สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เหมือนชีวิตเราเลย 555+
อายุ 30 กว่าๆ ไม่ได้แต่งงาน เป็นโสดตลอดชีพ
เรามีเงินเก็บ 8 หลัก ละ กินดอกเบี้ยเดือนละ 5 หลักค่ะ
แต่ภาระก็เยอะเหมือนกัน ต้องมานั่งเลี้ยงพี่ชาย พี่สะใภ้ หลานอีกหลายคน พ่อแม่ อีก
ไม่ได้ทำงานกันทั้งตระกูล มีเราคนเดียวที่ทำงานหาเงินมาเลี้ยงทั้งตระกูล จนตอนนี้กิจการที่ทำอยู่เจ๊งไปละ
เลยอยู่บ้าน นั่งกิน นอนกิน เล่นเกม อ่านการ์ตูน ฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต ไปวันๆ ไม่ได้ทำงานใดๆ แล้วค่ะ นอกจากบริหารเงินเก็บอย่างเดียว
โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนโลกส่วนตัว จะเรียกว่า hikkikomori ก็คงได้ 555+ ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียวค่ะ คติประจำตัวคือไม่คบกับมนุษย์ค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานหรือมีธุระ ใส่หน้ากากสังคม จะไม่คุยกับใครเลย
เดือนกันยายนที่ผ่านมา ออกจากบ้าน 2 ครั้งเท่านั้น
แม่มีหน้าที่จัดการข้าวให้กิน จบค่ะ
ไม่ได้ออกจากกรุงเทพ มา 10 กว่าปี แล้วมั้งคะ เคยไปเที่ยวต่างจัดหวัดครั้งสุดท้าย คือ เข้าค่ายตอนเรียนมหาวิทยาลัย
ไม่สนใจธรรมชาติค่ะ ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล ไม่อยู่ในสายตา คนอื่นเขาดูพลุ ดอกไม้ วิวทิวทัศน์ แล้วบอกว่าสวย น่าเที่ยว
แต่เราเฉยกับสิ่งเหล่านี้ค่ะ ไม่อยู่ในสายตา
โรคจิตดีมั้ยคะ 555+
อายุ 30 กว่าๆ ไม่ได้แต่งงาน เป็นโสดตลอดชีพ
เรามีเงินเก็บ 8 หลัก ละ กินดอกเบี้ยเดือนละ 5 หลักค่ะ
แต่ภาระก็เยอะเหมือนกัน ต้องมานั่งเลี้ยงพี่ชาย พี่สะใภ้ หลานอีกหลายคน พ่อแม่ อีก
ไม่ได้ทำงานกันทั้งตระกูล มีเราคนเดียวที่ทำงานหาเงินมาเลี้ยงทั้งตระกูล จนตอนนี้กิจการที่ทำอยู่เจ๊งไปละ
เลยอยู่บ้าน นั่งกิน นอนกิน เล่นเกม อ่านการ์ตูน ฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต ไปวันๆ ไม่ได้ทำงานใดๆ แล้วค่ะ นอกจากบริหารเงินเก็บอย่างเดียว
โดยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนโลกส่วนตัว จะเรียกว่า hikkikomori ก็คงได้ 555+ ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียวค่ะ คติประจำตัวคือไม่คบกับมนุษย์ค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานหรือมีธุระ ใส่หน้ากากสังคม จะไม่คุยกับใครเลย
เดือนกันยายนที่ผ่านมา ออกจากบ้าน 2 ครั้งเท่านั้น
แม่มีหน้าที่จัดการข้าวให้กิน จบค่ะ
ไม่ได้ออกจากกรุงเทพ มา 10 กว่าปี แล้วมั้งคะ เคยไปเที่ยวต่างจัดหวัดครั้งสุดท้าย คือ เข้าค่ายตอนเรียนมหาวิทยาลัย
ไม่สนใจธรรมชาติค่ะ ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล ไม่อยู่ในสายตา คนอื่นเขาดูพลุ ดอกไม้ วิวทิวทัศน์ แล้วบอกว่าสวย น่าเที่ยว
แต่เราเฉยกับสิ่งเหล่านี้ค่ะ ไม่อยู่ในสายตา
โรคจิตดีมั้ยคะ 555+
ความคิดเห็นที่ 4
บางคน ไม่ทำอะไร หรือเพราะ เราไม่เห็นว่าเขาทำอะไร?
อย่างพวกนักลงทุน (เช่นพวกเพื่อนๆผม) เกือบทุกคน ตอนกลางวันลอยหน้าลอยตากันมาก เดินห้าง ดูหนัง กินข้าว ซื้อของเล่นมาเล่น โผล่โน่นที โผล่นี่ที โทรหาว่างตลอด นัดวันไหนว่างตลอด นัดกี่โมงว่างตลอด.....แต่กลางคืนห้ามชวนออก จะอ่านหนังสือ จะหาหุ้น มันเงียบดี ไม่มีใครมากวน
บางคนเรียกคนข้างบนว่า "พวกไม่ทำอะไร" เห็นเที่ยวตลอด....แต่คนที่รู้จริงๆก็รู้ว่าเขาทำงานหนักกันแค่ไหนกว่าจะมายืนได้ตรงจุดนี้ อ่านหนังสือกันเป็นร้อยๆพันๆเล่ม ถ้าเอาหนังสือที่เขาอ่านมาวางซ้อนกัน มันคงสูงท่วมหัวคนอ่านไปแล้ว
อย่างพวกนักลงทุน (เช่นพวกเพื่อนๆผม) เกือบทุกคน ตอนกลางวันลอยหน้าลอยตากันมาก เดินห้าง ดูหนัง กินข้าว ซื้อของเล่นมาเล่น โผล่โน่นที โผล่นี่ที โทรหาว่างตลอด นัดวันไหนว่างตลอด นัดกี่โมงว่างตลอด.....แต่กลางคืนห้ามชวนออก จะอ่านหนังสือ จะหาหุ้น มันเงียบดี ไม่มีใครมากวน
บางคนเรียกคนข้างบนว่า "พวกไม่ทำอะไร" เห็นเที่ยวตลอด....แต่คนที่รู้จริงๆก็รู้ว่าเขาทำงานหนักกันแค่ไหนกว่าจะมายืนได้ตรงจุดนี้ อ่านหนังสือกันเป็นร้อยๆพันๆเล่ม ถ้าเอาหนังสือที่เขาอ่านมาวางซ้อนกัน มันคงสูงท่วมหัวคนอ่านไปแล้ว
ความคิดเห็นที่ 28
ผมคิดว่า ชีวิตคนเราไม่ได้เกิดมา เพื่อทำงาน หาเงิน
แต่เกิดมาเพื่อใช้ชีวิต พัฒนาชีวิต
คนสมัยก่อน ก็ไม่ได้ทำงานเพื่อหาเงิน แต่ทำมาหากิน
คือ ปลูกผัก จับปลา เก็บผัก เลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านเองจากไม้
พึ่งพาตนเองเกือบทั้งหมด หา ผลิตอาหารที่มีคุณภาพได้เอง ที่อยู่สร้างเอง ยารักษาโรคก็ตามพื้นบ้าน เสื้อผ้าก็พื้นๆ
อาจจะมีรายได้ที่เป็นเงินบ้าง หรือ เก็บไว้ในรูปทรัพย์สิน คือ วัวควาย ที่ดิน
เขาก็อยู่กันได้ สบายๆ เวลาเหลือๆ ก็ไปทำประโยชน์ ไปทำบุญ
แต่เราในปัจจุบัน หลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เครื่องจักรมาแทนแรงงานคนมากขึ้น
มีการเก็บ การออมในรูป เงินตรา ทองคำ ใช้เงินเพื่อแลกปัจจัยยังชีพ เกือบทุกอย่าง
เราถูกหล่อหลอม ปลูกฝัง ให้หาเงินได้มากๆ เพื่อ ซื้อ อาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า
ปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย พึ่งพาสิ่งนอกกาย ทุกอย่าง ไม่เคยเหลียวคิดที่จะพึ่งพาตนเอง
สร้างอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดสาร เพื่อตนเองบ้าง บางส่วน ยารักษาโรคพื้นฐาน สมุนไพร พืชผัก
บางที การทำอย่างนี้กลับกลายบางคนว่าเป็นเรื่องตลก เสียเวลา มาปลูกผัก เก็บผักกินเอง
เอาเวลาไปหาเงินให้เยอะๆ แล้วไปซื้อตามซุปเปอร์ง่ายกว่า ก็แล้วแต่จะคิดจะทำกันไป
ก็คนเราสมัยนี้เป็นมนุษย์ ที่ห่างไกล ความเป็นสิ่งมีชีวิตเข้าไปทุกที
พิมพ์ซะยืดยาว สรุปว่า บางคนที่ไม่ดิ้นรนทำงาน อาจเพราะเขาคิดว่า เขาไม่เดือดร้อน มีพอเพียงแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าจะยั่งยืน แค่ไหน ก็แล้วแต่การวางแผน
แต่เกิดมาเพื่อใช้ชีวิต พัฒนาชีวิต
คนสมัยก่อน ก็ไม่ได้ทำงานเพื่อหาเงิน แต่ทำมาหากิน
คือ ปลูกผัก จับปลา เก็บผัก เลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านเองจากไม้
พึ่งพาตนเองเกือบทั้งหมด หา ผลิตอาหารที่มีคุณภาพได้เอง ที่อยู่สร้างเอง ยารักษาโรคก็ตามพื้นบ้าน เสื้อผ้าก็พื้นๆ
อาจจะมีรายได้ที่เป็นเงินบ้าง หรือ เก็บไว้ในรูปทรัพย์สิน คือ วัวควาย ที่ดิน
เขาก็อยู่กันได้ สบายๆ เวลาเหลือๆ ก็ไปทำประโยชน์ ไปทำบุญ
แต่เราในปัจจุบัน หลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เครื่องจักรมาแทนแรงงานคนมากขึ้น
มีการเก็บ การออมในรูป เงินตรา ทองคำ ใช้เงินเพื่อแลกปัจจัยยังชีพ เกือบทุกอย่าง
เราถูกหล่อหลอม ปลูกฝัง ให้หาเงินได้มากๆ เพื่อ ซื้อ อาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า
ปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย พึ่งพาสิ่งนอกกาย ทุกอย่าง ไม่เคยเหลียวคิดที่จะพึ่งพาตนเอง
สร้างอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดสาร เพื่อตนเองบ้าง บางส่วน ยารักษาโรคพื้นฐาน สมุนไพร พืชผัก
บางที การทำอย่างนี้กลับกลายบางคนว่าเป็นเรื่องตลก เสียเวลา มาปลูกผัก เก็บผักกินเอง
เอาเวลาไปหาเงินให้เยอะๆ แล้วไปซื้อตามซุปเปอร์ง่ายกว่า ก็แล้วแต่จะคิดจะทำกันไป
ก็คนเราสมัยนี้เป็นมนุษย์ ที่ห่างไกล ความเป็นสิ่งมีชีวิตเข้าไปทุกที
พิมพ์ซะยืดยาว สรุปว่า บางคนที่ไม่ดิ้นรนทำงาน อาจเพราะเขาคิดว่า เขาไม่เดือดร้อน มีพอเพียงแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าจะยั่งยืน แค่ไหน ก็แล้วแต่การวางแผน
แสดงความคิดเห็น
เคยเจอไหม คนที่ไม่ดิ้นรนทำอะไรเลย เอาแต่อยู่เฉยๆ จริงๆ (ที่เป็นวัยทำงาน)
ถ้าเจอ เขาเป็นแบบนั้นเพราะอะไร
หรือถ้าเป็นคุณไม่ได้ทำงาน ไม่อยากทำอะไร อยู่เฉยๆ เป็นเพราะอะไรถึงมีสิ่งมาทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นครับ
ผมเคยเจอคนที่มองว่าตนเองมีเงินพอแล้ว เลยไม่คิดจะทำอะไร แต่ระยะยาวก็ไม่ดีเพราะคนที่ผมเจอ คนนึงไม่ได้มีเงินเป็นล้าน แต่มีแค่ หลักแสน ซึ่งมันไม่พอแน่ๆ ครับ กับสังคมสมัยนี้