พุทธวจน ธรรมน่าอัศจรรย์ สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม

พวกฤาษีแม้เป็นภายนอก ย่อมทรงจำมหาปุริสลักษณะของพระมหาบุรุษ ๓๒ เหล่านี้ได้

ลักขณสูตร

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน
กำเนิดก่อน เป็นผู้มีสมาทานมั่นในกุศลธรรม มีสมาทานไม่ถอยหลังในกายสุจริต
ในวจีสุจริต ในมโนสุจริต ในการบำเพ็ญทาน ในการสมาทานศีล ในการรักษา
อุโบสถ ในการปฏิบัติดีในมารดา ในการปฏิบัติดีในบิดา ในการปฏิบัติดีในสมณะ
ในการปฏิบัติดีในพรหม ในความเป็นผู้เคารพต่อผู้ใหญ่ในสกุลและในธรรมเป็น
อธิกุศลอื่นๆ ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก
เพราะกรรมนั้น อันตนทำสั่งสม พอกพูนไพบูลย์ ตถาคตย่อมครอบงำเทวดา
ทั้งหลายอื่นในโลกสวรรค์ โดยสถาน ๑๐ คือ อายุทิพย์ วรรณทิพย์ ความสุข
ทิพย์ ยศทิพย์ ความเป็นอธิบดีทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์
และโผฏฐัพพทิพย์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาถึงความเป็นอย่างนี้ ย่อม
ได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้

             [๑๓๒] พระมหาบุรุษนั้น มีพระบาทตั้งอยู่เฉพาะเป็นอันดี คือทรง
เหยียบพระบาทเสมอกันบนพื้น ทรงยกพระบาทขึ้นก็เสมอกัน ทรงจดภาคพื้นด้วย
ฝ่าพระบาททุกส่วนเสมอกัน พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครอง
เรือนจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ดำรงอยู่ในธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นอิสระ
ในแผ่นดินมีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรงชำนะแล้ว มีราชอาณาจักรมั่นคง
สมบูรณ์ด้วยรตนะ ๗ ประการ คือ จักรรัตน์ หัสดีรัตน์ อัสวรัตน์ มณีรัตน์
อิตถีรัตน์ คฤบดีรัตน์ ปริณายกรัตน์เป็นที่ ๗ และมีพระราชโอรสมากกว่าพัน
ล้วนเป็นผู้แกล้วกล้า มีพระรูปสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาแห่งปรปักษ์
เสียได้ และพระมหาบุรุษนั้นทรงชนะโดยธรรมมิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศัสตรา
ปกครองแผ่นดินนี้มีสาครเป็นขอบเขต มิได้มีเสาเขื่อน มิได้มีนิมิต ไม่มีเสี้ยน
หนาม มั่งคั่งแพร่หลาย มีความเกษมสำราญ มิได้มีเสนียด เมื่อเป็นพระราชาจะ
ได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้ผลข้อนี้ คือ ไม่มีใครๆ ที่เป็นมนุษย์ ซึ่งเป็น
ข้าศึกศัตรูจะพึงข่มได้ อนึ่ง ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนทรงผนวชเป็นบรรพ-
*ชิต จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก
เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้ผลข้อนี้ คือ ไม่มี
เหล่าข้าศึกศัตรูภายในหรือภายนอก คือ ราคะ โทสะ โมหะ หรือสมณพราหมณ์
เทวดา มาร พรหม ใครๆ ในโลกจะพึงข่มได้
พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความ
นี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลายจึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะนั้นว่า ฯ
             [๑๓๓]     พระมหาบุรุษยินดีในวจีสัจ ในธรรม [กุศลกรรมบถ] ความ
                          ฝึกตน ความสำรวม ความเป็นผู้สะอาด ศีลที่เป็นอาลัย
                          อุโบสถกรรม ความไม่เบียดเบียนเหล่าสัตว์ และกรรมอันไม่
                          สาหัส สมาทานแล้วมั่นคง ทรงประพฤติมาแล้วอย่างรอบคอบ
                          เพราะกรรมนั้น พระมหาบุรุษจึงหลีกไปสู่ไตรทิพย์ เสวย
                          ความสุขและสมบัติเป็นที่เพลิดเพลินยินดี จุติจากไตรทิพย์แล้ว
                          เวียนมาในโลกนี้ เหยียบปฐพีด้วยฝ่าพระบาทอันเรียบ พวก
                          พราหมณ์ผู้ทำนายพระลักษณะมาประชุมกันแล้วทำนายว่า พระ-
                          *ราชกุมารนี้มีฝ่าพระบาทประดิษฐานเรียบ เป็นคฤหัสถ์หรือ
                          บรรพชิต ก็ไม่มีใครข่มได้ พระลักษณะนั้นย่อมเป็นนิมิตส่อง
                          เนื้อความนั้น พระราชกุมารนี้ เมื่ออยู่ครองฆราวาส ไม่มีใคร
                          สามารถข่มได้ มีแต่ครอบงำพวกปรปักษ์เหล่าศัตรูมิอาจย่ำยีได้
                          ใครๆ ที่เป็นมนุษย์ในโลกนี้หาข่มได้ไม่ เพราะผลแห่งกุศล
                          กรรมนั้น ถ้าพระราชกุมารเช่นนั้น เข้าถึงบรรพชา ทรงยินดี
                          ยิ่งด้วยความพอใจในเนกขัมมะ จะมีพระปรีชาเห็นแจ่มแจ้ง
                          เป็นอัครบุคคล ไม่ถึงความเป็นผู้อันใครๆ ข่มได้ ย่อมเป็นผู้
                          สูงสุดกว่านรชน อันนี้แลเป็นธรรมดาของพระกุมารนั้น ฯ
             [๑๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน
กำเนิดก่อน ได้เป็นผู้นำความสุขมาให้แก่ชนเป็นอันมาก บรรเทาภัยคือความ
หวาดกลัวและความหวาดเสียว จัดความรักษาปกครองป้องกันโดยธรรม และ
บำเพ็ญทานพร้อมด้วยวัตถุอันเป็นบริวาร เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อม
เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้นอันตนทำสั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯ
             ตถาคตย่อมครอบงำเทวดาทั้งหลายอื่นในโลกสวรรค์โดยสถาน ๑๐ คือ
อายุทิพย์ วรรณทิพย์ ความสุขทิพย์ ยศทิพย์ ความเป็นอธิบดีทิพย์ รูปทิพย์
เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ และโผฏฐัพพทิพย์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้น
แล้ว มาถึงความเป็นอย่างนี้ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ ในฝ่าพระ
บาททั้ง ๒ มีจักรเกิดเป็นอันมาก มีซี่กำพันหนึ่ง มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการ
ทั้งปวง มีระหว่างอันกุศลกรรมแบ่งเป็นอันดี พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น
ถ้าอยู่ครองเรือน จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร
เมื่อเป็นพระราชาจะได้ผลข้อนี้ คือ มีบริวารมาก คือ มีบริวารเป็นพราหมณ์ เป็น
คฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็น
กองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็น
ราชกุมาร ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนทรงผนวชเป็นบรรพชิต จะเป็นพระ
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อเป็นพระ
พุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้ผลข้อนี้ คือ มีบริวารมาก คือ มี
บริวารเป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์
เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระ
โบราณกเถระทั้งหลาย จึงกล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะนั้นว่า
             [๑๓๕]     พระมหาบุรุษเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อนๆ ผู้นำความสุขมา
                          ให้แก่ชนมาก บรรเทาภัยคือ ความหวาดกลัวและความ
                          หวาดเสียว ขวนขวายในความคุ้มครองรักษาป้องกัน เพราะ
                          กรรมนั้น พระมหาบุรุษจึงหลีกไปสู่ไตรทิพย์ เสวยความสุข
                          และสมบัติเป็นที่เพลิดเพลินยินดี ครั้นจุติจากไตรทิพย์แล้ว
                          เวียนมาในโลกนี้ ย่อมได้ลายจักรทั้งหลาย มีซี่กำพันหนึ่ง มี
                          กง มีดุม โดยรอบ ในฝ่าพระบาททั้ง ๒ พวกพราหมณ์ผู้
                          ทำนายลักษณะมาประชุมกันแล้วเห็นพระราชกุมารมีลักษณะอัน
                          เกิดด้วยบุญเป็นร้อยๆ แล้วทำนายว่า พระราชกุมารนี้จักมี
                          บริวาร ย่ำยีเสียซึ่งศัตรู เพราะจักรทั้งหลายมีกงโดยรอบอย่าง
                          นั้น ถ้าพระราชกุมารเช่นนั้นไม่เข้าถึงบรรพชา จะยังจักรให้
                          เป็นไป และปกครองแผ่นดิน มีกษัตริย์ที่มียศมากเป็นอนุยนต์
                          ติดตามห้อมล้อมพระองค์ ถ้าและพระราชกุมารเช่นนั้นเข้าถึง
                          บรรพชา เป็นผู้ยินดียิ่งด้วยความพอใจในเนกขัมมะ จะมีพระ
                          ปรีชาเห็นแจ่มแจ้ง พวกเทวดา มนุษย์ อสูร ท้าวสักกะ
                          ยักษ์ คนธรรพ์ นาค วิหค และสัตว์ ๔ เท้า ที่มียศมากจะ
                          ห้อมล้อมพระองค์ผู้ไม่มีใครยิ่งกว่า อันเทวดาและมนุษย์บูชา
                          แล้ว ฯ
             [๑๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน
กำเนิดก่อน ละปาณาติบาตแล้ว เว้นขาดจากปาณาติบาตแล้ว วางทัณฑะ วาง
ศาตราแล้ว มีความละอาย มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่
ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น
อันตนทำสั่งสมพอกพูนไพบูลย์ ตถาคตย่อมครอบงำเทวดาทั้งหลายอื่นในโลก
สวรรค์ โดยสถาน ๑๐ คือ อายุทิพย์ วรรณทิพย์ ความสุขทิพย์ ยศทิพย์
ความเป็นอธิบดีทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ และโผฏฐัพพ-
*ทิพย์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่ง
มหาปุริสลักษณะ ๓ ประการ คือ ส้นพระบาทยาว ๑ มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาท
ยาว ๑ มีพระกายตรงดังว่ากายแห่งพรหม ๑ พระมหาบุรุษนั้นสมบูรณ์ด้วยลักษณะ
ทั้งหลายนั้น ถ้าอยู่ครองเรือน จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชา
จะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาได้ผลข้อนี้ คือ มีพระชนมายุยืนดำรงอยู่นาน ทรง
อภิบาลพระชนมายุยืนยาว ไม่มีใครๆ ที่เป็นมนุษย์ซึ่งเป็นข้าศึกศัตรูสามารถปลง
พระชนม์ชีพในระหว่างได้ ถ้าพระมหาบุรุษนั้นออกจากเรือนทรงผนวชเป็นบรรพชิต
จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก เมื่อ
เป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้ผลข้อนี้ คือ มีพระชนมายุ
ยืนดำรงอยู่นาน ทรงอภิบาลพระชนมายุยืนยาว ไม่มีข้าศึกศัตรูจะเป็นสมณะ
พราหมณ์ เทวดา พรหม มาร ใครๆ ในโลก สามารถปลงพระชนม์ชีพใน
ระหว่างได้ พระผู้มีพระภาคตรัสเนื้อความนี้ไว้ พระโบราณกเถระทั้งหลาย จึง
กล่าวคาถาประพันธ์นี้ในพระลักษณะเหล่านั้นว่า
             [๑๓๗]     พระมหาบุรุษทรงทราบว่าการฆ่าอันเป็นเหตุให้สัตว์ตายว่าเป็น
                          ภัยแก่ตน ได้เป็นผู้เว้นขาดแล้ว เบื้องหน้าแต่มรณะ ได้ไป
                          แล้วสู่สวรรค์ เพราะกรรมที่ทรงประพฤติดีแล้วนั้น เสวยวิบาก
                          อันเป็นผลแห่งกรรมที่ทรงทำดีแล้วจุติ [จากสวรรค์] แล้วเวียน
                          มาในโลกนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งลักษณะ ๓ ในโลกนี้ คือ มี
                          ส้นพระบาทยาวงาม ๑ พระกายเกิดดีตรงสวยงาม ประหนึ่งว่า
                          กายพรหม มีพระพาหางาม มีความเป็นหนุ่ม ทรวดทรงสวย
                          เป็นสุชาต ๑ มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทยาวอ่อนดังปุยฝ้าย ๑
                          พระชนกเป็นต้นทรงบำรุงพระราชกุมาร เพื่อให้มีพระชนมายุ
                          เป็นไปนาน เพราะพระองค์ทรงสมบูรณ์ด้วยปุริสลักษณะ ๓
                          ประการ ถ้าพระราชกุมารเป็นคฤหัสถ์ ก็จะให้พระชนม์ชีพ
                          เป็นไปนาน ถ้าทรงผนวชก็จะให้พระชนม์ชีพเป็นไปนานกว่านั้น
                          เพื่อให้วสีและอิทธิเจริญไป พระลักษณะนั้นเป็นนิมิต เพื่อ
                          ความเป็นผู้มีชนมายุยืนด้วยประการดังนี้ ฯ
             [๑๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน
กำเนิดก่อน เป็นผู้ให้ของที่ควรเคี้ยวและของที่ควรบริโภคอันประณีตและมีรสอร่อย
และให้น้ำที่ควรซดควรดื่ม ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เบื้องหน้าแต่ตาย
เพราะกายแตก เพราะกรรมนั้น อันตนทำ สั่งสม พอกพูน ไพบูลย์ ฯลฯ
ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริส
ลักษณะนี้ คือมีมังสะอูมในที่ ๗ สถาน คือที่หลังพระหัตถ์ทั้ง ๒ ก็มีมังสะอูม
ที่หลังพระบาททั้ง ๒ ก็มีมังสะอูม ที่บนพระอังสาทั้ง ๒ ก็มีมังสะอูม ที่ลำพระศอ
ก็มีมังสะอูม พระมหาบุรุษสมบูรณ์ด้วยลักษณะนั้น ถ้าอยู่ครองเรือน จะเป็น
พระเจ้าจักรพรรดิ์ ฯลฯ เมื่อเป็นพระราชาจะได้อะไร เมื่อเป็นพระราชาจะได้รับ
ผลข้อนี้ คือ ย่อมเป็นผู้ได้ของที่ควรเคี้ยวและของที่ควรบริโภคอันประณีตและมี
รสอร่อย และได้น้ำที่ควรซดควรดื่ม ถ้าพระมหาบุรุษนั้น ออกจากเรือนทรงผนวช
เป็นบรรพชิต จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคาคือกิเลสอันเปิดแล้ว
ในโลก เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้อะไร เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าจะได้รับผลข้อนี้
คือ ทรงได้ของที่ควรเคี้ยว และของที่ควรบริโภคอันประณีต และมีรสอร่อย
และทรงได้น้ำที่ควรซดควรดื่ม

http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=11&A=3182
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่