้ยงเรามาแบบนี้ เราคงไม่ได้เติบโตมาอย่างดีแบบนี้
เปรียบเทียบกับญาติที่พื้นฐานใกล้เคียงกับครอบครัวเรา
ตอนเด็กๆเขามาก้าวก่ายการเลี้ยงลูกของพ่อแม่เราหลายอย่าง
บอกว่าจะทำให้เราทำอะไรไม่เป็น เอาตัวรอดไม่ได้(ตอนเด็กพ่อกับแม่รับส่งตลอด
+ไม่อนุญาตให้ไปตจวแบบไปกลับและไปค้างที่ไหนถ้าพ่อแม่ไม่ไปด้วย
ไปเข้าค่ายพ่อยังแอบตามไปดูด้วยซ้ำ เพิ่งมาปล่อยตอนเกือบๆเรียนจบที่ท่านเห็นว่า
เราโตพอที่จะเป็นที่พึ่งแก่ตัวเองได้ดีแล้ว)
จะโตไปไม่มีความรับผิดชอบบ้างล่ะ พอเวลาผ่านไปจนเราโตมาทุกวันนี้เขากลับเงียบ
ไม่มาสู้หน้า ลูกๆของเขาตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะเรียนจบและทำงานหาเงินพึ่งพาตัวเองได้ด้วยซ้ำ
(แต่มีภรรยาแล้ว) ได้แต่คุยวาดฝันไปวันๆว่าจบเเล้วจะทำอย่างนู้นอย่างนี้
แสดงความคิดเห็น
เด็กที่เลี้ยง แบบไม่ให้ทำอะไรเลย นอกจากเรียน ถ้าเค้าโต จะเป็นแบบไหน
พ่อซักผ้า เกงใน เสื้อใน พร้อม ตาก รีดให้ เด็กไม่ทำไรเลย เวลากินพ่อต้องเอาเข้าไปเสริฟถึงห้อง กินเสร็จ ก้อไม่เอาออกมาเก็บ ปล่อยให้เหม็นคาห้อง พ่อต้องไปเก็บล้าง ผ้าอนามัยพ่อยังต้องไปซื้อให้
เวลาไปไหนกับพ่อ ถ้าอยากกินไรพ่อต้องลงไปซื้อให้ จะไม่ลงจากรถเลย จะลงเฉพาะซื้อขนมในเซ่เว่น ซื้อเครื่องสำอาง
ตอนเช้าไปเรียนลืมของบ่อยมาก พ่อต้องกลับไปเอาของที่บ้านตลอด ไม่เคยจัดตารางเรียนไว้ตอนคืน เวลาว่างคือเล่นแต่มือถือ
ไม่เอาไรเลยค่ะ นอกจากเรียนกับเล่นมือถือ ล้างจานไม่เคยล้าง มอไซก้อขี่ไม่เป็น
ไปรร ตอนเช้าพ่อรีดชุดนักเรียนให้ แล้วจะไปแขวนให้ในห้อง เด็กมีหน้าที่แต่งตัวอย่างเดียว แต่มักจะตะโกนถามว่าเสื้อชั้นใน เสื้อซับอยู่ไหน พ่อก้อต้องเดินไปหยิบที่หน้าห้องมาให้ พ่อต้องหยิบถุงเท้าไว้ให้ในรถ เพราะเด็กจะใส่ถุงเท้าในรถ ข้าวต้องเตรียมไว้ให้ในรถ เพราะจะกินในรถ
เพิ่มเติม บ้านไม่ได้ร่ำรวยฐานะปานกลาง พ่อทำงานบริษัทเงินเดือน 50000 ค่ะ งานที่พ่อเค้าทำก้อตากแดดบ้าง ไม่ได้สบายมาก เราจะสื่อเรื่องจิดสำนึกเด็กว่าไม่มีเลยหรือ คือถ้าบ้านไหนมีแม่บ้าน อันนั้นเราเฉยๆนะ แต่นี่ไม่ได้มีแม่บ้านและคนรับใช้ค่ะ
หลายครั้งเด็กคนนี้ก้อโกรธพ่อเวลาแต่งตัว ที่ไม่ยอมหยิบเสื้อชั้นใน เกงในไว้ให้ในห้อง มันยังมีรายละเอียดปีกย่อยอีกมากมายค่ะ
เช่นกระโปรงนักเรียนตัวใหม่ ที่ชายกระโปรงเย็บด้ายไว้ คือพ่อเค้าก้อดึงออกให้ แต่ออกไม่หมดไง พอเด็กใส่ก้อตะโกนถามพ่อว่าพ่อทำไมดึงออกไม่หมด พ่อเค้าทำธุระอยู่ ต้องไปดึงออกให้ ถ้าเป็นเด็กทั่วไปคงดึงด้ายออกเอง นี่ที่ไม่ทำคือ เด็กทำไม่เป็นนะ ไม่รู้ว่าต้องทำไง
ขอเพิ่มอีกนิดนะ เช่นผ้าอนามัยใช้เสร็จจะใส่ถุงใบใหญ่ๆไว้ ไม่มีการมัดปากถุงหรือห่ออะไรทั้งสิ้น หมกไว้ในห้อง หลายอัน ร่วม50ชิ้น คิดดูว่ากี่เดือน ไม่เคยเอาออกมาทิ้งเลย ไม่คิดจะเอามาทิ้งขยะด้วย พ่อไปเจอถึงเก็บออกมาทิ้งให้
เสื้อผ้าที่ใส่แล้ว แทบไม่เคยใส่เสื้อผ้าลงตะกร้า ถอดกองไว้บนพื้น ทั้งที่ตะกร้าอยู่ใกล้ๆ